จากกรณีเมื่อเวลา 23.30 น. ของวันที่ 2 เม.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจ สน.ร่มเกล้า กรุงเทพฯ รับแจ้งเหตุจากนิติบุคคลของหมู่บ้าน และ รปภ. ของหมู่บ้าน ว่ามีชายปริศนาซึ่งไม่ใช่คนในหมู่บ้านขับรถมาจอดทิ้งเอาไว้ ก่อนจะมีการจี้ให้ รปภ. ขับรถไปส่ง โดยอ้างว่า กำลังถูกตามฆ่า ให้ไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อหนีเอาตัวรอด โดยคนก่อเหตุได้มีการทิ้งรถเอาไว้ในหมู่บ้าน ก่อนจะจี้ให้ รปภ. ขับไปส่ง แต่ระหว่างทาง รปภ. ใช้จิตวิทยาสังเกตพฤติกรรมและหาจุดปลอดภัยจึงหลอกล่อให้ลงจากรถมอเตอร์ไซค์ที่ซ้อนท้าย ก่อนที่จะขับรถหนี นั้น


.

วันนี้ (4 เม.ย. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งพบว่าเป็นหมู่บ้าน บ้านเดี่ยว อยู่ด้วยกันหลาย 100 หลังคาเรือน และมีนิติบุคคล พร้อมทั้ง รปภ. รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยในหมู่บ้านดังกล่าวมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดประมาณเกือบ 35 ตัว ซึ่งจับพฤติกรรมและความเคลื่อนไหวของรถเก๋งของชายปริศนา ที่ขับเข้ามาก่อเหตุจี้ รปภ.




ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิด ในคืนวันที่ 2 เม.ย. เวลาประมาณ 23.20 น. จับภาพรถเก๋งของคนก่อเหตุ ขับเข้ามาที่ป้อมรักษาความปลอดภัยหน้าหมู่บ้าน ก่อนที่จะถูก รปภ. ขวางไม่ให้เข้า จากนั้นรถเก๋งจะทำทีเหมือนถอยเพื่อเลี้ยวไปจอดหน้าหมู่บ้าน และ รปภ. เข้าไปพูดคุยด้วย ก่อนที่จะเห็นว่ารถเก๋งคันดังกล่าว ทำทีถอยหลังเข้ามาหน้าหมู่บ้าน จากนั้นมีการถอยยาวเข้ามาในหมู่บ้านโดยผ่าน รปภ. ทั้งที่กำลังยืนงงอยู่


และในกล้องวงจรปิดจะเห็นใบหน้าของคนก่อเหตุชัดเจน จะมีช่วงที่ชะโงกหน้าออกมา โดยมีการ ลดกระจกรถฝั่งคนขับ และผู้โดยสารเอาไว้ แต่รถคันดังกล่าวไม่มีการเปิดไฟหน้ารถ นอกจากนี้ยังมีภาพจากกล้องวงจรปิดอีก 10 กว่าตัวภายในหมู่บ้าน จับภาพรถเก๋งของชายปริศนาขับวนในหมู่บ้านก่อนที่จะเอาไปจอดทิ้ง




โดยภาพจากกล้องวงจรปิดจะจับภาพช่วงแรกหลังจากที่ถอยรถเข้ามาในหมู่บ้าน ผ่านป้อม รปภ. โดยภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพ 23.26 น. จะเห็นว่ารถเก๋งคันดังกล่าวมีลักษณะขับถอยหลังผ่านกล้อง ก่อนที่จะมีการไปกลับรถบริเวณกลางซอย แล้วขับเดินหน้าตามปกติ


ส่วนกล้องวงจรปิดอีกชุด จับภาพหลังจากที่เห็นรถเก๋งกลับรถกลางซอยแล้ว มีการขับเดินหน้าเพื่อวนในหมู่บ้าน โดยผ่านกล้องวงจรปิดอีกหลายตัว ซึ่งก็เห็นว่ารถมีการขับคล้ายกับพยายามหาที่จอด มีการขับแตะเบรกในหลายช่วง ก่อนที่จะตัดสินใจเอาไปจอดทิ้งไว้แถวกลางหมู่บ้าน ซึ่งรถคันดังกล่าวระหว่างที่ขับอยู่ในหมู่บ้าน ก็ยังมีการปิดไฟหน้ารถเอาไว้ แต่มีการปิดกระจกรถ




และหลังจากที่เห็นว่ารถเก๋งมีการหยุดจอดอยู่ที่บริเวณกลางซอย จะเห็นรถมอเตอร์ไซค์ของรปภ. คนที่ถูกจี้ มีการขับวนภายในหมู่บ้าน เพื่อหาเบาะแสว่ารถคันดังกล่าวขับไปจอดบริเวณจุดใด ซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิดหลายหลายมุมจับภาพ รปภ. ขับวนหา


อีกทั้งมีกล้องวงจรปิดกลางหมู่บ้านจับภาพระยะไกล ซึ่งจะเห็นเป็นช่วงวินาทีที่ตัวของชายคนก่อเหตุ เดินมายืนข้างรถสีขาวซึ่งเป็นรถของชาวบ้าน จากนั้นจะเห็นแสงไฟของรถ รปภ. ขับมาจอด และเป็นช่วงวินาทีที่เห็นชายคนดังกล่าวไปกระโดดขึ้นซ้อนท้าย เป็นวินาทีที่ถูกจี้เพื่อบังคับให้ขับออกไปจากหมู่บ้าน




จากนั้น กล้องวงจรปิดในหมู่บ้านจะจับภาพสุดท้ายที่เห็น รปภ. ขี่รถมอเตอร์ไซค์ แล้วมีตัวของชายคนก่อเหตุซ้อนท้ายสะพายกระเป๋าข้าง แต่มองไม่ชัดว่าในมือมีการจี้ด้วยอาวุธอะไร ซึ่งจะขับผ่านกล้องวงจรปิดหลายตัว เพื่อขับมุ่งหน้าออกจากหมู่บ้าน ออกไปไกลกว่า 2 กิโลเมตร


ด้านนางสาวจอย (นามสมมติ) นิติบุคคลของหมู่บ้าน เผยว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 2 เม.ย. หลังจากที่เกิดเหตุและรับแจ้งจาก รปภ. ที่ถูกจี้ว่ามีชายปริศนาบุกเข้ามาในหมู่บ้าน ลักษณะพยายามถอยรถเข้ามาจอด และใช้อาวุธบางอย่างที่ไม่ทราบว่าเป็นเป็นอะไร จี้ให้ไปส่งนอกหมู่บ้าน อ้างว่ามีคนกำลังตามฆ่า แต่หลังจากที่ รปภ. ไหวตัวทัน ก็ได้รีบมาแจ้งกับทางนิติและรวมถึงหัวหน้าชุด ตนเองจึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาทำการตรวจสอบ ซึ่งตำรวจก็ยังไม่ได้มีการดำเนินการอะไร ให้ไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้




ตนเองและคนในหมู่บ้านจึงได้มีการประสานเพจและนักข่าว เพื่อที่จะติดตามความคืบหน้าว่าชายคนดังกล่าวเป็นใคร แต่หลังจากที่มีการโพสต์ออกไปเมื่อคืน ปรากฏว่าวันนี้ได้รับการติดต่อจากตำรวจแล้ว ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าตลก ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนแต่ตำรวจไม่ได้สนใจ ให้ลงแต่บันทึกประจำวันเอาไว้


จนกระทั่งต้องเป็นเป็นข่าวถึงมีความคืบหน้า และที่สำคัญรถคันที่ถอยจอดเอาไว้ในหมู่บ้าน แจ้งตำรวจไปแล้วก็ไม่มีการนำออกไป จนต้องไปลงบันทึกประจำวันแล้ว ขอให้ตำรวจย้ายออกไปจากหมู่บ้าน เพราะกลัวว่าชายคนก่อเหตุจะย้อนกลับมาเอารถ อีกทั้งตนเองได้มีการเอาทะเบียนรถไปตรวจสอบจากบุคคลที่เชื่อถือได้ ก็พบว่าผู้ครอบครองรถเป็นชาวจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งไม่ใช่คนเดียวกันกับที่ขับรถเข้ามา เพราะรูปพรรณสัณฐานไม่ตรงกัน ตนเองจึงกังวลว่ารถคันดังกล่าวจะเป็นรถคันที่ถูกขโมยมาอีกทอดหรือไม่ จึงอยากให้ตำรวจเอาไปตรวจสอบ ไม่ใช่เอามาจอดทิ้งไว้แบบนี้




และหลังเกิดเหตุตัวเองได้คุยกับ รปภ. คนที่ถูกจี้ ซึ่งในคืนดังกล่าวตนเองต้องชื่นชมน้อง รปภ. ที่ใจกล้าและใช้หลักจิตวิทยาในการดูคน แม้ว่าจะถูกอาวุธจี้จนกระทั่งต้องขับรถออกไปส่งไกลถึง 2 กิโลเมตร แต่ก็หาทางเพื่อที่จะกลับมาได้ และจากข้อมูลที่ตนเองได้คุยกับน้อง รปภ. หลังจากที่ถูกจี้แล้วบังคับให้ไปส่งข้างนอกหมู่บ้าน เจ้าตัวก็ใจดีสู้เสือขับรถพาไปส่ง เพราะเข้าใจว่าอาจจะถูกคนตามล่าจริง แต่ระหว่างทางปรากฏว่าชายคนดังกล่าวมีการพูดทำนองหลอน ๆ ให้เร่งเครื่องเพราะกำลังถูกขับจี้เพื่อที่จะมาฆ่า แต่น้อง รปภ. หันไปมองด้านหลังไม่มีรถขับตามแม้แต่คันเดียว จึงเข้าใจว่าชายคนนั้นดังกล่าวหลอนและคิดไปเองอย่างแน่นอน จึงเอาไปส่งทิ้งเอาไว้ที่หน้าร้านสะดวกซื้อ เพราะมีไฟสองสว่างและมีกล้องวงจรปิด โดยให้ชายคนดังกล่าวนั้นลงจากรถเพื่อไปโบกแท็กซี่เอง หลังจากที่สลัดหลุดแล้ว รปภ. ก็ได้รีบขับรถเข้ามาในหมู่บ้านทันที


ส่วนตัวในฐานะนิติบุคคลได้มีการตรวจสอบชื่อ และรูปพรรณสัณฐานของชายคนดังกล่าว จากผู้อยู่อาศัยในหมู่บ้าน ยืนยันว่าชายคนดังกล่าวไม่มีทะเบียน และไม่ใช่คนในหมู่บ้านอย่างแน่นอน รวมถึงไม่ใช่ผู้เช่า ฉะนั้นจึงเชื่อว่ามีการหลอนจากที่อื่น แล้วถอยถอยรถมาทิ้งเอาไว้ในหมู่บ้านก่อนที่จะก่อเหตุจี้น้อง รปภ. ให้ไปส่ง

 

ยามผวา! หนุ่มปริศนาจี้ยามให้ไปส่งสนามบิน ผวาซ้ำ แจ้งความเจอตำรวจตีมึน