จากกรณีที่ ด.ช.เกรียงไกร อายุ 2 ปี 15 วัน หรือ น้องเสือ ได้หายตัวอย่างปริศนาออกไปจากบ้านในพื้นที่ บ้านผาสุก (อาดี่) ม.20 ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งได้หายไปในช่วงวันที่ 23 มีนาคม 2567 เวลาประมาณ 15.00 น. จนถึงในวันนี้ซึ่งเป็นระยะเวลากว่า 12 วัน

 

ในวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ของเรา ได้เกาะติดภารกิจการค้นหาตัวของน้องเสือ ซึ่งได้ติดตามมาตั้งแต่วันแรกแรกที่น้องเสือได้หายตัวไป โดยนายวันนี้ได้มีจาก มณฑลทหารบกที่ที่ 37 ประมาณ 20 นาย จากฝ่ายปกครอง และ ปภ. จังหวัดเชียงราย ประมาณ 30 นาย กำลังจากกู้ภัย อีกประมาณ 10 นาย และยังมีชาวบ้านที่ร่วมค้นหา โดยในวันนี้การค้นหาแบ่งเป็น 4 ทีม และได้แบ่งพื้นที่การค้นหา เป็นสีพื้นที่ โดยพื้นที่ที่ 1 - 3 นั้น จะมีระยะทางในการค้นหาประมาณ 3 กิโลเมตร โดยเป็นพื้นที่ซึ่งมีความลาดชันเนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นภูเขาสูง โดยในบริเวณนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดกำลัง โดยใช้การบูรณาการร่วมกันระหว่าง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กู้ภัย และชาวบ้าน ในส่วนพื้นที่ที่สี่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดกำลังให้เน้นเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีระยะทางการค้นหากว่า 5 กิโลเมตร และยังเป็นพื้นที่ที่เป็นภูเขาสูงสลับหน้าผา ซึ่งมีความอันตราย จึงจะต้องใช้เจ้าหน้าที่ทหารในการค้นหา

 

โดย ในช่วงเช้าได้มีการเรียกแถวรวมกำลังพล และได้มีการเช็กจำนวนกำลังพลก่อนที่จะปล่อยให้ไปค้นหาอย่างจุดที่กำหนดไว้ เนื่องจากจะต้องคำนึงถึงในเรื่องความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปค้นหา ซึ่งเข้าไปค้นหาจำนวนกี่คนในช่วงที่กลับมาก็ต้องกลับมาครบจำนวน โดยการค้นหานั้นได้จัดให้มีรูปแบบการค้นหาในลักษณะการเดินเป็นแถวหน้ากระดาน ในพื้นที่ที่เป็นบริเวณที่ราบ ในส่วนพื้นที่ที่เป็นหน้าผาหรือภูเขาสูง ก็ได้มีการจัดให้ เดินเป็นแถวเรียงเดี่ยวเพื่อความปลอดภัย ซึ่งจากการค้นหาถึงช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่ที่เข้าไปค้นหา ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติหรือเบาะแสอะไรเกี่ยวกับน้องเสือเลย จากนั้น ทุกทีมที่เข้าค้นหา จึงได้กลับลงมาที่กองอำนวยการ เพื่อทำการสรุป การค้นหา โดยจากการค้นหาตั้งแต่เช้าในวันนี้ ซึ่งผลสรุปในการค้นหาก็คือ ไม่พบสิ่งที่ผิดปกติหรือเบาะแสอะไรที่เกี่ยวกับตัวของน้องเสือ โดยหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงสรุปแนวทางการค้นหาต่อไปว่าจะเป็นเชิงการสอบสวนและสืบสวนข้อมูลของผู้ที่เกี่ยวข้องแต่ละบุคคล โดยในตอนนี้จะยุตติการค้นหาบริเวณโดยรอบหมู่บ้านก่อนเนื่องจาก การค้นหาที่ผ่านมานั้นละเอียดแทบทุกที่แล้ว โดยหลังจากนี้ ก็จะต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวน ในเชิงลึก ถ้าหากว่ามีข้อมูลหรือเบาะแสอะไรที่ต้องลงพื้นที่ค้นหากันนั้น ก็จะกลับมาระดมกำลังค้นหาเพิ่มเติมต่อไป

 

ทางด้านหัวหน้าฝ่ายปกครองเทศบาลตำบลแม่ยาว เผย ในการค้นหาในพื้นที่โดยรอบของหมู่บ้าน ผาสุข ในตอนนี้คาดว่าละเอียดหมดแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ก็จะต้องดำเนินการในเชิงข้อมูล และยุติการค้นหาไว้ก่อน ถ้าหากมีสายอะไรเพิ่มเติมก็จะระดมการค้นหาหลักฐานเพิ่มเติมอีกครั้ง

 

โดยหลังจากที่มีการทำการค้นหาทั้งสี่จุดเป็นที่เรียบร้อย จึงได้มีการมีการประชุมสรุปที่กองอำนวยการ และได้ตกลงกันว่าพื้นที่ทั้งหมดนี้ได้หาโดยละเอียดแล้ว หลังจากนั้นทีมข่าวจึงได้พูดคุยกับ นางสุวรัตน์ ดอกหอม หัวหน้าฝ่ายปกครองเทศบาลตำบลแม่ยาว ซึ่งในวันนี้ได้เป็นผู้บัญชาการ เหตุการณ์ ในการค้นหา น้องเสือ โดยได้กล่าวกับทีมข่าวว่า

 

“ ในการค้นหาวันนี้เป็นการบูรณาการของกำลังสี่ส่วนก็คือ ฝ่ายปกครอง ทหาร กู้ภัย และชาวบ้าน ซึ่งมีกำลัง ประมาณ 70 นาย โดยในวันนี้ตามที่ได้กำหนดไว้ในช่วงแรกได้มีการแบ่งพื้นที่ ออกเป็นสี่ส่วน ซึ่งจะเป็นพื้นที่บริเวณหลังบ้านของน้องเสือ และได้จัดเจ้าหน้าที่ออกเป็นสี่ส่วนเช่นกัน จากนั้นจึงให้ปูพรมหาพื้นที่ในแต่ละส่วนที่ได้มอบหมายให้กับเจ้าหน้าที่ไป ซึ่งในการค้นหาก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร จากนั้นในในช่วงบ่าย ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปยังจุดหลังบ้านอีกชุดหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดที่ ก่อนหน้านี้ชาวบ้านได้เคยเข้าไปค้นหามาแล้ว แต่เพื่อตัดความสงสัยและแกรงเกรงใจ จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปซ้ำบริเวณเดิมเพื่อเพื่อความมั่นใจ ซึ่งเป็นจุดที่ห้า โดยจากการตรวจสอบอย่างละเอียดก็ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด

 

โดยหลังจากนี้ตนก็จะเรียนผู้บังคับบัญชาในส่วนของฝ่ายปกครองให้ทราบ และในตอนนี้จะทำการยุติการค้นหาก่อน และจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดำเนินการในเรื่องของการสืบสวนและสอบสวน ซึ่งถ้าหากมีเบาะแสของน้องเสือเพิ่มเติม ก็จะมีการระดมกำลังมาค้นหาในลักษณะนี้ใหม่อีกครั้ง

 แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะมีการยุติการค้นหา แต่ ก็ยังไม่ได้มีการปิดศูนย์ ปฏิบัติการค้นหาน้องเสือแต่อย่างใด และยังมีการทำงานในส่วนอื่นเช่นการหาข้อมูล หรือพยายามหาผู้ที่เกี่ยวข้อง ในครั้งของส่วนฝ่ายปกครองและของเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ตลอด ซึ่งถ้าหากมีอะไรคืบหน้า ก็จะดำเนินการแจ้งให้ทราบต่อไป”

 

จากนั้นทีมข่าวจึงได้พูดคุยกับ นายเอกลักษณ์ หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายมูลนิธิกระจกเงา โดยได้เปิดเผยกับทีมข่าวว่า

 

“ โดยในตอนนี้ จากการลงพื้นที่ค้นหาตัวของน้องเสือนั้น โดยรวมในพื้นที่ก็ถือได้ว่าค้นหาอย่างละเอียดแทบจะทั่วหมู่บ้านแล้วซึ่งจุดที่ค้นหาในวันนี้ ก็เป็นจุดที่ต้องสงสัยอีกจุดหนึ่ง ซึ่งถ้าหากว่ามีการทำอะไรกับน้องเสือจนกระทั่งน้องเสือเสียชีวิต บริเวณหน้าบ้านซึ่งซึ่งจะมีบ้านของเพื่อนบ้านซึ่งปลูกติดกันจำนวนหลายหลัง ถ้ามีการนำหนังสือผ่านออกจากทางนั้นก็จะจะต้องมีคนเห็น แต่บริเวณหลังบ้านซึ่งเป็นภูเขาสูงและธารน้ำ ที่ไหลลงมาจากตาน้ำ บนภูเขา และเป็นลักษณะป่า ซึ่งถ้าหากชำนาญเส้นทางก็จะสามารถใช้เส้นทางดังกล่าวได้ จึงทำให้ในวันนี้ได้มีการลงความเห็นกันว่าจะค้นหายังจุดดังกล่าว

 

แต่จากการค้นหาโดยละเอียดของเจ้าหน้าที่หลากหลายหน่วยแล้วก็ยังไม่พบเบาะแสอะไร โดยหลังจากนี้แนวทางในการค้นหาก็จะต้องมาปรับเป็นในส่วนข้อมูลรายบุคคล ที่มีความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับตัวของน้องเสือ ซึ่งในตอนนี้ข้อมูลดังกล่าวนั้นก็มีมีบ้างบางส่วนแล้ว แต่ก็ยังมีปัญหาที่การระบุเวลาของแต่ละคนนั้นบางคนก็จะไม่ตรงกัน และในเรื่องของภาษาที่ใช้สื่อสาร ก็ เป็นอุปสรรคอีกอย่างหนึ่ง

 

จากการค้นหาตัวของเสือตั้งแต่ที่ตนลงพื้นที่มานั้น ถ้าเปรียบเทียบกับเคสก่อนหน้า ถ้าเป็นการที่เด็กเดินออกจากบ้านด้วยตัวเอง แล้วเกิดเป็นอะไรก็จะต้องพบเบาะแสหรือกลิ่น หรือหลักฐานอื่นๆ แต่กลับกันเคสนี้กลับไม่พบอะไรเลย เพราะฉะนั้นจึงต้องมองไปในเรื่องของที่มีบุคคลใดบุคคลหนึ่งลักพาตัวของน้องเสือไป ทั้งนี้ก็จะต้องมาสืบสวนกันในเชิงข้อมูลเชิงลึก ซึ่งทางมูลนิธิกระจกเงา ก็ยังจะติดตามตัวของน้องเสืออยู่ในพื้นที่ถึงแม้จะมีการยุตติการค้นหา แต่ทางมูลนิธิกระจกเงา ก็จะทำงานในเชิงสืบสวน เพื่อที่จะหาข้อมูลของน้องเสือ ว่าน้องเสือได้หายตัวไปได้อย่างไร

 

นอกจากนั้นทางด้าน น.ส.นาสิ อายุ 29 ปี ซึ่งเป็นแม่ของน้องเสือ ยังกล่าวกับทีมข่าว ทั้งน้ำตาว่า

 

“ ในตอนนี้ตนก็พึงพอใจกับการค้นหาของเจ้าหน้าที่ซึ่งตนมองว่ามันก็ครอบคลุมในพื้นที่หมู่บ้านทั้งหมดแล้ว แต่ตนก็ยังรู้สึกเสียใจที่ไม่เจอ เบาะแส อะไรของลูกของตนเลย แต่ตนก็อยากจะขอบคุณเจ้าหน้าที่ในทุกภาคส่วนที่ลงช่วยเหลือในการค้นหาลูกของตน ซึ่งในตอนนี้ตนคิดว่าลูกของตนน่าจะถูกคนลักพาตัวไป แต่ตนก็ไม่สามารถระบุให้ว่าเป็นใคร เพราะไม่มีข้อมูลอะไรเลย ซึ่งในการค้นหา ตัวลูกชายของตนนั้น ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 12 วันแล้วซึ่งทุกคนในครอบครัวก็ไม่ได้ไปทำงานอะไร โดยในตอนนี้จึงมีความเดือดร้อนในเรื่องของกินของใช้ ก็อยากจะวอนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงมาช่วยเหลือในส่วนนี้ ซึ่งในตอนนี้ตนรู้สึกเป็นห่วงและคิดถึงลูกของตนมาก และอยากได้ลูกกลับคืนมา จึงจะวอนบอกให้ผู้ที่เอาลูกของตนไปช่วยเอาลูกกลับมาคืนซึ่งตนจะไม่เอาเรื่องอะไรเลย”

 

จากนั้นทีมข่าวจึงได้พูดคุยกับ นายอาชา อายุ 41 ปี ซึ่งพ่อของน้องเสือ โดยได้ เล่าให้กับทีมข่าวฟังว่า

 

“ในช่วงวันแรกที่ลูกของตนหายตัวไปนั้น ตนได้ทราบเรื่องจากอดีตภรรยาของตน ได้โทรมาสอบถามตนว่า ได้มาเอาลูกไปหรือไม่ ซึ่งในตอนนั้นตนได้เที่ยวอยู่ที่ดอยตุง เมื่อทราบเรื่องได้รีบเดินทาง มาที่บ้านอดีตภรรยาของตน และหลังจากนั้นจึงได้รีบช่วยค้นหาลูกของตนภายในหมู่บ้านแต่ก็ไม่พบ ตนจึงได้ไปแจ้งกับผู้ใหญ่บ้าน จากนั้นในวันรุ่งขึ้นตนจึงได้ไปแจ้งความที่ สภ. แม่ยาว

 

ซึ่งตั้งแต่ช่วงแรกที่ลูกของตนได้หายตัวไปจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลากว่า 12 วันแล้ว แต่ฝนก็ยังมีความหวังว่าลูกยังมีชีวิตอยู่และ จะได้พบกับลูก โดยช่วงแรกก็มีหลายคนสงสัยว่าตนจะเป็นคนลักพาตัวลูกไปหรือไม่ ซึ่งในเรื่องนี้ตนก็ไม่ได้คิดอะไรแต่ก็มีรู้สึกเครียดบ้าง แต่ทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะสงสัย ซึ่งตนก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายอื่นๆ และบริสุทธิ์ใจที่จะเปิดเผยข้อมูล โดยที่ตนยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นคนเอาลูกไป ทั้งนี้ทางฝ่ายครอบครัวของอดีตภรรยาของตน ช่วงแรกได้มากล่าวหาว่าตนนั้นเป็นคนเอาลูกไป ซึ่งในช่วงแรกตนก็รู้สึกไม่ดี แต่ในตอนนี้ก็ไม่โกรธเคืองอะไร

 

ซึ่งจากการติดตามค้นหาตัวของลูกชายของตนทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่และชาวบ้านจนถึงวันนี้นั้นตอนค่ำคิดว่าเป็นที่น่าพึงพอใจอย่างมาก เพราะตนคิดว่าน่าจะหาภายในพื้นที่หมู่บ้านและบริเวณใกล้เคียงอย่างละเอียดที่สุดแล้ว แต่ก็ยังไม่พบเบาะแสหรือหลักฐานอะไรที่เกี่ยวกับลูกของตน ซึ่งในส่วนตัวแล้วนั้นตนคิดว่าน่าจะมีคนลักพาตัวไป แต่ตนก็ไม่สามารถ ระบุได้ว่าเป็นใคร และในใจของตนก็ยังไม่ได้สงสัยใครเป็นพิเศษ เพราะไม่มีข้อมูลอะไรที่ตนทราบเลย โดยหลังจากนี้ก็คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อสืบสวนเชิงลึกอีกครั้ง

 

ทั้งนี้ตนก็อยากจะฝากบอกถึงคนที่เอารูปของตนไป ว่าอยากจะให้เอากลับมาคืน ซึ่งถ้ากลับมาคืนตนก็จะไม่เอาเรื่องอะไรเลย”

ชัดเจน! "น้องเสือ" ถูกลักพาตัว ระดมกำลังครั้งใหญ่ปิดเขาล่าบุคคลปริศนา