เมื่อเวลา 01.30 น. เจ้าที่ตำรวจ สภ.ไทรโยค รับแจ้งว่าเกิดเหตุยิงกันเสียชีวิตที่ที่ ตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี หลังรับแจ้งจึงประสานแพทย์จากโรงพยาบาลไทรโยค เจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐาน ก่อนนำกำลังไปตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุ

 

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ตรวจสอบภายในห้องนอนพบศพผู้เสียชีวิต 2 รายคือนายจ้อย อายุ 76 ปี และ นางสาวจันทร์ขจร อายุ 49 ปี ในที่เกิดเหตุพบอาวุธปืนขนาด .38 ตกอยู่บนที่นอนบริเวณปลายเท้าของนางสาวจันทร์ขจร จากการตรวจสอบผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ถูกยิงด้วยอาวุธกระบอกดังกล่าว

 

โดยแพทย์เวรได้ทำการชันสูตรเบื้องต้นพบว่าศพของนางสาวจันทร์ขจร ถูกยิงเข้าที่บริเวณศีรษะจำนวน 2 นัด ส่วนศพของนายจ้อย ถูกยิงเข้าที่ขมับขวา 1 นัด กระสุนทะลุท้ายทอย เจ้าหน้าที่จึงได้นำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ส่งชันสูตรที่ศูนย์นิติเวชเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

 

ทีมข่าวช่อง8 ได้ภาพกล้องวงจรปิดภายในบ้านที่เกิดเหตุ โดยลักษณะกล้องจะเห็นลักษณะตั้งแต่คนก่อเหตุเดินเข้ามาในบ้านและกลับออกไปเอาปืนจากนั้นได้เข้ามาก่อเหตุและ เจ้าหน้าที่ตำรวจ พฐ มาตรวจสอบ

 

3/4/67(00.10.17) ภาพกล้องวงจรปิดจับภาพคนก่อเหตุเดินเข้ามาในบ้านเพื่อมาพูดคุยกับหญิงสาวคนสนิท(คนตาย) จากภาพกล้องวงจรปิดจะเห็นคนก่อเหตุเดินเข้ามาพูดคุยกับคนตายโดยเดินผ่านกล้องคนก่อเหตุพูดกับคนตาย จับใจความประมาณว่าให้ไปหมดแล้วจะเอาอะไรทำอะไรก็ไม่พอใจลักษณะคาดการณ์ว่าน่าจะเกิดจากการหึงหวง

 

3/4/67(00.11.43) จากภาพกล้องวงจรปิดจะเห็นลักษณะของคนก่อเหตุขึ้นรถจากคำให้การของพยานในที่เกิดเหตุบอกว่าคาดว่าคน ก่อเหตุไปเอาปืนที่บ้านโดยภาพจะเห็นลักษณะคนก่อเหตุขับรถออกไปจากบ้านที่เกิดเหตุเลี้ยวซ้ายออกจากประตูบ้านไป

 

3/4/67(01.06.09) จากภาพกล้องวงจรปิดจะเห็นลักษณะ ญาติของผู้ตายเปิดประตูบ้านให้คนก่อเหตุเดินเข้ามาในบ้าน จากนั้นเวลา (01.06.31) จะเห็นคนก่อเหตุเดินเข้ามาภายในบ้านและเดินไปหาผู้ตายที่ห้อง

 

(01.06.45) จากภาพกล้องวงจรปิดจะได้ยินเสียงคล้ายคนก่อเหตุเรียกผู้ตายให้มาเปิดประตูห้อง โดยมีเสียงว่าเปิดประตู ออกมาคุยให้รู้เรื่อง

 

(01.06.58) จากภาพกล้องวงจรปิดจะได้ยินเสียงผู้ตายบอกว่าจะนอนแล้ว จะเอาอะไรหนูหลับแล้วนะพี่ อะไรของพี่เนี่ย

 

(01.07.01) จากนั้นจะได้ยินเสียงคนก่อเหตุพูดกับผู้ตายว่า อะไรก็นอนไปสิ

 

(01.07.20) จับภาพกล้องวงจรปิดจะได้ยินเสียงของผู้ตายพูดว่าอะไรของพี่แต่ไม่ทันจบประโยคคำว่าพี่ ได้ยินเสียงปืนจำนวน1นัด จากนั้นในเวลา

 

(01.07.26) ได้ยินเสียงปืนอีก 1 นัด จากนั้นจะเห็นทางญาติของคนตายฝั่งผู้หญิงเดินออกมาจากห้อง

 

เราได้คุยกับ นายบรรเจิด อายุ 48 ปี น้องชายฝ่ายหญิงที่เสียชีวิต และเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ผู้เสียชีวิตทั้งสองคนคบกาเป็นสามีภรรยาได้ประมาณ 2 ปี ก่อนเกิดเหตุ นายจ้อย และ นางสาวจันทร์ขจร ทะเลาะกันช่วงประมาณ 5 ทุ่ม โดยจับใจความได้ว่านายจ้อย โทรหานางสาวจันทร์ขจร แต่ไม่ยอมรับ เมื่อมาถึงบ้านจึงทะเลาะกันรุนแรง โดยนายจ้อย ได้ทวงโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่เพิ่งซื้อให้พี่สาว และทวงเงิน 2 หมื่นบาทคืน บอกว่า “เอาของกูคืนมา” ตอนนั้นนายจ้อยโมโหมาก และขับรถออกไป จากนั้นตนก็ปิดประตูบ้าน และเข้าห้องนอน

 

จนช่วงประมาณเที่ยงคืนครึ่ง นายจ้อย ได้เปิดประตูเข้ามาในบ้าน แล้วเคาะประตูห้องพี่สาวบอกว่า “ออกมาเคลียร์กันหน่อย ออกมาเคลียร์กันให้รู้เรื่อง” ตอนนั้นตนได้ยินแค่ 2 ประโยคเท่านั้น ไม่นานก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น พอออกมาดูทั้งคู่ก็มีเลือดเต็มไปหมดแล้ว

 

โดยพี่สาวและนายจ้อยคบกันมาประมาณ 2 ปีแล้ว ซึ่งตนก็รู้ว่าตัวนายจ้อยเอง มีภรรยาอยู่แล้ว แต่ภรรยาของนายจ้อยอายุมากแล้ว นายจ้อยจึงมาคบหากับพี่สาวของตนโดยออกไปทำไร่ทำสวนด้วยกัน ซึ่งนายจ้อย จะมาหาพี่สาวสัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้งและค้างคืนเป็นบางครั้ง

 

ตอนนี้เสียใจรับไม่ได้ ร้องไห้ทั้งคืน เพราะเห็นศพพี่สาวแล้วก็ยังรับไม่ได้เลย ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ไม่เคยมีปัญหามาก่อน ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เขาไม่น่ามาทำในบ้าน ตนสงสารแม่ ตอนนี้ก็จะเหลือแค่ตนกับแม่อยู่ในบ้านสองคนเท่านั้น อยากบอกพี่สาวว่า ขอให้ไปดี ไม่ทรมานก็ดีแล้ว

 

ด้านนางแมว อายุ 74 ปี ภรรยาของนายจ้อย มือยิง บอกกับทีมข่าวว่า เรื่องเงินสามีให้ทางฝ่ายหญิงเท่าไหร่ตนก็ไม่รู้ เพราะสามีปิด ไม่ค่อยบอกอะไร ส่วนตัวเองไม่เคยได้เงินจากสามีเลย จะได้เงินก็เอามาใช้กันอยู่ในบ้านนี่แหละ ไม่เคยได้เงินเป็นหลักแสน หรือเงินเป็นก้อนจากสามีเลย ส่วนฝ่ายหญิงที่สามีไปยิง เมื่อก่อนเป็นแค่คนงานที่สามีจ้างมา พอสามีถูกหวย 12 ล้าน ก็เลยมีความสัมพันธ์กัน ถ้าไม่มีเงินใครจะไปเอาคนแก่ ซึ่งตอนนี้สามีก็เหลือเงินแค่ 2 ล้านสุดท้ายเท่านั้น

 

เมื่อคืนตอนที่สามีไปก่อเหตุตนก็นอนอยู่ในบ้าน ส่วนสามีไปมีความสัมพันธ์กับหญิงอีกคน ตนก็รู้เรื่อง เพราะช่วงหลังเค้าก็ควงกันออกหน้าออกตา แต่เขาทะเลาะกันเก่ง ฝ่ายหญิงขี้หึง ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นตนคงจะบอกอะไรไม่ได้ แต่ตนอยู่กับนายจ้อย ไม่เคยด่าสามีเลย แต่ผู้หญิงคนใหม่ของสามีคงไปด่า เพราะเขาปากเก่ง จึงทะเลาะกันบ่อย ตอนนี้ก็ไม่อยากบอกอะไร เพราะก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน

 

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางสาว สวัสดิ์ อายุ 76 ปี แม่ของนางสาวจันทร์ขจร ผู้เสียชีวิต บอกว่า ลูกสาวกับนายจ้อย คบกันมา 2 ปี โดยนายจ้อยได้มาถามตนว่าบ้านยังไม่เสร็จจะปลูกไหม เดี๋ยวผมจะช่วย แล้วจะมาสู่ขอนางสาวจันทร์ขจร ลูกสาวของตน ตอนนั้นตนก็ด่านายจ้อยไปว่า เรื่องของพวกมึง ไม่ต้องมายุ่งกับกู ลูกสาวจะเอาไม่เอานายจ้อย ตนเองก็ไม่สนใจหรอก ซึ่งหลังจากที่ทั้งคู่ได้คบกัน นายจ้อย เป็นคนขี้หึงมาก ๆ ไปทำงาน เก็บมะละกอ เก็บพริก เก็บมะเขือ ฝ่ายชายก็ไปนั่งเฝ้านอนเฝ้า จนลูกสาวก็มาบ่นบอกว่า “ไม่ไหวแล้ว” ตนก็บอกกับลูกไปว่า ไม่ไหวก็ตีตัวออกมา แต่ลูกสาวกลับบอกว่า สงสารเมียเค้าที่มาขอร้องให้ทำงานช่วย ซึ่งตนก็รู้ว่านายจ้อยมีเมีย และจดทะเบียนสมรสกัน ส่วนกับลูกสาวก็เหมือนกับเป็นกิ๊ก นายจ้อย เพราะนายจ้อยจะเอา แต่ลูกของตนไม่เอา เพราะเห็นว่าฝ่ายชายอายุเทียบเท่ารุ่นพ่อแล้ว แต่นายจ้อยก็ตามมาจ้างลูกสาวให้ไปเลี้ยงไก่ ให้เก็บผัก ลูกสาวก็ไปตามจ้าง

 

โดยนายจ้อย ขี้หึงมาก แม้แต่ลูกชายของตนที่ย้ายมาอยู่บ้านด้วยก็ยังหึง ลูกสาวก็บอกว่า นี่น้องหนูนะ แต่นายจ้อยก็ไม่เชื่อ บอกว่า พี่น้องคุยกันมันก็ไม่เชื่อ ส่วนสาเหตุที่เกิดเรื่องขึ้นตนเชื่อว่ามากจากความหึงหวง เพราะเมื่อวานลูกสาวไปข้างนอก แต่ไม่ได้โทรบอกนายจ้อย ทำให้ฝ่ายชายออกขับรถตามหา โทรมาตนก็ไม่ได้รับเพราะทำงานอยู่ โทรไปหาคนงานที่ทำงานด้วย ก็ไม่เจอแต่ก็ไม่รู้ว่าไปเจอกันที่ไหน พอตอนเย็นก็เห็นนายจ้อยมาที่บ้านแล้ว ก็เห็นปกติดี ก่อนจะนั่งกินข้าวกันก็ไม่มีอะไร ซึ่งตอนช่วงเกิดเหตุตนก็นอนหลับไปแล้ว ไม่ได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้น

 

ตอนนี้อยากบอกนายจ้อยว่า มันร้ายเกิน ขี้หึงเกินไป ก่อนหน้านี้ก็เคยเตือนลูกสาวให้ระวัง เพราะความหึงหวงมันตายกันได้ แต่ลูกสาวก็บอกว่า แม่อย่าคิดมากเลย ตนก็ได้แต่บอกแต่ลูกไม่เชื่อแม่ก็แล้วแต่เวรแต่กรรม พูดเตือนลูกได้สามวันก็เกิดเรื่องขึ้น ซึ่งปกตินายจ้อยจะพกปืนติดตัว แต่เมื่อวานน่าจะกลับไปเอาปืน แล้วกลับมาก่อเหตุ

ทุกขลาภ! เฒ่าถูกหวย 12 ล้าน ยิงสาวคนสนิทก่อนปลิดชีพตายตาม