ตำรวจ สน.บางขุนเทียน ได้รับเเจ้งเหตุมีผู้ถูกทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีด ถูกนำส่งโรงพยาบาลมะลิ เเต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุเกิดภายในซอยเอกชัย 66 แขวงคลองบางพลาน เขตบางบอน กรุงเทพฯ จึงรุดไปตรวจสอบ ทราบชื่อผู้เสียชีวิต คือ นางสาวพรพิมล อายุ 64 ปี มีบาดเเผลถูกเเทงบริเวณหน้าอก 3 เเผล

 

ในส่วนผู้ก่อเหตุ คือ นายวรพงษ์ อายุ 67 ปี ซึ่งหลังก่อเหตุได้ขึ้นไปหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องพักชั้น 7 ของคอนโดเเห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับร้านข้าวที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าไปปิดล้อม เเละพยายามเกลี้ยกล่อมให้มอบตัว แต่ไม่เป็นผล ผู้ก่อเหตุไม่ยอมเปิดประตู ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องพังประตูเข้าไปจับกุม จากการตรวจค้นพบอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุ เป็นมีดพับปลายแหลม จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีที่ สน.บางขุนเทียน

 

ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับป้าติ๊ก อายุ 60 ปี เจ้าของร้านอาหารตามสั่งที่เกิดเหตุ โดยป้าติ๊กเล่าเหตุการณ์ให้กับทีมข่าวช่อง 8 ฟังว่า ปกตินายวรพงศ์ ผู้ก่อเหตุ มักจะมานั่งตากพัดลมที่ร้านของตนเป็นประจำ และจะมานั่งบ่นพึมพำคุยกับตัวเองอยู่ไล่ก็ไม่ไป ซึ่งวันนี้ก็เช่นกัน นายวรพงศ์ ผู้ก่อเหตุก็มานั่งตากพัดลมเหมือนเช่นเดิม จากนั้นนางพรพิมล ผู้เสียชีวิต ก็เดินมาสั่งต้มจืด แล้วก็ไปนั่งอยู่ที่โต๊ะ

 

โดยอากาศวันนี้ร้อนมาก นางพรพิมล ผู้เสียชีวิต จึงหันพัดลมจากฝั่งของนายวรพงศ์ ผู้ก่อเหตุ มายังฝั่งของตัวเอง ทำให้นายวรพงศ์ ผู้ก่อเหตุ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงชักมีดพกที่เตรียมมาแทงที่ไหปลาร้าและชายโครงด้านซ้าย อย่างละจุด โดยที่นางพรพิมล ผู้เสียชีวิต ได้ตะโกนขึ้นมาว่า “กูโดนแทงๆ” ก่อนหมดสติไป และ ทนพิษบาดแผลไม่ไหวจะไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาถัดมา

 

ซึ่งหลายต่อหลายครั้งตนก็เตือนนายวรพงศ์ ผู้ก่อเหตุตลอด ว่าอย่าพกมีดมายังที่สาธารณะมันอันตราย แต่นายวรพงศ์ ผู้ก่อเหตุก็ไม่เคยฟังแม้แต่น้อย และเรื่องที่นายวรพงศ์มักจะมานั่งตากพัดลมที่ร้านอาหารตามสั่งของตน ตนก็เคยพูดไปว่าถ้าไม่สั่งอาหารจะมานั่งตากพัดลมอย่างเดียวก็ให้กลับไปเลย แต่นายวรพงศ์ ผู้ก่อเหตุอ้างว่า ที่ห้องมีการพ่นยุงจึงขอมาอาศัยพัดลมที่ร้านก่อนทุกครั้ง อีกทั้งไม่นานมานี้ตนก็เคยโดนนายวรพงศ์ ผู้ก่อเหตุหาเรื่อง

 

โดยครั้งนั้นตนเตือนนายวรพงศ์ว่าที่ร้านลูกค้าเยอะอย่ามานั่งแย่งที่ลูกค้าขอให้กลับไปก่อนก่อนแล้วค่อยกลับมาใหม่ แต่ทว่านายวรพงศ์ ผู้ก่อเหตุ ไม่ฟังกลับพูดจาดุด่าสารพัดสัตว์ใส่ตนไม่มีชิ้นดี ส่วนเรื่องที่ตนเคยได้ยินมาว่าทำไมนายวรพงศ์ ผู้ก่อเหตุ ถึงมีอาการทางจิตแบบนี้ ก็เพราะครั้งหนึ่งนายวรพงศ์ ผู้ก่อเหตุ เคยเปิดโรงงานมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย แต่ก็มาดันล้มละลายจนทำให้สติหลุดไปเลย สุดท้ายหลังจากที่ทางตำรวจได้ควบคุมตัวนายวรพงศ์ ผู้ก่อเหตุไป ตนก็รู้สึกอุ่นใจไม่ต้องมาคอยระแวงอะไรในตัวนายวรพงศ์ ผู้ก่อเหตุอีกแล้ว

 

หลังจากนั้นทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนายพิพัฒน์ อายุ 41 ปี ลูกชายของนางพรพิมล ผู้เสียชีวิต โดยนายพิพัฒน์ เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า หลังจากเกิดเหตุเป็นทางเจ้าของคอนโด ได้โทรมาบอกตน โดยบอกว่าแม่ของตนถูกแทง ตอนนั้นตนรู้สึกไม่เชื่อเพราะว่าตนงงว่าแม่ตนไม่ได้มีเรื่องกับใครทำไมถึงถูกแทงได้ก่อนที่จะไปถึงที่เกิดเหตุและเห็นว่าแม่ของตนถูกแทงจริงๆแล้วหมดสติไปแล้ว จึงรีบเรียกแท็กซี่เพื่อพาแม่ไปส่งที่โรงพยาบาล ก่อนแม่จะทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา

 

จากนั้นตนก็ทราบว่านายวรพงศ์ ผู้ก่อเหตุ เป็นคนแทงแม่ของตน ตนจึงตามเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปควบคุมตัวนายวรพงศ์ ผู้ก่อเหตุด้วย ซึ่งในขณะที่กำลังเรียกนายวรพงศ์ ผู้ก่อเหตุนั้น นายวรพงศ์ก็มีการพูดบอกว่าเดี๋ยวจะโทรหาคนนั้นคนนี้อ้างว่าขอเวลาก่อนเดี๋ยวค่อยเปิดให้ ซึ่งตนมองว่าหากคนที่สติไม่ดีจะไม่สามารถกลั่นกรองและพูดจาอะไรแบบนี้ได้แน่นอน ก่อนที่จะเป็นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพังประตูออกไปและรวบตัวนายวรพงศ์ ผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้

 

โดยหลังจากที่รวบตัวนายวรพงศ์ ผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้แล้ว ตนเองก็มีโอกาสได้ถามนายวรพงศ์ว่าเหตุใดถึงไปก่อเหตุแทงแม่ของตนจนเสียชีวิต แต่นายวรพงศ์ ผู้ก่อเหตุ ไม่ยอมตอบคำถามตนและมองหน้าตนด้วยด้วยสายตานิ่งเฉยและเย็นชาเป็นอย่างมาก ทำให้ตนเชื่อว่านายวรพงศ์ อาจจะแกล้งบ้า เพราะนายวรพงศ์ มีการเตรียมมีดไปไปไหนมาไหนตลอด จึงเชื่อว่าในการพกพามีดไปแบบนี้ ก็อาจจะเตรียมก่อเหตุเอาไว้แล้วก็เป็นได้

 

และส่วนตัวตนก็เคยเตือนแม่ของตนไว้แล้วว่าให้อยู่ห่างและอย่าไปยุ่งกับคนอย่างนายวรพงศ์ ผู้ก่อเหตุเลย เพราะอาจจะถูกทำร้าย แต่ตนก็ไม่คิดว่าถึงขั้นจะมาลงมือก่อเหตุแทงแม่ของตนเช่นนี้ สุดท้ายถึงแม้ว่าแม่ของตนจะเป็นคนขี้บ่นไปบ้าง แต่หลังจากนี้ไม่มีแม่แล้ว ตนก็ใจหายและรับไม่ได้จริงๆ ไม่คิดว่าจะจากไปเร็วเช่นนี้

คลั่งเป็น "นายพล" ถูกแย่งพัดลม ก่อนชักมีดแทงดับคาโต๊ะข้าว