จากกรณีเกิดเหตุยิงกันบริเวณสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ริมถนนสายเพชรเกษม ท้องที่หมู่ 10 ต.โตนดด้วน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เบื้องต้นทราบว่าเป็นการดวลปืนกันระหว่าง นายเอกสิทธิ์ หรือ “เอก” อายุ 46 ปี (ลูกน้องกำนัน) และนายอนุชิต หรือ “สท.นุ” อายุ 39 ปี ซึ่งจากการดวลปืนในครั้งนี้เป็นเหตุให้นายเอกสิทธิ์นั้นเสียชีวิต ระหว่างนำตัวส่งโรงพยาบาลเนื่องจากถูกยิงเข้าชายโครงขวา ส่วนนายอนุชิตก็ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากถูกยิงเข้าต้นขาขวา




โดยขณะเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ผู้เสียชีวิตได้พาลูกน้องและภรรยามาเที่ยวร้านดังกล่าว และขณะที่นั่งอยู่ที่โต๊ะได้มี สท.หนุน ซึ่งรู้จักเดินมาหาที่โต๊ะบอกว่าให้ นายเอกสิทธิ์ ไปที่โต๊ะมีคนอยากรู้จัก นายเอกสิทธิ์เลยเดินไปที่โต๊ะ ซึ่ง สท.หนุน นั่งกับทีมงานประมาณ 6 คน


หลังจากนั้น นายเอกสิทธิ์เดินกลับมาที่โต๊ะแล้วหนึ่งในกลุ่มของ สท.หนุน พูดออกมาเป็นภาษาใต้ว่า "อย่าทำเอิดแรง" นายเอกสิทธิ์ไม่ได้พูดอะไรเดินกลับมาที่โต๊ะและนั่งต่อจนร้านเลิก ขณะที่ลงมาจากร้านเพื่อจะไปเอารถ ก็ได้ยินเสียงเหมือนห้ามนายเอกสิทธิ์ว่าอย่ายิง สท.นุ ก่อนเสียงปืนดังมาจากบนร้าน 1 นัด กระสุนถูกขา สท.นุ ก่อนชักปืนยิงสวนออกไปถูกนายเอกสิทธิ์ คนยิง ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต




ต่อมาทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดในเวลาประมาณ 00.31 น. ของวันที่ 19 มี.ค. โดยจะได้ยินเสียงปืนดังรัวมากกว่า 10 นัด หลังจากมีการดวลปืนกันแล้ว กล้องอีกมุมหนึ่งจะจับภาพของ สท.นุ วิ่งออกมาจากร้านด้วยท่าทีกะเผลกเนื่องจากถูกยิงเข้าที่ต้นขา ส่วนทางด้านนายเอกสิทธิ์ เพื่อน ๆ ก็ได้หามตัวใส่รถกระบะคันสีขาว เพื่อจะทำตัวนายเอกสิทธิ์ส่งโรงพยาบาล




ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปที่วัดสุนทราวาส ต.ปันแต อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของนายเอกสิทธิ์ โดยจะมีกำหนดการฌาปนกิจในวันจันทร์ที่ 23 มี.ค. นี้ ซึ่งบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างเงียบสงบ มีเพียงแค่บรรดาญาติ ๆ ที่มานั่งร่วมวงพูดคุยกันที่โรงอาหาร


จากนั้นทีมข่าวได้เข้าไปพูดคุยกับนางนงเยาว์ อายุ 61 ปี ซึ่งเป็นแม่ของผู้เสียชีวิต เผยว่า ช่วงค่ำก่อนเกิดเรื่องตนก็เห็นลูกชายออกไปข้างนอกพร้อมกับครอบครัว ซึ่งตนก็ไม่ได้ถามว่าลูกชายจะไปไหนเพราะปกติทุกวันลูกชายก็มักจะออกไปแบบนี้ประจำอยู่แล้ว




จนกระทั่งตกดึกหลังเที่ยงคืน ก็มีคนโทรศัพท์มาแจ้งว่านายเอกสิทธิ์นั้นถูกยิงเข้าโรงพยาบาล ตนจึงรีบเดินทางไปที่โรงพยาบาล ซึ่งตนก็ไม่ได้เข้าไปดูอาการลูกชายเนื่องจากเจ้าหน้าที่กำลังช่วยเหลืออยู่ แต่ท้ายที่สุดลูกชายตนก็ได้เสียชีวิต ซึ่งตนก็ไม่รู้เลยว่านายเอกสิทธิ์ไปมีเรื่องอะไรกับใคร เพิ่งมาทราบจากข่าวว่าคนที่ยิงลูกชายตนนั้นชื่อว่า สท.นุ


โดยตนก็ไม่รู้จักว่า สท.นุ นั้นเป็นใคร แล้วทำไมต้องมายิงลูกชายของตนด้วย ถ้ามีโอกาสตนก็อยากถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็คิดว่าอีกฝ่ายก็คงจะให้คำตอบที่ไม่จริงกลับมา เพราะตอนนี้ลูกชายของตนก็เสียชีวิตไปแล้ว หากอีกฝ่ายอยากจะใส่ร้ายป้ายสีว่านายเอกสิทธิ์เป็นคนเริ่มก่อน หรือเป็นคนยิงก่อน เขาก็พูดได้ เพราะลูกชายของตนก็ตายไปแล้วคงจะลุกขึ้นมาตอบโต้ไม่ได้


ตอนนี้สภาพจิตใจคนในครอบครัวก็ค่อนข้างแย่ ลูกเมียของนายเอกสิทธิ์ก็ร้องไห้ไม่หยุด ส่วนตนที่เป็นแม่ก็ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหลแล้ว ถ้าเป็นไปได้ตนก็อยากจะตายก่อนลูกชายเพราะลูกชายเพิ่งจะอายุ 46 ปี มองว่าเขาน่าจะอยู่ได้นานกว่านี้ สุดท้ายก็อยากจะขอให้ตำรวจช่วยมอบความยุติธรรมให้กับครอบครัวของตนด้วย เพราะตอนนี้ลูกชายตนก็ลุกขึ้นมาพูดอะไรไม่ได้แล้ว




ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายทนงค์ศักดิ์ อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้เสียชีวิตและได้อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ตนนั้นได้บังเอิญไปเจอกับเอกสิทธิ์ (ผู้ตาย) ที่ร้านสถานบันเทิงดังกล่าว จากนั้นนายเอกสิทธิ์ก็ได้ชวนให้ตนไปนั่งร่วมโต๊ะด้วย โดยที่ในโต๊ะนั้นมีกันประมาณ 4-5 คน คือ ลูกน้องของนายเอกสิทธิ์ ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าใครเป็นใคร ระหว่างนั้นทุกคนก็นั่งคุยกันตามปกติ ไม่ได้มีเรื่องมีราวอะไรที่ผิดสังเกต


จนกระทั่งเวลาเที่ยงคืนกว่า นายเอกสิทธิ์ก็ได้ลุกและบอกว่าจะออกไปฉี่หน้าร้าน ตอนนั้นตนเห็นว่าเพื่อนเมาเต็มที่แล้วจึงกลัวว่าจะไปเดินสะดุดล้ม ตนจึงได้เดินตามออกไปด้วย เมื่อกำลังจะก้าวขาลงบันได ตนก็สังเกตเห็นว่านายเอกสิทธิ์ได้ชักอาวุธปืนออกมาจากกระเป๋าและเล็งไปที่ผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า สท.นุ ในตอนนั้นตนจึงรีบเอื้อมมือไปคว้าปืนในทันทีเพื่อจะหยุดนายเอกสิทธิ์ แต่ไม่ทันจะได้พูดอะไรอีกฝ่ายก็หันมาเห็นเหตุการณ์และชักปืนออกมายิงสวนทันที




ทำให้นายเอกสิทธิ์ตะโกนบอกว่า “ปล่อย มันจะยิงแล้ว” ตนจึงรีบปล่อยมือออกทำให้ทั้งคู่นั้นสาดกระสุนใส่กันประมาณ 5-6 นัด จนกระทั่งปืนไม่ทำงานทั้งคู่จึงได้หยุดยิงและแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง ซึ่งตนก็พยายามที่จะนำตัวนายเอกสิทธิ์ส่งโรงพยาบาลทันทีเพราะเห็นว่าเขาถูกยิงเข้าที่ท้อง แต่ตอนนั้นอาการของนายเอกสิทธิ์ก็ดูไม่หนักหนาเท่าไร เพราะเขายังคงเดินขึ้นรถและเดินลงรถไปหาหมอได้เองตามปกติ โดยที่ไม่ต้องมีใครช่วยพยุงใด ๆ ทั้งสิ้น แต่หลังจากเข้าไปในห้องผ่าตัด เจ้าหน้าที่ก็ได้ออกมาแจ้งข่าวร้ายว่านายเอกสิทธิ์เสียชีวิตแล้ว ซึ่งตนก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะไม่คิดว่าเพื่อนจะตาย


โดยนายทนงค์ศักดิ์ ยืนยันว่า ตอนอยู่ที่ร้านก็ไม่เห็นความผิดปกติอะไร ทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้มีปากเสียงหรือทะเลาะอะไรกันเลย แต่ตนก็ไม่รู้ว่าลึก ๆ ทั้งคู่จะเคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกันมาก่อนหรือไม่

 

คืนเดือด! สท. ดวลปืน "สมุนกำนัน" ดับ 1 เจ็บ 1