จากกรณีเกิดเหตุอุกอาจ กลุ่มผู้ก่อเหตุรัวยิงคู่กรณีหน้าผับ ภายในโครงการศูนย์การค้า ย่านปิ่นเกล้า เมื่อกลางดึกวันที่ 15 มี.ค. 2567 และหลังเกิดเหตุได้พากันขับรถเบนซ์และรถโตโยต้า ยาริส หลบหนีไป ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายธนู อายุ 29 ปี มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนไม่ทราบขนาดที่หน้าท้อง 3 แผล หลังนำส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา อีกทั้งยังพบผู้บาดเจ็บอีก 3 รายจากเหตุการณ์ดังกล่าว ส่วนคนก่อเหตุได้มีการหลบหนี ซึ่งล่าสุดศาลอาญาตลิ่งชันได้ออกหมายจับมือปืนแล้ว คือ นายอธิภัทร หรือ กอล์ฟ อายุ 22 ปี ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , พยายามฆ่าผู้อื่น , และข้อหาตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน




วันนี้ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าร้านกาแฟ บริเวณหน้าห้างจุดเกิดเหต พบว่าขณะเกิดเหตุลูกค้าที่นั่งอยู่ภายในร้านกาแฟตกใจ คาดว่าอาจได้ยินเสียงปืนดังขึ้น จากภายในห้างออกมา จากนั้นไม่นานมีรถยนต์ต้องสงสัยซึ่งคาดว่าเป็นคนร้ายตามข้อมูลของตำรวจเป็นรถเก๋งยาริส สีดำ และรถเบนซ์ 5 ประตู ขับออกมาจากห้างด้วยความรวดเร็ว




นอกจากนี้ ทีมข่าวช่อง 8 ทราบข้อมูลจากชุดสืบสวนที่มีการแกะรอยเบาะแสของรถคันก่อเหตุยิงนายธนูที่ผับ จากนั้นได้มีการขับรถหลบหนีและมุ่งหน้ากลับไปที่บ้าน ย่านเพชรเกษม 42 เวลา 01.57 น. พบรถยาริส สีดำ ขับนำเป็นคันแรก ก่อนที่จะเห็นรถเบนซ์ของมือปืนขับตามหลัง ซึ่งจะสังเกตว่ามีการขับด้วยความเร็ว วิ่งชิดขวาของเลนถนนเพชรเกษม แต่ก็ยังมีลักษณะขับเกาะกลุ่มกันไป จนมีภาพจากกล้องวงจรปิดของทีมข่าวที่ได้มา หลายตัวจับภาพขบวนรถของมือปืนขับหลบหนี และมีบางช่วงลักษณะคล้ายคล้ายขับแซงรถที่ใช้ทางร่วมบนถนน




ขณะเดียวกันเมื่อคืนนี้ ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางยี่ขัน ยังได้ติดตามไปจนพบรถเบนซ์ สีดำ 5 ประตู ซึ่งเป็นรถที่พานายกอล์ฟหลบหนีออกจากจุดเกิดเหตุ โดยพบรถคันนี้ไปจอดทิ้งไว้ในป่าข้างทาง พื้นที่บางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งหลังจากพบรถคันนี้แล้ว ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้ทำการตรวจยึดกลับมาที่ สน.บางยี่ขัน


ขณะที่เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจสอบรถเบนซ์ 5 ประตูสีดำ ที่นายกอล์ฟ ผู้ต้องหาใช้หลบหนีจากที่เกิดเหตุ โดยได้มีการเก็บลายนิ้วมือแฝงและดีเอ็นเอภายในรถทั้งหมด รวมทั้งบริเวณมือจับประตูด้านนอกด้วย


ส่วนการตรวจค้นภายในรถ เจ้าหน้าที่ใช้เวลาตรวจสอบรถเบนซ์คันนี้นานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะทำรายงานสรุปให้กับพนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน เบื้องต้นพบเอกสารจดทะเบียนรถเบนซ์คันนี้ ที่มีการระบุชื่อผู้หญิงคนหนึ่ง อายุ 48 ปี เป็นผู้ครอบครอง




โดยได้มีการจดทะเบียนรถตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2561 ขณะที่ภายในรถยังพบเสื้อผ้าและสิ่งของอีกหลายรายการ ประกอบด้วย เสื้อโปโลสีแดงของผู้หญิง กางเกงขาสั้นสีขาวของผู้หญิง จีสตริงสีดำ ถุงเท้าสีขาว ไม้เบสบอล ไม้คิว สนุกเกอร์ และโพยฟุตบอล 2 มกราคม ที่ผ่านมา


สำหรับรถเบนซ์คันนี้ จากการตรวจสอบพบว่า เป็นรถที่มีการสวมทะเบียน โดยนำรถยี่ห้อเดียวกัน รุ่นเดียวกัน และสีเดียวกัน มาสวมทะเบียน ซึ่งตำรวจได้ติดตามไปจนพบรถอีกคันอยู่ในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งรถคันนี้มีเอกสารที่ถูกต้อง และเจ้าของรถได้ขายให้เต้นท์รถไปแล้ว มีเอกสารการซื้อขายที่ถูกต้องชัดเจน ขณะที่จุดสังเกตระหว่างรถที่ถูกต้อง กับรถของกลุ่มผู้ก่อเหตุที่ใช้หลบหนี มี 2 จุดหลัก ๆ คือ กระจังหน้า และกรอบป้ายทะเบียนที่ไม่เหมือนกัน ส่วนที่มาของรถคันก่อเหตุ ตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวน




ขณะที่เมื่อช่วงบ่าย นางสาวหญิง อายุ 32 ปี หญิงสาวที่กลุ่มผู้ก่อเหตุและเพื่อนคนตายเข้าไปชนแก้วด้วยในผับ ย่านปิ่นเกล้า ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน เพื่อให้การในฐานะพยานเกี่ยวกับเหตุการณ์ภายในร้านที่ทำให้กลุ่มผู้ก่อเหตุกับกลุ่มคนตายมีปัญหาทะเลาะกันรอบแรก


โดยนางสาวหญิง ได้เข้าให้การนานกว่า 5 ชั่วโมง แต่ระหว่างให้ปากคำได้ขอตัวออกมาเข้าห้องน้ำ 1 รอบ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามข้อมูลในวันเกิดเหตุ แต่เจ้าตัวรีบวิ่งหนีเข้าไปในห้องพนักงานสอบสวนทันที และไม่ยอมตอบคำถามใด ๆ จากนั้นเวลา 17.30 น. นางสาวหญิงได้ให้ปากคำเสร็จสิ้นและได้วิ่งออกจากห้องสอบสวนไปพร้อมกับน้าสาว แล้วรีบเปิดประตูขึ้นนั่งในรถ ก่อนที่น้าสาวจะขับรถออกไปจาก สน.บางยี่ขัน ทันที




ขณะที่ นางสาวณัฐธิดา หรือ บี อายุ 29 ปี และนางสาวธนพร อายุ 39 ปี ภรรยาและพี่สาวของนายธนู ผู้ตาย ได้เดินทางมาที่ สน.บางยี่ขัน เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดี โดยนางสาวธนพร พี่สาวของคนตาย ยืนยันว่า ที่ผ่านมาเวลาน้องชายไปเที่ยวร้านเหล้าหรือสถานบันเทิง ไม่เคยมีเรื่องหรือมีปัญหากับใคร แต่เป็นคนรักเพื่อน แล้วมักจะชอบออกตัวแทนเสมอ


ส่วนวันเกิดเหตุ น้องชายออกจากบ้านไปตอนประมาณ 5 ทุ่มเศษ เพื่อไปเที่ยวที่ร้านดังกล่าวกับเพื่อนอีก 1 คน จากนั้นช่วงตี 1 เศษ น้องชายได้ทักแชตมาหาลักษณะเหมือนดูว่าตัวเองนอนหลับแล้วหรือยัง จากนั้นก็ได้โทรศัพท์มาหาบอกว่ารู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะเพื่อนที่มาด้วยกันไปมีปัญหากลุ่มก่อเหตุ ลักษณะเหมือนจะมารุมทำร้าย จึงฝากให้พี่สาวบอกพี่เขยให้ออกมาหา เพราะยืนยันว่าตอนนั้นน้องชายอยู่กับเพื่อนแค่ 2 คนเท่านั้น


พี่สาวคนตาย บอกว่า ตอนที่แฟนตัวเองไปถึงร้านเหล้าปิดแล้ว และเห็นนายธนู น้องชายของตัวเองกำลังยืนเคลียร์กับการ์ดของร้านอยู่ ซึ่งแฟนก็ได้ยืนดูเหตุการณ์อยู่ไม่ห่างจากจุดนั้นมากนัก จากนั้นมือปืนก็ได้วิ่งมาตะโกนใส่น้องชายแล้วชักปืนยิงทันที ตามภาพที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด โดยวันเกิดเหตุแฟนตัวเองใส่เสื้อสีขาว แล้วได้เดินทางไปหาน้องชายที่ร้าน พร้อมกับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง




ทั้งนี้ จากข้อมูลของชุดสืบสวนที่มีการแกะรอยเส้นทางการหลบหนีของนายกอล์ฟ พร้อมพวก โดยทราบว่าเจ้าตัวได้มีการขับรถเบนซ์กลับมาแถวละแวกบ้านเก่า ย่านเพชรเกษม 42 ก่อนที่จะให้รถต้องสงสัยอีกคันมารับหลบหนี แล้วให้เพื่อนที่เป็นคนขับรถเบนซ์เอาไปทิ้งเอาไว้ในพื้นที่บางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม


โดยทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณปากซอยเพชรเกษม 52 ซึ่งเป็นจุดที่รับรายงานว่าเป็นจุดมีการเปลี่ยนตัวและให้รถอีกคันมารับ โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดของปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ใกล้กับปากซอยดังกล่าว จับภาพในคืนวันเกิดเหตุเอาไว้ โดยกล้องวงจรปิดบันทึกเวลาประมาณ 01.59 น. ของวันที่ 14 มี.ค. โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดประมาณ 3ตัว จะเห็นรถเบนซ์ที่นายกอล์ฟนั่งโดยสาร จะขับผ่านกล้องตัวดังกล่าวไปก่อน และผ่านไปไม่ถึง 10 วินาที จะเห็นว่ามีรถเก๋งอีกคันเปิดไฟเลี้ยวซ้ายเพื่อขับตามหลังไปจอดรับ

 


ด้านนางสาวณัฐธิดา ภรรยาคนตาย บอกว่า อยากให้ตำรวจรีบจับตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็ว เพราะก็ทราบว่าตำรวจออกหมายจับแล้ว แต่ยังไม่ได้ตัวมาดำเนินคดี อีกทั้งคนร้ายยังใช้รถสวมทะเบียนในการหลบหนีด้วย ซึ่งก็มีความกังวลใจอยู่บ้างจึงมาสอบถามความคืบหน้าจากทางตำรวจ


ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหามีประวัติโชกโชนก่อคดีมาแล้วหลายคดี และอาจมีความเชื่อมโยงอยู่ในกลุ่มผู้มีอิทธิพล ตรงนี้ทางครอบครัวยืนยันว่าจะเดินหน้าต่อสู้อย่างเต็มที่ เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้นายธนู




นอกจากนี้ทีมข่าวได้รับคลิปวงจรปิดเพิ่มเติม ซึ่งเป็นช่วงเวลา 01.45 น. ของวันที่ 14 มี.ค. ซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิดจับเสียงช่วงวินาทีรัวยิง โดยก่อนที่จะยิงจะได้ยินเสียงผู้ชายโวยวาย


ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางมาที่วัดหนองแขม เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นสถานที่จัดตั้งสวดอภิธรรมศพ นายธนู บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าของเหล่าบรรดาครอบครัว และเพื่อนผู้เสียชีวิต ทีมข่าวได้พูดคุยนายจรูญ อายุ 53 ปี พ่อผู้เสียชีวิต เผยว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว ส่วนตัวตนมั่นใจการทำงานของทางเจ้าที่ตำรวจเป็นอย่างมาก เชื่อว่าตำรวจไทยจะสามารถนำตัวผู้ก่อเหตุมารับโทษได้




ตนยืนยันว่า ลูกชายเป็นคนดีรักเพื่อน ซึ่งในวันเกิดเหตุเองลูกชายก็เป็นคนเข้าไปช่วยเพื่อนทั้งทีเรื่องราวดังกล่าวไม่เกี่ยวกับลูกชายเลย โดยจากการสอบถามลูกเขยที่อยู่ในเหตุการณ์ให้ข้อมูลว่า เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะเพื่อนในกลุ่มได้ไปชนแก้ว และจีบหญิงสาวหนึ่งในร้านเหล้า จึงทำให้คนก่อเหตุไม่พอใจและพยายามจะเข้าไปเอาเรื่องเพื่อน จึงเป็นเหตุทำให้เกิดเรื่องราวดังกล่าวขึ้น ซึ่งตนมองว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เป็นเพราะลูกชายไปเคลียร์เรื่องให้เพื่อนเท่านั้น ไม่ได้มีการเข้าไปจีบหญิงสาวคนดังกล่าวตามข่าวที่มีการนำเสนอไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากลูกชายเองก็มีครอบครัวแล้ว อีกทั้งยังมีลูกชายวัย 1 ขวบ 4 เดือนที่ต้องดูแล




สำหรับผู้ก่อเหตุนั้น ตนก็อยากให้เขาเข้ามามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่าคิดที่จะหนี ในส่วนเรื่องของการอโหสิกรรมนั้น ตนยืนยันว่า ไม่อโหสิกรรมให้ และไม่ต้องมาขอโทษตน ทั้งตัวของผู้ก่อเหตุ และครอบครัวของผู้ก่อเหตุเอง เพราะตนทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ และตนไม่ขอพูดอะไรกับผู้ก่อเหตุทั้งนั้น ตายตามลูกชายตนไปได้ยิ่งดี




สำหรับข้อมูลทางการสืบสวน พบว่า ในคืนวันเกิดเหตุกลุ่มของคนตายมาด้วยกัน 2 คน คือ นายธนู และนายน้ำมนต์ เพื่อนรุ่นน้อง โดยได้นั่งอยู่โซนตรงกลางค่อนไปด้านหลัง ส่วนกลุ่มของนายกอล์ฟ มือปืน มากันทั้งหมด 5 คน เป็นผู้ชายทั้งหมด นั่งอยู่โซนด้านหลังขวา ขณะที่กลุ่มของนางสาวหญิง มาด้วยกัน 7 คน ผู้หญิง 4 คน ผู้ชาย 3 คน และได้นั่งอยู่โซนด้านหลังซ้าย ใกล้กับโต๊ะของคนตาย

ล่าไอ้โหดยิงหน้าผับ! แผนสูงเปลี่ยนรถก่อนล่องหน พ่อเศร้าลูกตายเพราะช่วยเพื่อน