สามีเศรษฐินีพร้อมอดีตลูกจ้างสาว เข้าพบตำรวจ โต้ไม่ถูกล่อลวง-หนีไปเอง สุดทนเมียด่าหยาบทุกวัน

สืบเนื่องจากวันนี้ ผู้สื่อข่าวช่อง 8 ได้รับร้องเรียนจาก นางสาวมัลลิกา โกละกะ หรือ เจ๊ไก่ อายุ 57 ปี เจ้าของธุรกิจเช่ารถตู้และธุรกิจหอพัก หลังสามีของเธอ คือ เฮียยุทธ อายุ 53 ปี ได้หายตัวปริศนาไปจากบ้าน เมื่อ 5 มีนาคม และจนถึงขณะนี้ไม่สามารถติดต่อได้

โดยเธอกลัวว่าสามีจะเป็นอันตราย เนื่องจาก สามีป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ สมองสั่งการช้า ซึ่งมีทรัพย์สินติดตัวไปกว่า 1 แสนบาท เบาะแสสุดท้ายพบว่า สามีของเธอถูกแม่บ้านสาวของเธอเองพาเข้าโรงแรมม่านรูด และพานั่งแท็กซี่ออกจากบ้านไป

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 เดินทางไปพบกับ เจ๊ไก่ อีกครั้ง เธอเล่า เหตุการณ์อย่างละเอียดว่า เธอนั้นแต่งงานอยู่กินกับสามีมากว่า 20 ปีแล้ว มีลูกสาว 1 คน ส่วนที่บ้านทำธุรกิจให้เช่ารถตู้ ธุรกิจหอพัก ธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ รวมถึงเปิดร้านขายของ ต่อมาปี 61 สามีได้เกิดล้มป่วย เป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ ทำให้ร่างกายของสามีซีกซ้ายใช้งานไม่ได้ ตนต้องเป็นคนดูแลธุรกิจทั้งหมดแทน ก่อนสามีจะหายตัวไปนั้น ครอบครัวของตนรู้จักกับผัวเมียคู่นี้ คือ นายต้น และ นางสาวสายฝน ผ่าน Facebook เพราะตนติดต่อซื้อตู้เย็นมือสองไปให้คนงานจากนายต้น

จากนั้นตนทักแช็ตไปหานายต้น เมื่อ 2 ธันวาคมเพื่อนัดดูของ แต่สุดท้ายตนไม่ซื้อ เพราะตู้เย็นนายต้นมีสภาพเก่า ไม่ตรงปก แต่หลังจากนั้นผ่านไปเพียง 1 วัน นายต้นพยายามโทรศัพท์มาขอร้องให้ตนช่วยซื้อตู้เย็น ในราคา 2,000 บาท โดยอ้างว่า จำเป็นต้องใช้เงินจ่ายค่าเล่าเรียนลูกสาววัย 8 ขวบด้วยความสงสารจึงโอนเงินให้ 2,000 บาท ต่อมาไม่นาน นายต้นได้โทรศัพท์หาตนอีก 2 ครั้ง เพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องเงิน ด้วยความสงสาร ตนจึงเสนอให้นายต้นและครอบครัวย้ายมาอยู่ที่ห้องเช่าตน ระหว่างที่ย้ายมาอยู่ห้องเช่า นายต้นอ้างว่าครอบครัวไม่มีอาชีพทำกิน ตนจึงยอมลงทุนเปิดร้านอาหารตามสั่งให้นายต้นกับนางสายฝน เป็นเงินกว่า 50,000 บาท แต่พอเปิดร้านได้เพียง 1 วัน นายต้นและนางสาวสายฝนบ่นว่าเหนื่อยและทำไม่ไหว ตนจึงให้โอกาสสุดท้ายกับทั้งสอง โดยให้นางสายฝนมาเป็นแม่บ้าน ส่วนนายต้น กำลังจะหางานอื่นให้ทำ จากนั้นไม่นานนางสายฝน เริ่มตีสนิทสามีตน ตอนแรกตนก็ไม่คิดอะไร แต่พอเวลาตนพาสามีและครอบครัวนายต้นไปกินข้าว นางสาวสายฝนมักจะมานั่งแทรกกลางระหว่างสามีกับตน จึงเริ่มรู้สึกเอะใจ

กระทั่ง 10 กุมภาพันธ์ 67 ตนเห็นนางสาวสายฝนเดินออกมาจากห้องนอนสามี ด้วยความโมโห จึงไล่นางสาวสายฝนออกจากบ้าน จนวันที่ 5 มีนาคม วันที่สามีหายตัวไป วันนั้นสามีตนมีทรัพย์สินติดตัวไป มีสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท 1 เส้น พระเลี่ยมทองหนัก 2 บาท เงินสดจำนวน 10,000 บาท และพบว่าเงินในบัญชีจำนวนหนึ่งถูกโอนให้พี่เขยนางสาวฝน ตนจึงมั่นใจว่าบุคคลที่พาตัวสามีไปคือนางสาวสายฝนและอาจทำเป็นขบวนการ

 


วงจรปิดพบ "แม่บ้านคนสนิท" พาเฮียยุทธเข้าม่านรูด

ล่าสุดทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดวันที่เฮียยุทธหายตัวไปอย่างปริศนาพบว่า กล้องวงจรปิดตัวที่ 1 วันที่ 5 มีนาคม 2567 เวลา 20:25 น. จับภาพนายสรายุทธ ยิ่งเจริญ หรือ เฮียยุทธ เดินออกจากบ้านด้วยชุดวิ่งร้องเท้าผ้าใบ กล้องวงจรปิดตัวที่ 2 วันเดียวกันเวลา 20:29 น. จับภาพรถแท็กซี่มาจอดรับเฮียยุทธหน้าหมู่บ้านก่อนขับรถออกไป ตามรายงาน รถแท็กซี่ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าไปส่งที่พักของนางสาวสายฝน กล้องวงจรปิดตัวที่ 3 วันที่ 6 มีนาคม 2567 เวลา 06:28 น. เห็นนางสาวสายฝน เดินกลับไปกลับมาโดยจุดดังกล่าวอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมโรยัลฮิล ใกล้ตลาดพูลทรัพย์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักของนางสาวสายฝน ก่อนที่กล้องวงจรปิดตัวที่ 4 วันที่ 6 มีนาคม 2567 เวลา 11:52 น. จะเห็นนางสายฝนหอบหิ้วตะกร้าผ้าออกมาจากโรงแรมม่านรูด พร้อมกับเฮียยุทธ โดยทั้งสองคน ได้ขึ้นแท็กซี่ออกไป ซึ่งหลังจากออกจากโรงแรมม่านรูดแล้วมีข้อมูลว่า นางสายฝนได้ พาเฮียยุทธ ไปที่ท่ารถตู้ ไปยังอำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้เบาะแสว่าทั้งสองคนได้เดินทางขึ้นรถตู้ไปจริงหรือไม่

 


"ต้น" ผัวเก่า อ้างไม่รู้เรื่อง เมียหายไปกับเฮียยุทธ

เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ทีมข่าวเดินทางไปพูดคุยกับนายต้น สามีของนางสาวสายฝน นายต้นได้บอกกับทีมข่าวว่า ตนไม่รู้เรื่องว่านางสาวสายฝนพาเฮียยุทธหนีไปอยู่ไหน เพราะตนและนางสาวสายฝนเลิกรากันไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาแล้ว ส่วนสาเหตุที่เลิกเพราะเจ๊ไก่ จับตนและเมียแยกกันทำงาน ทำให้ตนและเมียต้องห่างกัน ก่อนจะเลิกรากับเมีย เมียเคยบอกว่า ถูกเจ๊ไก่บังคับให้มีอะไรกับสามีเจ๊ไก่ ซึ่งตนเสียใจมากและชีวิตครอบครัวพังเพราะเจ๊ไก่

 

 

สามีเศรษฐินีพร้อมลูกจ้างสาว เข้าพบตำรวจ

ล่าสุดเมื่อเวลา 22.30 น. ที่ผ่านมา 11 มี.ค. 67 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งติดต่อมายังเพจ “ปทุมธานีที่นี่มีแต่เรื่อง”ระบุว่า บุคคลทั้งสองคือเฮียยุทธและนางสาวสายฝนอยากเข้าพบตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ใช่การลักพาตัวรูดทรัพย์ใดๆทั้งสิ้น จึงมีการนัดพบกันที่ สภ.เมืองปทุมธานี โดยทางแอดมินเพจได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.วิวัฒน์ อัศวะวิบูลย์ ผกก.สภ.ปทุมธานี ให้รับทราบ

เฮียยุทธ บอกว่า วันที่ 5 มีนาคม 2567 ช่วงเย็นตนเป็นคนเรียกแท็กซี่เอง เพื่อเดินทางไปหา น.ส.สายฝน เพื่อขอยืมเงินในการหนีออกจากบ้าน เพราะตนเบื่อที่ถูกภรรยาด่าคำหยาบทุกวัน ส่วนทรัพย์สินที่ตนนำติดตัวมานั้น ตนขายหมดแล้วเพื่อใช้ในการเดินทาง สำหรับเงินที่มีการโอนให้กับญาติของน.ส.สายฝน เพราะตนยืมใช้ในการเดินทาง ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นความคิดของตนเอง

ส่วนเหตุผลไม่ติดต่อภรรยาเพราะไม่อยากคุยด้วย ส่วนวันนี้ที่ตนมาพบตำรวจเพราะต้องการแสดงให้เห็นว่า น.ส.สายฝน อดีตลูกจ้างไม่ใช่คนล่อลวงตนออกจากบ้าน สำหรับเรื่องที่ภรรยาบอกว่า ตนมีอาการป่วยทางสมองหลงลืม ตนยืนยันว่าตนมีความจำดี และจะไม่ขอกลับไปคืนดีกับภรรยา เพราะที่ผ่านมาเคยไล่ตนออกจากบ้านด้วย