ชาวเชียงใหม่จมพิษฝุ่น ค่า PM 2.5 พุ่งเกินมาตรฐานต่อเนื่อง แย่ติดอันดับ 9 ของโลก

วันที่ 11 มีนาคม 2567 ท้องฟ้าเหนือตัวเมืองเชียงใหม่ถูกปกคลุมด้วยหมอกควันสีเทา ซึ่งเกิดจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ พีเอ็ม 2.5 จากไฟป่าและการเผา จนมองไม่เห็นดอยสุเทพดอยสูงที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของตัวเมืองเชียงใหม่ โดยช่วงเช้าวันนี้พบจุดความร้อน หรือ Hotspot เกิดขึ้นกว่า 119 จุด ส่วนใหญ่พบในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ และป่าสงวน มลพิษจากฝุ่นควันที่สะสมมานานต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ชาวเชียงใหม่เริ่มได้รับผลกระทบและมีอาการเจ็บป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยภูมิแพ้มีอาการกำเริบของโรคชัดเจน สภาพอากาศที่ย่ำแย่ทำให้ชาวเชียงใหม่ที่ออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านหรืออาคาร ต้องสวมหน้ากากอนามัยกันตลอดเวลา เพราะมีอาการแสบจมูก

 

 

ชาวเชียงใหม่ บอกว่า ช่วงนี้หมอกควันเริ่มเยอะและเริ่มรุนแรงมากขึ้น จนเธอมีอาการภูมิแพ้น้ำตาไหล ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ออกนอกบ้าน สิ่งที่ทำได้เวลานี้คือดูแลตัวเอง เวลาอยู่บ้านก็ปิดประตูหน้าต่าง และเปิดเครื่องฟอกอากาศ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

ทางด้านกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาพอากาศวันที่ 11 มีนาคม 2567 ภาคเหนือมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 36-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 5-15 กม./ชม. แนวโน้มการระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี แต่สภาวะอากาศใกล้ผิวพื้นมีลักษณะปิดตลอดช่วง ทำให้การระบายฝุ่นละอองเป็นไปได้อย่างจำกัด ส่งผลให้ฝุ่นละอองมีแนวโน้มทรงตัวถึงลดลงเล็กน้อย

 

 

ขณะที่ช่วงบ่ายวันนี้ แอปพลิเคชัน Air4Thai รายงานค่าพีเอ็ม 2.5 ในพื้นที่ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ 71.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตำบลศรีภูมิ อำเภอเชียงใหม่ 78.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ 42.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยจังหวัดเชียงใหม่ มีดัชนีคุณภาพอากาศ หรือ AQI อยู่ที่ 151 แย่ติดอันดับที่ 9 ของโลก