จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 5 มี.ค. ที่ผ่านมา ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านบางใหญ่ ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ปรากฏคลิปเหตุการณ์ช่วงเวลา 18.30 น. นางวลี (สวมเสื้อยืดสีขาว) อายุ 56 ปี ได้มีปากเสียงกับ นางสุภา (สวมเสื้อยืดสีส้ม) และสามี (สวมเสื้อสีเทาผมขาว)บริเวณหน้าบ้าน ก่อนที่นางวลีจะโทร. เรียกนายบีมซึ่งเป็นลูกชายและแฟนสาว ที่กำลังขายก๋วยเตี๋ยวอยู่บริเวณหน้าปากซอยให้เข้ามาช่วย จนเกิดเหตุปะทะชุลมุนตามคลิป

หลังจากนั้นกลางดึกของวันที่เกิดเหตุก็มีคนเข้าไปทำลายร้านก๋วยเตี๋ยว รื้อสิ่งของแล้วใช้เลือดหมูสาดใส่ข้าวของใด้รับความเสียหายมูลค่าประมาณ 3,000 บาท ได้ขโมยผ้าใบที่ใช้คลุมร้านไปด้วย นอกจากนี้ยังมีคลิปที่สามีของนางสุภา ยืนด่าทองนางวลีผู้เสียหายได้คำหยาบคายจนนางวลีทนไม่ไหวและได้ปาขวดน้ำกลับมา หลังจากนั้นจึงเกิดเหตุการชุลมุนขึ้น

ทีมข่าวลงพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุที่ปรากฏตามคลิป ซึ่งอยู่หน้าบ้านของนางวลี แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว พร้อมกับเล่าว่า วันเกิดเหตุตนเองกำลังเจียวกระเทียมเพื่อเตรียมเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว แล้วก็เห็นว่านางสุภา ซึ่งเป็นเพื่อนเดินมากับสามีจากนั้นตะโกนถามตนเองว่า "เอ้าว่าไง" ตนเลยบอกไปว่า "เดี๋ยวค่อยคุย" แล้วก็บอกไปอีกว่า "เดี๋ยวค่อยโทร. คุยก็ได้" แต่นางสุภาก็ไม่ยอม หลังจากนั้นตัวผู้ชายซึ่งเป็นสามีของนางสุภา ก็ด่าตนด้วยถ้อยคำหยาบคายมาก ๆ ด่ารุนแรงถึงบุพการีถึงหน้าบ้านของตน จึงทำให้ตนเองเกิดความโมโหจึงใช้ไม้กวาดพุ่งใส่ไปตามคลิป

ก่อนที่สามีของนางสุภาพยายามจะเดินเข้ามาทำร้ายตนเอง จึงเกิดความกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยจึงโทร. ตามลูกชาย แต่ตอนนั้นตนก็หยิบไม้กวาดขึ้นมาแล้วเพื่อเอาไว้ป้องกันตัว แต่วันที่เกิดเหตุตัวผู้ชายเขาเปิดฉากด่าก่อนแถมด่าไม่หยุดด้วย ขนาดบอกไปแล้วว่าค่อยโทร. คุยกันก็ได้ เขาก็ไม่ยอมเพราะเป็นเรื่องระหว่างตนเองกับนางสุภา แทนที่จะห้ามแต่มายืนด่าทอ พอลูกของตนมาก็เกิดการลงไม้ลงมือกันตามคลิปด้วยความที่ลูกชายตนตัวเล็กกว่า จึงได้โทร. ตามลูกสะใภ้ซึ่งเป็นแฟนของลูกชายให้เข้ามาช่วย ก่อนตนเองจะนำไม้กวาดเข้าไปตี สามีของนางสุภาที่ทำร้ายลูกของตนเองลงไปนอนกับพื้น แต่คู่กรณีก็ยังไม่ยอมที่จะหยุดจนกระทั่งมีชาวบ้านเข้ามาช่วยจับแยกทั้งสองฝ่าย

โดยสาเหตุที่นางสุภากับตนเองมีปัญหากันเป็นเพราะว่าช่วงโควิดสองสามปีที่ผ่านมา ตนเองได้แทงหวยใต้ดินกับนางสุภา 1 บิล เป็นจำนวนเงินกว่า 10,000 บาท ซึ่งตนเองก็ได้ชดใช้หนี้ไปหมดแล้ว ก่อนที่ตนเองจะเดินทางไปทำงานที่ประเทศมาเลเซียนานหลายปี จนกระทั่งกลับมาขายก๋วยเตี๋ยว และมีคนไปบอกนางสุภาว่าตนเองกลับมาแล้ว นางสุภาจึงเดินทางมาเพื่อทวงหนี้จำนวนเงินกว่า 50,000 บาท ซึ่งเกิดจากความผิดพลาดของนางสุภาเองที่ส่งบิลแทงหวย แล้วมีการก๊อปปี้ซ้ำกลายเป็นยอดเพิ่มอีก 3 บิล ยอดเงินจำนวน 50,000 กว่าบาท จึงมาเรียกเก็บกับตนเอง

และปล่อยให้สามีของนางสุภาที่ตนเองไม่เคยรู้จักมาก่อน มาด่าทอจนเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ซึ่งหากมีการพูดคุยกันดี ๆ ตนเองก็อาจจะมีน้ำใจยอมช่วยเหลือชดใช้ให้บ้าง แต่ถ้าหากเป็นเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้ตนเองจะไม่ยินยอมชดใช้ให้ เพราะไม่ได้เป็นความผิดของตนและจะเดินหน้าดำเนินคดีตามกฎหมาย

เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ความคืบหน้าที่ สภ.บางบัวทอง ทั้ง 2 ฝ่ายเดินทางมาไกล่เกลี่ยต่อหน้าพนักงานสอบสวน ในเรื่องของการทำลายทรัพย์สินที่นางอ้อใช้เลือดหมูในถังน้ำแข็ง สาดใส่ร้านก๋วยเตี๋ยวของนางวลีและลูกชายในระหว่างที่ทั้ง 2 ฝ่าย มีการพูดคุยไกล่เกลี่ยกันต่อหน้าพนักงานสอบสวน และได้มีการโต้เถียงกัน ซึ่งชายที่อ้างตัวเป็นพี่ชายของนางอ้อ ได้มีการโต้เถียงกันกับนางวลีทำให้นางวลีไม่พอใจ ทำให้นางวลีไม่ขอยอมความและให้ดำเนินคดีในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ แต่หลังจากนั้นรองผู้กำกับการสอบสวน สภ.บางบัวทอง ได้เข้ามาพูดคุยช่วยไกล่เกลี่ยอีกครั้ง จนทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่เอาความกันในเรื่องของการทำให้เสียทรัพย์ โดยนายอ้อพยายามที่จะเสนอเงินให้แต่นางวลีไม่รับ หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนจึงลงบันทึกประจำวันไว้ว่าทั้ง 2 ฝ่ายไม่ติดใจเอาความซึ่งกันและกัน

โดยนางสาวอ้อ ลูกสาวของนางสุภาคู่กรณี ที่เป็นผู้ก่อเหตุใช้เลือดหมูสาดใส่ร้านก๋วยเตี๋ยว เปิดเผยว่า แม่ตนเองได้โทรโทรศัพท์มาบอกว่าถูกคู่กรณีทำร้ายร่างกาย เมื่อตนเองเห็นบาดแผลที่แม่มีรอยฟกช้ำจึงเกิดความโมโห โดยไม่รู้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นมาก่อน จึงได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวของนางวลีและลูกชายเพียงคนเดียว ก่อนจะเปิดถังน้ำแข็งแล้วหยิบเลือดหมูที่อยู่ในขวดมาสาดใส่ร้านก๋วยเตี๋ยวของนางวลีและลูกชายด้วยความโมโห แต่เมื่อตนได้เห็นคลิปที่มีการทำร้ายร่างกายกันแล้ว ตนจึงมีการประสานโทรศัพท์ไปขอโทษกับลูกชายของนางวลีและครอบครัวเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ส่วนประเด็นความขัดแย้งระหว่างนางวลีและแม่ของตนนั้น ตนไม่รับรู้และไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

ขณะที่นางวลี เปิดเผยว่า ตนเองไม่ติดใจเอาความและไม่รับเงินค่าเสียหายจากนางอ้อ แต่สิ่งที่ตนเองไม่พอใจวันนี้คือชายที่อ้างตัวว่าเป็นพี่ชายของนางอ้อ ที่พูดทำให้ตนเองรู้สึกไม่ดีมีความอัดอั้นอยู่ในใจ ในส่วนของการทำให้เสียทรัพย์ของนางอ้อ ตนไม่ติดใจเอาความและไม่ขอรับเงินค่าเสียหาย ส่วนของนางสุภาและสามี ยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับสามีของนางสุภาให้ถึงที่สุด ซึ่งได้มีการนัดหมายกับพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้