จากกรณีที่เกิดเหตุสาวประเภทสองรวมตัวกันนับพันคน ภายในซอยสุขุมวิท 11/1 เนื่องจากมีสาวประเภทสองชาวไทยถูก สาวประเภทสองชาวฟิลิปปินส์รุมทำร้าย 20 ต่อ 6 จนเกิดเหตุชุลมุนขึ้น

 

โดยทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับ พริ้ง (นามสมมติ) สาวสองชาวไทย ที่โดนเข้าใจผิดว่าเป็นฟิลิปปินส์ จนโดนรุมตี เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ตนได้รับการชักชวนจากคนรู้จักให้ไปที่สุขุมวิท 11 นี้ เพราะมีน้องกะเทยไทยถูกรุมทำร้าย ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ ก็อยากเอาคืน เพราะตรงนี้มันก็ประเทศไทยของเรา

 

โดยช่วงที่กำลังตะลุมบอนกะเทยฟิลิปปินส์อยู่ตัวเองก็ได้ถอดรองเท้ามาตีเขาเช่นกัน แต่ตนเสียหลักกำลังจะล้ม พี่แชมป์ ซึ่งเป็นพี่ที่รู้จักกับตนจึงได้มาช่วยดึงรัดช่วงเอวเราขึ้นมา แต่คนอื่นน่าจะเข้าใจผิดคิดว่าพี่แชมป์ ล็อกคอกะเทยฟิลิปปินส์ จึงทำร้ายตน ตอนนี้ตนยังเจ็บอยู่เลยตามตัว ตนโดนทั้งรุมทึ้งหัว รุมตีเยอะมาก พยายามบอกว่าเป็นคนไทย แต่ก็ไม่มีใครฟัง จนตนล้ม แฮร์พีชหลุด

 

ซึ่งตอนนี้ก็มีคนทักเข้ามาขอโทษตนบางส่วนแล้ว โดยพี่หมวย โซฮอต ก็ช่วยตามให้

 

โดยตนโดนตีอยู่สักพักกะเทยฟิลิปปินส์ขึ้นรถ คนอื่นถึงหยุดตีตน ซึ่งหลังจากนั้นก็มีคนเดินมาขอโทษตน แต่ตนก็เจ็บไปแล้ว

 

ตอนนี้ก็มีบางคนได้โอนเงินมาให้ตนเป็นค่าเยียวยา ไปหาหมอรักษามาแล้ว 1 หมื่น บ้าง 5 พันบ้าง ตอนนี้ได้มาประมาณ 2 หมื่นแล้ว ตนก็แบ่งไปทำบุญบ้างแล้ว ตอนนี้ตนก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว ก็จบกันไป

 

ด้านแจ๊ส สรวีย์ นัดที อดีตมิสทิฟฟานี่ปี 2009 ก็ได้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ สุขุมวิท 11 ด้วย โดยได้เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ในวันเกิดเหตุ ตนติดตามไลฟ์ จากพี่ๆ แม่ตั้งแต่ ตอน 1 ทุ่ม จนทำธุระเสร็จก็กลับมาดูต่อที่คอนโด และก็ตัดสินใจ นั่งรถมอเตอร์ไซค์ไปตอน 03.20 น. และถึงประมาณ 03.45 น.

 

เมื่อไปถึง สิ่งที่ทำเป็นอย่างแรก คือ ตั้งใจไปคุยกับผู้กำกับ เพื่ออยากไปช่วยพูดคุยกับ ชาวฟิลิปปินส์ เพื่อให้เขายอมลงมา ไปเจรจาที่ สน. เพราะจากดูสถานการณ์มาตลอด มันคงไม่ได้จบง่ายๆ และเขาทำผิดจริงๆ เขาคะนองที่ทำแบบนั้น จะให้พวกเราที่รู้สึกว่ามาทำพี่น้องเราก็ไม่ใช่อีก

 

ตอนนี้ผู้กำกับและตำรวจ พาตนไปคุย พบว่า ก็มีกลุ่มที่เป็นทีมพูดคุยอยู่ก่อนแล้ว แต่ยังไม่เป็นผล ตนเลยเข้าไปช่วยพูด และในตอนนั้น เห็นได้ชัดว่า 2 คนที่อยู่ในกลุ่มผู้กระทำ มีอาการกังวล และกลัว ไม่กล้าลงมา และเขาก็ขอโทษ เขาไม่ได้ตั้งใจ เขาคะนองไปเอง จนทำให้เกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ ตนจึงทำการพูดคุย และถามเขาว่า สำนึกจริงๆ ใช่ไหม ไม่ได้โกหก และถ้าสำนึกจริงๆ ก็ต้องลงไป เพื่อขอโทษ และไปเคลียร์ให้เรียบร้อย และเมื่อลงไปก็ขอให้ยกมือไหว้ขอโทษ เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจ ซึ่งเขาก็เชื่อพวกตน และเขามากอด

 

ต่อมา เมื่อตนลงมาก็เลยขอผู้กำกับขึ้นไปพูด แต่ยอมรับว่า ก็รู้ว่าไม่เป็นผล เพราะมันเป็นอะไรที่มาไกลแล้ว ยังไงก็ยอมยาก และมันเป็นการรวมตัวที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน มันคุมยากอยู่แล้ว แต่ก็อยากให้จบเร็ว เพราะในจุดนั้น ไม่มีใครบอกได้ ใครจะมีอาวุธไหม จะมีมือที่ 3 ไหม เพราะถ้าคนฟิลิปปินส์ เป็นอะไรขึ้นมา จากที่เขาผิด มันจะกลายเป็นคนไทยผิดแทน และมันเป็นสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้น แต่เมื่อขึ้นไป กลับพบว่า เสียงโห่ เพราะตอนแรกคิดว่าตนเป็นคนไทย เป็นตนก็อาจจะไม่พอใจ ด้วยความที่เมื่อก่อนตอนเด็กๆ ตนก็ทำตัวไม่น่ารัก กับพวกพี่ๆ แม่ๆ ด้วยเช่นกัน อันนี้ ก็ต้องขอยกมือขอโทษเรื่องในอดีตเช่นกัน

 

สุดท้าย เรื่องนี้ มันเป็นอะไรที่ทำให้เห็นว่า คนไทย พี่น้อง ถ้าเกิดอะไรขึ้น พร้อมช่วยเหลือ สู้สุดใจ และเรื่องนี้ทางด้านฟิลิปปินส์ ก็คะนองจริง ผิดจริง แต่ขอควรระวัง คือ อย่าให้ถึงรุนแรง จนกลายเป็นคดีความ เพราะกฎหมาย ของสถานทูต ถ้าเขาไม่ยอมมันจะกลายเป็นประเด็นใหญ่ และตอนนี้ดีใจที่มันไม่ถึงขั้นนั้น จบลงด้วยดี

 

นายกิตติศักดิ์  คุ้มญาติ หรือ พรีม อายุ 32 ปี เจ้าของวลี “ตรงนี้ยังไม่เริ่มนะ ถ้าจะเริ่มคือตรงนี้” เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆทุกคนไม่ได้มีการนัดแนะกัน แต่ทุกคนรวมตัวกัน รวมพลังกันโดยมิได้นัดหมาย โดยได้ดูจากที่น้องที่ถูกทำร้ายเขาขอความช่วยเหลือ มันเหมือนถูกเหยียดหยามจึงได้ไปกัน ต่างคนต่างไปจนเยอะเป็นพันคนอย่างที่เห็น

 

ส่วนที่มีคลิปเผยแพร่ออกมาจนมีวลีฮิตที่ตนเป็นคนพูดนั้น ตอนนั้นคือตำรวจกำลังจะเอากะเทยฟิลิปปินส์ลงมาจากโรงแรม ตนจึงได้นัดแนะกับทุกคนว่า “ตรงนี้ยังไม่เริ่มนะ ถ้าจะเริ่มคือตรงนี้” เพราะกลัวว่าจะเกิดความรุนแรง ตนก็ไม่ได้อยากให้ใครบาดเจ็บ และไม่รู้ว่าตำรวจมีกันกี่นาย ตนจึงพยายามห้ามให้ทุกคนใจเย็นๆ ซึ่งไม่ได้เป็นการนัดกันว่าต้องตีตรงนี้ ตนก็ไม่สนับสนุนความรุนแรง แต่เรื่องนี้มันยอมกันไม่ได้ เพราะเขาหยามศักดิ์ศรีพวกเรา

 

ซึ่งใช้เวลาสนมากกว่าตำรวจจะนำตัวฟิลิปปินส์ออกมาจากโรงแรม 4-5 ชม. ประมาณตี 5 ถึงลงมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เขาตีน้องชาวไทย ตี4-5 พอเขาลงมาคนแรกรอดไปได้ แต่คนที่2 สะดุดอะไรสักอย่าง ก็โดนพวกเรารุมเลย จนเป็นภาพตามที่อยู่ในเน็ตเลย ที่เหาะเหินเดินอากาศ

 

ซึ่งจริงๆกะเทยฟิลิปปินส์คนที่ 2 คนที่โดนตี โดนไปแล้วรอบหนึ่ง เพราะเขาเดินลงมาเอาข้าว และเต้นยั่วคนไทย ก็เลยโดนไปที่มีคนถอดรองเท้า samba ตี

 

หลังจากที่เป็นกระแสร้อนเกินต้าน ผู้กำกับตัวแม่ของวงการหนัง LGBTQ+ พชร์ อานนท์ ก็ไม่รอช้า นัดทีมงานและนักแสดงนำในเรื่องอย่าง จาตุรงค์ มกจ๊ก และโก๊ะตี๋ อารามบอย ประวัติศาสตร์ของวงการกะเทยไทย กับซีน “วันกะเทยผ่านศึก” ในวันที่ 6 มีนาคม 2567 ณ โครงการ The Hub phahol- Ari

 

โดยบรรยากาศวันนี้เป็นไปอย่างคึกคัก เหล่าพี่กระเทยรวมตัวถ่ายหนังฉากนี้กันกว่า 50 คน โดยทุกคนแสดงสมบทบาท เสมือนย้อนเหตุการณ์กลับไปในคืนนั้นเลย

 

ทั้งนี้ ภาพยนตร์ “หอแต๋วแตกแหกสัปะหยด” เป็นภาคสุดท้ายของหนังในตำนานจักรวาล “หอแต๋วแตก” โดยจะฉายในวันที่ 14 มีนาคม 2567 นี้ ทุกโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ

 

พชร์ อานนท์ อายุ 58 ปี ผู้กำกับภาพยนตร์ “หอแต๋วแตก แหกสัปะหยด” เปิดเผยว่า ซึ่งจริงๆเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอนที่ตนเองอยู่ที่ทำงานกำลังจะทำมิกซ์หนังและตรวจงานก่อนที่จะส่งลงอีกครั้ง โดยเพื่อนของตนได้ติดต่อมาว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตนจึงลองไปดูแล้วก็เห็นแฟนแฟนแฟนเรียกร้องว่าอยากให้เอามาใส่ในหอแต๋วแตกแต่ว่าตนไม่สามารถทำได้เนื่องจากหนังปิดกล้องไปแล้ว แต่พอตอนไปคิดคิดใหม่อีกทีก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจจึงได้มีการพูดคุยกับทีมงานว่าเราจะสามารถถ่ายทำให้เสร็จเพื่อที่จะใช้ในวันกำหนดเดิมได้หรือไม่ ซึ่งทุกคนบอกว่าทันเราก็เลยได้เปิดรับสมัครและจะมาถ่ายในวันนี้เลย

 

ซึ่งจริงๆที่เรานำเรื่องนี้มาทำนั้นเราไม่ได้ต้องการจะสนับสนุนความรุนแรงแต่เพียงอยากให้ตัวละครของเราเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้เท่านั้น  ก็อยากให้ทุกคนลองมาดูกัน ซึ่งฉากนี้จะอยู่ในหนังเพียง 2-3 นาที แต่หากทุกคนให้ความสนใจกับฉากนี้ก็อาจจะมีการสร้างพรรคแยกในฉากนี้เพิ่มขึ้นอีก

 

โดยในวันนี้จะเป็นการถ่ายทำวันแรกและวันเดียวคืนเดียวจบ  นักแสดงทั้งหมดประมาณ 50 คน โดยจะมีนักแสดงหลักมาสองคน และรับสมัครกะเทยมาเพิ่มอีก 50 คน ซึ่งจริงๆแล้วมีกะเทยมามากกว่า 1000 คนด้วยซ้ำตนก็ต้องเลือกมา

 

โดยเหตุการณ์นี้ก็เป็นเหตุการณ์ที่พวกเรารวมตัวกันเพื่อที่จะไปช่วยคนที่ถูกทางกะเทยฟิลิปปินส์รุมทำร้ายหรือท้าทายต่างๆ  ซึ่งตนก็มองว่าถึงเขาเป็นคนต่างชาติเค้าก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาทำกับคนไทยเราแบบนี้ ซ้ำยังมีการอัดคลิปไปเผยแพร่และบอกว่าชนะกะเทยไทยซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่ทำให้เรากะเทยไทยนั้นเหมือนถูกเหยียดหยามศักดิ์ศรีสามารถทำร้ายกะเทยไทยได้ จึงเกิดการเรียกร้องความถูกต้อง

ควันหลงศึกกะเทย!"พริ้งเริงเมือง"ถูกรุมตบผิดตัวเละ "พชร์" หอบกะเทยนับร้อยถ่ายซีนประวัติศาสตร์