จากกรณีที่เกิดเหตุสาวประเภทสองรวมตัวกันนับพันคน ภายในซอยสุขุมวิท 11/1 เนื่องจากมีสาวประเภทสองชาวไทยถูก สาวประเภทสองชาวฟิลิปปินส์รุมทำร้าย 20 ต่อ 6 จนเกิดเหตุชุลมุนขึ้น

 

วันที่ 5 มี.ค. พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโน ผกก.สน.ลุมพินี กล่าวถึงความคืบหน้าทางคดีกรณีกะเทยไทยและฟิลิปปินส์เปิดศึกกันที่สุขุมวิท 11/1 โดยยืนยันว่าชาวฟิลิปปินส์ในเหตุการณ์นี้มาในประเทศไทยด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว เบื้องต้นทางตม. ตรวจสอบแล้วยังอยู่ในระยะเวลาที่ขออนุญาตไว้ ส่วนมาท่องเที่ยวจริงหรือไม่นั้น ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ ขณะเดียวกันตำรวจดูในส่วนของที่พักเป็นหลัก ซึ่งตม.เป็นหน่วยงานที่ไปตรวจสอบ

 

ส่วนตำรวจ สน.ลุมพินี จะมีการชงให้ ตม. ขึ้นแบล็กลิสต์ชาวฟิลิปปินส์กลุ่มนี้หรือไม่ ผกก.สน.ลุมพินี ระบุว่า ตม. จะเป็นคนดำเนินการในส่วนนี้และดูตามพยานหลักฐานทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามทางตำรวจและ ตม.ทำงานร่วมกันอยู่แล้ว ส่วนกลุ่มนี้มีการเข้าออกประเทศไทยกี่ครั้งแล้วนั้นยังคงรอให้ ตม. ตรวจสอบอยู่

 

ส่วนประเด็นการตรวจสอบและดูแลนักท่องเที่ยวฟิลิปปินส์ในพื้นที่อย่างไรบ้างนั้น พ.ต.อ.ยิ่งยศ กล่าวว่า ถือว่าเป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาประเทศไทย ส่วนจะมีพฤติการณ์อย่างไรต้องตรวจสอบต่อไป แต่ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ดีมีจำนวนเท่าไหร่นั้น ผกก.สน.ลุมพินี บอกว่าเรื่องตัวเลขคงไม่สามารถระบุได้

 

โดยนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าฯกทม. กล่าวเสริมว่า ฟิลิปปินส์เเขาเป็นมิตรที่ดีกับเรา คนที่เข้ามาอย่างถูกต้องมีเป็นจำนวนมาก ส่วนที่เกิดเหตุเป็นส่วนน้อย ซึ่ง กทม.เอง ก็มีครูภาษาอังกฤษที่มาช่วยสอนเด็กเป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นผมมองว่าเป็นเรื่องส่วนน้อยไม่ใช่เรื่องของประเทศ เป็นเรื่องของคนส่วนน้อยที่อาจจะทำไม่เหมาะสมแต่คนส่วนใหญ่ ผมเชื่อเลยว่าชาวฟิลิปปินส์เป็นเพื่อนที่ดีต่อเรา เข้ามาช่วยดูแลทำงานอยู่อย่างถูกกฎหมายมากมาย”

 

เมื่อถามนายชัชชาติว่าดูคลิปแล้วมองว่าควรขึ้นแบล็กลิสต์หรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นชาติไหนหากทำผิดกฎหมายต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มข้น เพราะเข้าใจได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นรุนแรงเหมือนกัน รวมทั้งมีเรื่องของศักดิ์ศรีด้วย ตนขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน

 

ส่วนในพื้นที่ดังกล่าวมีการค้าบริการทางเพศหรือไม่นั้น พ.ต.อ.ยิ่งยศ บอกว่า ยังไม่ได้รับรายงาน และคนไทยที่ให้ปากคำก็ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้

 

เมื่อถามย้ำว่าคำพูดตามหน้าสื่อที่กลุ่มคนไทยระบุว่าชาวฟิลิปปินส์กลุ่มนี้ขายบริการทางเพศในประเทศไทย สามารถขยายผลต่อได้หรือทำ ผกก.สน.ลุมพินี กล่าวว่า ต้องดูตามพฤติการณ์ อย่างที่ผู้ว่าฯ กทม. บอก ว่านักท่องเที่ยวเข้ามาในฐานะ นักท่องเที่ยวที่ดีก็มีเป็นจำนวนมาก ต้องดูพฤติการณ์เป็นรายบุคคลขณะเดียวกันชาวฟิลิปปินส์กลุ่มนี้ ได้บอกกับตำรวจเช่นกันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของกลุ่มเล็กๆ หากมีการไปขยายต่ออาจส่งผลต่อภาพรวมได้ เพราะฉะนั้น ต้องใช้ความระมัดระวังในการตรวจสอบอย่างชัดเจน และขอยืนยันว่าหากเข้ามาแล้วกระทำความผิดต้องดำเนินการทุกมิติและ จะไม่ปล่อยผ่านอย่างแน่นอน

 

นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าฯกทม. เดินลงพื้นที่ถึงซอยสุขุมวิท 11/1 และพบกับเจ้าของร้านนวดที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ทะเลาะกันระหว่างกะเทยไทยและฟิลิปปินส์ ซึ่งอยู่ใกล้ๆโรงแรมจุดเกิดเหตุไม่ถึง 100 เมตร โดยเจ้าของร้านเล่าให้นายชัชชาติฟังว่า เช้ามืดวานนี้ เกือบๆ 04.00 น. คาดว่ามีการเปิดศึกกันแล้วไหลมาถึงร้านตน จนร้านเกิดความเสียหาย

 

ส่วนสิ่งของที่เสียหายคือ โต๊ะนั่งหน้าร้าน ป้ายร้านนวด พัดลม 1 ตัว และเก้าอี้ 5 ตัว ซึ่งค่าเสียหายมีพลเมืองดีชาวไทยแต่ว่าอยู่ที่อเมริกาโอนมาให้แล้ว 10,000 บาท และแจ้งว่า “ขอโทษแทนน้องกะเทยด้วย” แต่อย่างไรก็ตามตามความจริง 10,000 บาทนี้ยังไม่พอ เหลืออีกนิดหน่อยแต่ไม่เป็นไรถือว่าฟาดเคราะห์ ซึ่งนายชัชชาติ ก็บอกเช่นกันว่าไม่เป็นไรถือว่าฟาดเคราะห์

 

ขณะเดียวกันเจ้าของร้านยังบอกอีกว่า ปกติคนแถวนี้อยู่กันเป็นกลุ่มดี และเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิด และไม่คาดคิดมาก่อน ส่วนพฤติการณ์ของชาวฟิลิปปินส์กลุ่มนี้ เท่าที่เห็นก็ต่างพูดจาดี ไม่มีกร่าง

 

ทีมข่าวได้สอบถาม น้องน้ำขิง (นามสมมติ) อายุ 29 ปี กะเทยชาวไทยที่อยู่ในกลุ่มทะเลาะวิวาทกับกะเทยชาวฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า  กลุ่มกะเทยฟิลิปปินส์ที่ใช้วีซ่านักท่องเที่ยวเข้ามาแต่มีพฤติกรรม แอบแฝงด้วยกันเข้ามาขายบริการทางเพศ ทั้งเดินตามซอยและผ่านทางโซเชียล และลูกค้าที่จะใช้บริการจะเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งจะขายบริการในจำนวน 2000 - 3000 บาท เป็นการตัดราคาเนื่องจากปกติแล้วราคาจะอยู่ที่ 5000 บาท

 

นอกจากนี้กะเทยชาวฟิลิปปินส์ยังหัดพูดภาษาไทยจนคล่องและเมื่อไปให้บริการทางเพศอ่างว่าเป็นคนไทย และเมื่อไปแสดงพฤติกรรมไม่ดีกับลูกค้าก็จะขโมยของด้วยทำให้กะเทยไทยเสื่อมเสียชื่อเสียง ตนเองมองว่าประเด็นนี้ไม่ใช่เหตุผลหลักที่เกิดเหตุ แต่ปมเหตุที่แท้จริงคือกะเทยฟิลิปปินส์ชอบเหยียดว่าสวยกว่ากะเทยไทย และมายั่วยุจนทำให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น

 

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย  ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สาวประเภทสองชาวไทยถูกสาวประเภทสองชาวฟิลิปปินส์ รุมทำร้ายร่างกาย ทำให้วันต่อมามีกลุ่มสาวประเภทสองออกมารวมตัวกันจนเกิด "ศึกวันกะเทยไทย" ว่า ตนได้ติดตามเรื่องนี้เช่นกัน ก่อนพูดติดตลกว่า "ระบบกะเทยนะคะ" พร้อมกับยกนิ้วโป้ง

 

เมื่อผู้สื่อข่าวกระเซ้าไปว่าอย่าท่าทายอำนาจกะเทยไทย น.ส.แพทองธาร จึงตอบกลับว่า "อย่าท้าทายอำนาจระบบกะเทย เป็นคำนี้ใช่มั้ยได้ฟังเมื่อเช้า รู้สึกโดนใจ"

 

ต่อมาเจ้าตัวได้โพสต์ชี้แจงในสตอรี่อินสตาแกรม ไม่ได้สนับสนุนความรุนแรง เพียงแค่รู้สึกชอบคำว่า ระบบกะเทย อย่างไรก็ตามกรณีทะเลาะวิวาทต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย

"คนไทย" แฉยับ "เทยปินส์" ขายตัวตัดราคาสร้างเรื่องฉาวแล้วโยนบาปให้ "เทยไทย"