จากกรณีภรรยาตำรวจร้อง “เป็นหนึ่ง” สามีตำรวจคบชู้กับเด็กอายุ 17 แอบมีความสัมพันธ์กันตั้งแต่เด็กอายุ 14 ซ้ำ แม่เด็กไม่ห้ามลูก ลั่น!! ก็เขารักกันจะให้ทำยังไง ตอนนี้เด็กอายุ 17 เพิ่งตั้งท้องกับนายตำรวจ

 

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบ เมียหลวงของตำรวจ คือนางอรนุส อายุ 55 ปี เล่าถึงเหตุที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปี 62 สามีไปคบกับเด็กคนหนึ่งอายุ 14 ปี ซึ่งครั้งแรกคิดว่าไม่มีอะไร หลงเอ็นดู ดูแบบเป็นลูกกับหลานที่มาตีสนิท ต่อมาในปี ในปีต่อมา ทางครอบครัวของเด็กหญิงทราบเรื่อง ก็มาโวยวาย ขอให้ตนเองบอกสามีเลิกไม่ใช่นั้นจะเอาเรื่อง ก็มีการพูดคุยกัน ว่าจะเลิก โดยเฉพาะแม่สามีมาคุยกันด้วย ซึ่งตนเองก็เชื่อว่าเลิกแล้วและเรื่องก็เงียบไป จากนั้นก็มีเรื่องระหองระแหง หาเรื่องทะเลาะวิวาทกับตนเองเป็นประจำ จนเกิดความไม่เข้าใจกันบางครั้งถึงขนาดขู่จะยิง เอาปืนเล็งมาที่เราก็ทำมาแล้วเพื่อขู่ให้กลัวและต้องการให้เรายอมรับตามที่ต้องการจะอยู่กันแบบ 3 สามี-ภรรยาซึ่งตนไม่ยอมรับและไม่เอาด้วยทั้งที่มาบอกเราว่าเลิกกันแล้ว แต่ความจริงก็ยังแอบคนกันอยู่โดยบ่อยครั้งบอกเราว่าไปนอนบ้านแม่ แต่มารู้ทีหลังว่าเขาไปนอนด้วยกัน และพ่อแม่เด็กก็รู้เห็นเป็นใจทั้งที่แรกๆบอกว่าจะเอาเรื่องแต่สุดท้ายก็สมคบกัน และสุดท้ายเมื่อตนไม่ยอมเลิกให้เด็กก็มาโพสต์ด่าและไม่ว่าจะพูดอะไรก็ถึงหูเด็กด้วยการบอกกันทั้งหมด

 

ตนทนทุกข์ทรมานมา4ปีเต็มตอนนี้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เอาแล้วจะขอเลือกและจะให้ทนายฟ้องร้อง ทุกฝ่ายทั้งเด็กและสามี ยอมแม้กระทั่งให้ออกจาก ตำรวจก็จะทำ

 

ขั้นแรกบอกถ้าจะอย่าโดนขอเอา 2 ล้านมาแลกแต่พอเขาบอกมีลูกก็เปลี่ยนในจะขอเอาเป็น 3.5 ล้าน เป็นค่าตัวลูกที่มีเพิ่มมาอีกหนึ่งล้านห้า จึงจะหย่าให้ แต่พอเอาเข้าจริงๆกลับไม่ยอมหย่า แล้วจะอยู่กันสามคนเหมือนเดิมซึ่งตนเองรับไม่ได้และไม่เอาอยู่แล้ว

 

เมื่อสามีตำรวจเข้าข้างอีกฝ่ายทำลายน้ำใจตนที่อดทนมานานถึงขนาดนี้ ก็จะไม่ทนต่อไปอีก สุดท้ายจะเอาเรื่องเด็กที่เป็นชู้ก่อน เพราะเป็นเมียน้อยมาสร้างให้ครอบครัวแตกแยกแล้วยังมาเหิมเกริม ดุด่าให้ร้ายตนเอง ซึ่งรับไม่ได้อยู่แล้วจากนั้นก็จะฟ้อง ชู้เป็นคนแรก และต่อมาก็จะฟ้องสามี ในกรณีที่ไป เอาเด็กอายุ 14 ปี มาเป็นเมีย ซึ่งเข้าข่ายคดีพรากผู้เยาว์ และเป็นความผิดทางวินัย ที่อยากให้ผู้บังคับการเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ไม่ต้องให้ออกจากตำรวจก็ต้องจำเป็นต้องให้ออก เพราะไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้อีกแล้ว รวมทั้งจะให้ทนายรวบรวมข้อมูลทั้งหมด แจ้งเพิ่มเติมไปยังผู้บังคับบัญชา ให้ลงโทษให้หนักที่สุด โดยจะไม่มีการพูดคุยเจรจากันอีกแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ยังไม่ยกโทษให้ อย่าหวังว่าจะเหมือนครั้งก่อนๆ ที่พอทำผิด แล้วก็มากราบขอโทษ ซึ่งตนก็อภัยให้ แต่ ครั้งนี้จะไม่มีการอภัยให้อีกแล้ว แม้จะมากราบตีนอีกก็ตาม และยืนยันว่าจะเดินหน้าให้ถึงที่สุด โดยไม่คุยกันอีกแล้ว อีกต่อไป

 

และที่สำคัญ ที่รับไม่ได้ที่สุดก็คือ ไปพูดคุยหลายครั้งแล้ว เพื่อขอสามีคืน แต่เด็กไม่ยอม ยืนยันว่าจะเอาผัวของตนเองให้ได้และยังมีการมาพูด บอกสามีว่า ให้มาฟ้องหย่าเมีย ถ้าไม่มีเงิน เมียเด็กคนนั้นก็บอกจะเอาเงินให้ ตนเอง ฟ้องหย่าสามี เพื่อเขาจะได้ครอบครองคนเดียว ซึ่งไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะกล้าหาญชาญชัยพูดในลักษณะเช่นนี้ออกมาได้ทั้งๆที่ตัวเอง ก็อยู่ในฝ่ายที่มีความผิด โดยเฉพาะสามี ที่จะต้องโดน ข้อหาพรากผู้เยาว์อย่างแน่นอน ยังไงก็จะไม่มีการยอมความกันอีกต่อไปแล้ว โดยจากนี้ไปก็จะให้ทนาย รวมทั้งคุณอ้อ จากเพจเป็นหนึ่ง เข้ามาให้ความช่วยเหลือแล้ว ให้คำปรึกษา ช่วยหาทางออกให้ จนกว่าจะเลิกกันกับสามี ทุกอย่างก็จะจบส่วนคดีพรากผู้เยาว์เป็นเรื่อง ของผู้บังคับบัญชา ที่จะเอาเรื่องลงโทษก็เป็นเรื่องทางวินัยที่ตำรวจจะต้องดำเนินการให้ หากไม่ฉะนั้นก็จะร้องเรียนผู้บังคับบัญชาว่าไม่ทำตามระเบียบ ราชการตำรวจ ซึ่งพฤติกรรมนี้เข้าข่ายความผิดทางวินัยอย่างแน่นอน นักโทษหนักถึงต้องออกจากราชการ ด้วยการไล่ออกอย่างเดียวเท่านั้น

 

พร้อมกับฝากให้ผัวตำรวจได้คิด กรณีที่เมียน้อยที่แอบคบกันตั้งแต่ 14 ปี จน 17 ปี ที่ล่าสุดบอกว่ากำลังท้อง 7 เดือน  อยากฝากเตือนให้สามีได้ฉุกคิด ว่าใช่ลูกตนเองหรือไม่ เพราะตลอดเวลาที่อยู่กับตนเองมานับ 10 ปี ตนไม่คุมกำเนิด แต่ก็ไม่เคยมีท้อง เพราะเจ้าตัวก็รู้ว่าเคยไปให้ตรวจแล้ว พบอสุจิไม่แข็งแรง ไม่สามารถมีลูกได้ อยากฝากให้คิดและลองไปตรวจดีเอ็นเอ ดูว่าการที่เด็กอ้างว่าท้องนั้น อยากให้ลองไปตรวจดู ว่าใช่ลูกตนเองหรือไม่ เพราะอาจจะไม่ใช่ก็ได้

 

พ.ต.อ.ชลิต ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองร้อยเอ็ดกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเก่าที่ ผู้บังคับบัญชาในขณะที่ตนเองยังไม่ย้ายมาพยายามแก้ปัญหา เพื่อเคลียร์เรื่องนี้ มาโดยตลอด แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ทั้งที่พยายามไกล่เกลี่ยแก้ปัญหาให้ ไม่ให้ผลกระทบต่อตำแหน่งเนื่องจากเป็น เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีวินัย ค้ำคออยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผูกพันต่อเนื่องกันมานาน จนกระทั่ง เด็กตั้งท้อง จึงเกิดเป็นเรื่องขึ้น และให้สวป ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง กับงานสายตรวจที่ เจ้าตัวทำหน้าที่อยู่ โซนใต้ของเขตเมืองร้อยเอ็ด นำตัวมาพบ แล้วสั่งให้ตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อที่จะเอาผิดและลงโทษด้วยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา สอบสวนข้อเท็จจริง ทั้งหมดเพื่อลงโทษ ซึ่งยังไม่ได้มีการสรุปผลการสอบสวน ก็เกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นอีก และหากได้ข้อสรุปว่า ทำผิดวินัยก็จะมีการดำเนินการ เอาผิดทางวินัยไว้ก่อนเป็นเบื้องต้น

 

ส่วนสำหรับในเรื่องคดีอาญา ในกรณีพรากผู้เยาว์ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ซึ่งอาจจะเป็นผู้ปกครอง พ่อแม่ของเด็กสามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้ ซึ่งในข้อนี้ตำรวจยังไม่สามารถดำเนินการอย่างไรได้ เนื่องจากพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กที่เริ่มคบหากับตำรวจรายนี้ ตั้งแต่อายุ 14 ปี ไม่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษหรือแจ้งความ จึงไม่มีการดำเนินการ ตามข้อหานี้ เนื่องจากพ่อแม่ยอมรับ

 

ในกรณีที่ตำรวจคนนี้จะเอาลูกสาว ขึ้นมาเป็นภรรยาอีกคน ซึ่งก็จะต้องศึกษาข้อมูลว่าสามารถดำเนินการ เอาผิดตามกฎหมายในข้อนี้ได้หรือไม่ เพราะคดีในลักษณะเช่นนี้ไม่ใช่และไม่เหมือนกับการก่อเหตุทำร้ายร่างกาย ซึ่งตำรวจสามารถดำเนินคดีได้ทันที ในกรณีก่อเหตุรุนแรง

 

แต่สำหรับกรณีนี้หากผู้ปกครองไม่เอาเรื่องไม่มีการแจ้งความ หรือมีคนมาแจ้ง ก็ต้องดูที่การสืบพยานหลักฐาน ของผู้เกี่ยวข้อง ว่ามีพฤติกรรมดังกล่าวจริงหรือไม่ จึงจะสามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ซึ่งตอนนี้ที่ดูที่ต้นเหตุแล้ว ดูเหมือนว่าครอบครัวของเด็กไม่ใส่ใจที่จะเอาเรื่อง ซึ่งก็จะต้อง มีการแจ้งความและตั้งข้อหาเพิ่ม ในภายหลังหากมีคนแจ้งข้อหานี้ 

 

ตอนนี้ทำได้เพียงการตั้ง กรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีมีความผิด ทางวินัย เป็นเบื้องต้นไว้ก่อน ส่วนจะมีความผิดเพิ่มเติมในส่วนไหนยังไง ต้องรอการสรุปสำนวนการสอบสวน จากพนักงานสอบสวนที่ต้องเรียกสอบทุกฝ่าย ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ซะก่อน

 

จึงจะมีการดำเนินการ ทุก ลงโทษ ความผิดที่เข้าข้อกฎหมาย โดยไม่มีการละเว้นอยู่แล้ว ซึ่งยังคงต้องใช้ระยะเวลาอีกสักระยะหนึ่งเพื่อสรุปสำนวนการสอบสวนต่อไป

 

ซึ่งในวันนี้ ทางผู้กำกับ สถานีตำรวจภูธรเมืองร้อยเอ็ด ได้เรียกตัวคู่กรณี คือตำรวจผู้เป็นสามี และภรรยาหลวงมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม ให้เวลา 13:00 น. เพื่อพบกับพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลานัดหมาย มีเพียงฝ่ายภรรยา มาให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน โดยที่ไม่พบฝ่ายสามี ยศร้อยตำรวจโทที่เป็น ต้นเหตุ สอบถามทราบว่า เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า สามีได้แอบมาพบกับการสอบสวนก่อนหน้านี้แล้ว ในช่วงเช้า และให้ปากคำไปแล้ว

 

ในขณะที่ฝ่ายภรรยา ยังยืนกรานว่า จะให้มีการดำเนินคดี ถึงที่สุดในทุกกรณี ที่เป็นไปตามข่าวก่อนหน้านี้ ทั้งด้านการข่มขู่ ด่าทอ และ ล่าสุดยังมีการโพสต์ข้อความด่าทอ โพสต์ข่มขู่ ว่า จะทำร้ายร่างกาย และถึงขั้นจะฆ่าให้ตาย หากไม่ยุติ

 

โดยภรรยาหลวง ที่จดทะเบียนสมรสถูกต้อง กล่าวว่า รู้สึก เกรงกลัว ว่าจะถูกทำร้ายร่างกาย ทั้งตนเองและ ทุกคนในครอบครัว ได้ร้องขอให้พนักงานสอบสวน และผู้บังคับบัญชาจัดสายตรวจ ก็ไปดูแลภายในหมู่บ้าน เพื่อป้องกันเหตุร้าย ที่อาจจะเกิดขึ้นกับตนเองและคนในครอบครัวทุกคนได้

 

พร้อมกันนั้นก็เรียกร้องให้ ผู้บังคับบัญชา ยึดอาวุธปืนประจำกายของสามี มาเก็บไว้ เพื่อป้องกันเหตุร้านใน 2 ประเด็น คือประเด็นแรก กลัวว่าเมื่อสามี เมา สุราก็อาจจะขาดสติจนถึงขั้นเข้าไปยิงตนและคนในครอบครัวได้

 

แล้วประเด็นที่ 2 เพื่อป้องกันสามีอาจจะคิดสั้นใช้อาวุธปืนประจำกาย ฆ่าทุกคน ยิงตัวตายหากเกิดความเครียด ก็อาจจะเป็นได้ เพราะทุกครั้งที่สามีเมาสุรา ก็จะเล่นปืนอยู่เป็นประจำ ตามคลิปที่เคยส่งมาข่มขู่ตน อยู่เสมอๆ

 

พร้อมกันนั้นก็มีการให้บันทึกถ้อยคำลงในสำนวน ว่าให้ตนเองและสามี ที่กำลังเป็นคู่กรณีและมีปัญหา ให้แยกกันอยู่เป็นการชั่วคราว โดยไม่ให้ เข้าไปในบ้านของตนเองอีกเพื่อความสบายใจ จนกว่าเรื่องราวจะยุติ

 

แต่สำหรับกรณีที่สามีพยายามให้ตนเองยอมเซ็นใบหย่าเพื่อที่ไปอยู่กับเมียใหม่ ยืนยันว่าจะไม่มีการเซ็นให้โดยเด็ดขาด แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน ก็จะใช้ทะเบียนสมรสที่มีอยู่ในการที่แสดงสิทธิ์ของความถูกต้องโดยตามกฎหมายให้เหมือนกับเสี้ยนหนามตำใจของสามีและชู้ให้ไม่มีความสุขในการที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน เพราะตนเองยังมีสิทธิ์เต็มที่ ในการที่จะเรียกร้องสิทธิ์ ในทุกด้าน ตามกฎหมาย โดยจะไม่ยอมเซ็นอย่าขาดให้โดยเด็ดขาด

 

ในขณะที่หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านดอนชาด ซึ่งเป็นบ้านของเมียอีกคนของตำรวจ เพื่อฟังความ 2 ด้าน และถามข้อเท็จจริง ปรากฏว่าปิดบ้านเงียบ ไม่มีใครอยู่บ้าน และชาวบ้านบอกว่าเป็นแบบนี้เป็นประจำ  และถามว่าเคยเห็นตำรวจที่เป็นแฟนหรือไม่มาบ่อยไหม ชาวบ้านบอกว่าไม่เห็น และเคยมีคนถามก็บอกว่าเลิกรากันไปแล้ว  ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จประการใด

เมียหลวงช้ำใจ ผัวตำรวจซุ่มคบสาว 17 จนท้อง ส่งภาพปืนขู่ปิดปากให้หยุดแฉ