จากกรณีเวลา 08.00 น.ของวานนี้ ( 2 มี.ค. 67 ) พ.ต.อ. พิทยากร เพชรรัตน์ ผกก.สภ.แม่สอด จังหวัดตาก รับแจ้งมีเหตุทำร้ายร่างกายพระสงฆ์จนมรณภาพ โดยเหตุเกิดภายในสำนักงานกุฏิเจ้าอาวาส วัดใหม่สุวรรณ หมู่ที่ 6 หมู่บ้านแม่กุใต้ ตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก

 

ตรวจสอบพบศพพระครูบัณฑิตศาสนคุณ อายุ 62 ปี ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดใหม่สุวรรณ นอนมรณภาพในกุฏิเจ้าอาวาส สภาพนอนตะแคงตัวซ้ายกับพื้นห้องติดกับเตียงนอน โดยที่ศีรษะมีผ้าขนหนูรัดมัดทั้งศีรษะและมีร่องรอยถูกของแข็งทูบที่บริเวณศีรษะแตกยุบมีเลือดไหลออกจำนวนมากมรณภาพทันทีในที่เกิดเหตุ

 

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ยังตรวจพบก้อนอิฐสีส้มขนาดใหญ่ตกในห้องเกิดเหตุซึ่งคาดว่าเป็นอาวุธที่คนร้ายใช้ก่อเหตุฆ่าทุบหัวเจ้าอาวาส

 

ต่อมานายศราวุธ อายุ 57 ปี ผญบ.หมู่ 6 พาทีมข่าวมาดูห้องนอนเจ้าอาวาสที่เสียชีวิต โดยจำลองทางเข้าออกกุฏิเจ้าอาวาสที่เชื่อว่าคนร้ายจะสามารถเข้ามาได้ โดยทางเข้ากุฏิมีเพียงทางเดียวเท่านั้นคือประตูด้านหน้ากุฏิซึ่งเป็นประตูเหล็กเลื่อนจะถูกปิดไว้ตลอดช่วงกลางคืนแต่ไม่ได้ล็อก และก่อนถึงห้องนอนเจ้าอาวาสจะมีประตูอีกสองชั้น

 

ด่านแรกคือประตูเหล็กดัดถูกปิดไว้เฉยๆแต่ไม่ได้ล็อก ต่อมาเป็นประตูห้องนอนเจ้าอาวาสถูกล็อกไว้จากข้างในตลอด คนร้ายจะเข้าได้เพียงประตูด้านหน้ากุฏิและประตูเหล็กดัดเท่านั้น ส่วนประตูห้องนอนเจ้าอาวาสไม่สามารถเข้าได้ จะต้องเคาะประตูเพื่อเรียกเจ้าอาวาสให้มาเปิดประตูเท่านั้น โดยคนเข้าได้ ต้องเป็นคนเคยเข้ามาหรือคนสนิทเท่านั้น ซึ่งเจ้าอาวาสเป็นคนเปิดให้มือสังหารเข้าไป ก่อนถูกฆ่า

 

เมื่อเข้ามาในห้องนอน มีประตูหลังห้องนอนถูกล็อกไว้อีกเช่นกัน และมีประตูด้านข้างซึ่งเปิดไปเป็นห้องน้ำในตัว คาดว่าทรัพย์สินที่คนร้ายเอาไปเป็นโทรศัพท์มือถือวางอยู่บนเตียงนอน และเงินในตู้บริจาคซึ่งตั้งโต๊ะข้างเตียงนอน โดยตู้บริจาคยังอยู่แต่เงินในตู้บริจาคหายไป

 

แล้วที่พื้นข้างเตียงนอนที่เป็นจุดพบศพเจ้าอาวาสมรณภาพเพราะถูกฆาตกรรมยังคงมีคราบเลือดอยู่บริเวณดังกล่าว และในส่วนภายในกุฏิถ้าจุดไหนมีหน้าต่างก็จะมีเหล็กดัดป้องกันจุดที่ติดตั้งหน้าต่างทุกจุด

 

ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้สำรวจบริเวณภายในวัดเพิ่ม โดยกุฏิเจ้าอาวาสอยู่บริเวณด้านหลังของพื้นที่วัด เป็นอาคารชั้นเดียว ซึ่งทางเข้าออกวัดมีทั้งหมดสามประตู บริเวณด้านหน้าวัดเป็นประตูใหญ่ซึ่งรถที่เข้าออกใช้ประตูนี้เป็นหลัก และบริเวณด้านข้างวัดมีประตูอีกสองทางที่ออกได้ โดยเป็นประตูเล็กเดินผ่านได้อย่างเดียว อยู่บริเวณข้างกุฏิพระลูกวัดและศาลาที่ตั้งบำเพ็ญศพ และมีประตูอีกทางที่รถสามารถเข้าออกได้

 

ส่วนบริเวณหลังวัดที่อยู่ใกล้กับกุฏิเจ้าอาวาสไม่มีการประตูเข้าออก เป็นกำแพงทึบล้อมสูงประมาณ 2 เมตร แต่บริเวณกำแพงวัดที่ติดกับถนนหน้าวัดและอยู่ตรงข้ามกับร้านสะดวกซื้อ ปรากฏว่ามีบันไดไม้ที่ทำขึ้นเองพาดอยู่กับกำแพงด้านในวัด บันไดไม้สูงประมาณ 1 เมตรครึ่ง โดยจุดที่บันไดไม้ตั้งอยู่ห่างจากกุฏิเจ้าอาวาสเพียง 12 เมตรเท่านั้น

 

ทีมข่าวได้จำลอง เดินจากกุฏิไปจนถึงจุดที่บันไดไม้คาดกับกำแพงและปีนข้ามกำแพง พบว่าสามารถทำได้ง่าย เพราะหลังปีนข้ามกำแพงมาแล้วจุดกำแพงนอกวัดที่ติดกับถนนหน้าวัดมีระดับความสูงเห็นแค่ 30 เซนติเมตรเท่านั้น ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่บอกว่า บางครั้งโยมที่วัดหรือสามเณรที่อยู่เดียวกับเจ้าอาวาส รวมทั้งนายเจริญ เด็กวัดคนสนิทเจ้าอาวาส ก็ใช้เส้นทางนี้เพื่อออกจากวัดแล้วมาซื้อของที่ร้านค้าฝั่งตรงข้าม บางครั้งก็ซื้อให้เจ้าอาวาสบางครั้งก็ซื้อให้ตัวเอง

 

นอกจากนั้นทีมข่าวยังได้ภาพหลักฐานวงจรปิด เป็นวันสุดท้ายที่ทางเจ้าอาวาสยังคงมีชีวิตอยู่ โดยเจ้าอาวาสใช้สามเณรให้มาซื้อบุหรี่ที่ร้านค้าฝั่งตรงข้ามวัด จะเห็นว่าช่วง 10:49 น. ของวันที่ 1 มีนาคม สามเณรออกมาจากวัดโดยการปีนกำแพงวัดที่ติดกับถนนหน้าวัด

 

ซึ่งเป็นจุดที่ทีมข่าวได้จำลองปีนกำแพงก่อนหน้านี้ แล้วข้ามถนนมาซื้อบุหรี่ 2 ซอง ให้เจ้าอาวาส ก่อนข้ามถนนแล้วกลับทางเดิม โดยปีนกำแพงกลับไปแล้วเดินตรงไปยังกุฏิเจ้าอาวาส

 

ทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพวงจรปิดเพิ่มเติม เป็นนาทีคนต้องสงสัยซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันกับที่ทางตำรวจได้เบาะแส อยู่ระหว่างไล่กล้องเพิ่มคลี่คลายคดีสำคัญนี้ จะเห็นชายรายหนึ่งปั่นจักรยานผ่านสนามฟุตซอบแห่งหนึ่งในตำบลแม่กุ อ.แม่สอด ห่างจากวัดที่เกิดเหตุ 500 เมตร ขี่ผ่านช่วงนี้เวลา 17.25 น. วันที่ 1 มีนาคม

 

โดยชายต้องสงสัยปั่นจักรยานมาที่บริเวณหลังวัดและมีการขี่วนบริเวณนี้คล้ายมาดูลาดลาว เป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นช่วง 17.33 น. ของวันที่ 1 มีนาคม จากนั้นคาดการณ์ว่าคนต้องสงสัยเข้าไปก่อเหตุในวัด

 

จากนั้นช่วง 19.19 น. จะเห็นรถจักรยานยนต์ของชายต้องสงสัยขี่ผ่านบริเวณถนนหน้าวัดที่เกิดเหตุ จากนั้นมุ่งหน้าหนีไปทางตลาดที่อยู่ใกล้วัด คาดออกมาจากวัดหลังก่อเหตุฆ่าทุบหัวเจ้าอาวาสแล้วชิงทรัพย์ โดยจากข้อมูลเบื้องต้นนายเจริญได้ยืนยันกับตำรวจแล้วว่าคนที่ขี่รถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นชายต้องสงสัยไม่ใช่ตนเอง อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนเพิ่ม ตรวจสอบข้อเท็จจริง

 

ต่อมาในช่วงประมาณ 19:30 น. เป็นการสวดพระอภิธรรมศพเป็นคืนที่สอง ซึ่งจะมีการประชุมเพลิงในวันที่ 9 มีนาคม ปรากฏว่านายเจริญ เป็นชาวสัญชาติเมียนมา อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีมาเสิร์ฟน้ำให้กับญาติโยมที่มาร่วมงานศพ โดยทีมข่าวได้เข้าไปสอบถามข้อมูล ซึ่งเจ้าตัวยินดีที่จะเปิดใจทุกประเด็น

 

นายเจริญ บอกว่า ตนเองรู้จักกับเจ้าอาวาสมา 20 กว่าปี รู้จักกันตอนที่ตนเองบวชเป็นพระอยู่ที่เมียวดี ประเทศเมียนมา ต่อมาก็มาเป็นเด็กวัดช่วยงานเจ้าอาวาสที่วัดแห่งนี้หลายปีแล้ว

 

ตนเองขอยืนยันในความบริสุทธิ์ว่าตนเองนั้นไม่ใช่มือฆ่าเจ้าอาวาส ยอมรับในวันเกิดเหตุ 1 มีนาคม ตนเองเดินทางมาที่วัดแห่งนี้ เพื่อพาลูกและภรรยามาเยี่ยมเจ้าอาวาส เนื่องจากนับถือท่านเหมือนกับพ่อ โดยเข้ามาที่วัดช่วง 15:00 น. จากนั้นช่วง 16:00 น. ก็เดินทางกลับบ้าน

 

ขณะที่ตนเองอยู่ที่วัดก็ไม่ได้มีลูกศิษย์มาหา ภายในกุฏิก็มีแค่สามเณร และเจ้าอาวาสอยู่ด้วยกันสองรูปเท่านั้น ซึ่งตอนนั้นสามเณรเล่นเกมอยู่ และไม่ทราบว่าหลังจากที่ตนเองกลับมีใครเข้ามาหาท่านเจ้าอาวาสบ้าง

 

ยืนยันว่ากุฏิของเจ้าอาวาสไม่ใช่ทุกคนจะเข้าไปได้ เพราะปกติเวลามีลูกศิษย์เข้ามาหาเจ้าอาวาสจะเปิดกล้องวงจรปิดดูก่อน ซึ่งเซิร์ฟเวอร์และจอกล้องวงจรปิดก็อยู่ในห้องนอนของเจ้าอาวาส จะมีเพียงคนเคยเข้าห้องและลูกศิษย์เท่านั้นที่เจ้าเอาวาดจะมาเปิดประตูให้เข้าห้องนอนได้ เพราะท่านไม่อยากรับแขกเยอะท่านป่วยมีโรคประจำตัวจึงอยากพักผ่อน

 

โดยเจ้าอาวาสนั้นไม่เคยมีปัญหาทะเลาะกับใคร คาดว่าการก่อเหตุฆาตกรรมในครั้งนี้ น่าจะเป็นการฆ่าเพื่อชิงทรัพย์ และก็ขอยืนยันว่าเจ้าอาวาสนั้นไม่ได้มีเงินมาก ปกติจะพกเงินไม่ถึง 5,000 บาทเท่านั้น

 

ทั้งนี้ตนเพิ่งได้คุยกับสามเณรที่อยู่กับเจ้าอาวาส ว่าในคืนเกิดเหตุมีชาวเมียนมาคนหนึ่งเข้าไปในกุฏิ เพื่อไปหาเจ้าอาวาส ซึ่งเจ้าอาวาสเป็นคนเปิดประตูให้ชายคนนั้นเข้าไปในห้องก็คาดว่าน่าจะเป็นลูกศิษย์ที่เคยเข้ามาหาเจ้าอาวาสก่อนหน้านี้ท่านถึงเปิดให้เข้า แต่ตัวสามเณรไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ซึ่งสามเณรก็เข้าไปเล่นเกมที่ห้องของเจ้าตัวและมีการใส่หูฟังเพื่อเล่นเกม จึงไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งสิ้น

 

ต่อมาทางครอบครัวเจ้าอาวาสได้เข้ามาเก็บจีวรเจ้าอาวาสในกุฏิ โดยเก็บไปทั้งหมดเพื่อนำถวายให้พระรูปอื่นได้ใช้ต่อ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่า พร้อมสำรวจห้องครัวซึ่งมีประตูครัวว่าคนร้ายวามารถเข้ามาทางนี้ได้หรือไม่ ก็ปรากฏว่าไม่สามารถเข้ามาได้ เพราะประตูครัวลงกลอนล็อกจากด้านใน จึงยืนยันว่าทางเข้าออกกุฏิเจ้าอาวาสเข้าได้ทางเดียวตรงประตูด้านหน้าเท่านั้น

 

ขณะที่ตำรวจกองปราบ และชุดสืบสวนจากสภ.แม่สอดมีการลงพื้นที่กุฏิเจ้าอาวาส และแกะรอยกล้องวงจรปิดเพื่อคลี่คลายคดี เปิดเผยข้อมูลสั้นๆเพียงว่า จากการสอบปากคำสามเณร ยอมรับว่านอนกุฏิเดียวกันกับเจ้าอาวาส แต่พักกันคนละห้องในกุฏิ ซึ่งในคืนเกิดเหตุสามเณรนอนเล่นเกมในห้องพัก และใส่หูฟังขณะเล่นเกม จึงไม่ได้ยินเสียงใดๆ

 

ด้านนายสมศักดิ์ อายุ 48 ปี หลานเจ้าอาวาส บอกว่า ตนยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียครั้งนี้ และเมื่อมาห้องนอนเจ้าอาวาสก็สะเทือนใจหนักเพราะมันโหดร้ายมาก ตรวจสอบทรัพย์สินที่หายไปมีโทรศัพท์มือถือเจ้าอาวาส กับเงินบริจาคที่อยู่ในตู้รับบริจาคเงินของเจ้าอาวาส

 

โดยช่วงหลังปีใหม่ เจ้าอาวาสเพิ่งไปหาพี่สาวของท่านที่บ้าน มีการพูดคุยกันถึงความเป็นอยู่ทั่วไป ท้ายก็บ่นแค่ท่านเหนื่อยเพราะมีโรคประจำตัวเยอะแค่นั้น ไม่มีอะไรที่เป็นลางสังหรณ์ที่จะบอกว่าท่านจะมรณภาพ และไม่คิดมาก่อนว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้พูดคุยกับท่าน

 

ยอมรับว่าเวลาที่มาเยี่ยมเจ้าอาวาสที่กุฏิก็จะพบสามเณร อายุ 14 ปี และนายเจริญ คนต่างด้าวตลอด เพราะทั้งสองก็พักอาศัยอยู่ที่กุฏิเดียวกันกับเจ้าอาวาส ทำให้ตนไม่เชื่อคำให้การของสามเณรที่อยู่ด้วยกันกับเจ้าอาวาสว่าไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยขณะเจ้าอาวาสถูกฆ่า เพราะเป็นเรื่องผิดปกติ

 

ยืนยันว่าก่อนหน้านี้เจ้าอาวาสเคยมีความขัดแย้งกับพี่ชายของสามเณร เนื่องจากตอนนั้นที่ใช้สามเณรมาบวชที่วัด ต่อมามีการชีวิตทรัพย์สินของเจ้าอาวาส คนในวัดก็บอกเจ้าอาวาสให้ไปแจ้งความ แต่เจ้าเอาวาดขอบิณฑบาตไม่แจ้งความ หลังจากนั้นพี่ชายของสามเณรก็ถูกขับออกจากวัด แต่ยังคงมาที่กุฏิแห่งนี้เรื่อยๆ

 

อยากบอกกับลุงของตนที่มรณภาพว่า “จะทำให้เต็มที่ในการติดตามคดีลากคนร้ายมารับโทษ” ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าเป็นคนใกล้ชิด

ล่าโจรบาปฆ่าทุบหัวเจ้าอาวาสหมกกุฏิ เผย เส้นทางลับที่ฆาตกรใช้ก่อเหตุ