จากกรณี นายวรวงค์ (นายนุ๊ก) หนุ่มวัย 17 ปี ฆ่าปาดคอรุ่นพี่ภายในบ้านพัก พื้นที่ ต.ประณีต อ.เขาสมิง จ.ตราด เมื่อเช้ามืดของวันที่ 1 มีนาคม 2567 ต่อมา หลังก่อเหตุได้นั่งรถตู้หลบหนีกลับบ้านเกิดที่ อ.หลังสวน จ.ชุมพร จนวานนี้ (2 มี.ค.) ทางครอบครัวได้เกลี่ยกล่อมให้นายนุ๊กมอบตัวที่ สภ.ปากน้ำหลังสวน จนวันนี้ได้ถูกคุมตัวกลับมาที่ สภ.เขาสมิง ก่อนรับสารภาพเหตุผลที่ก่อเหตุเนื่องจากเมาและโกรธแค้นที่ผู้ตายชอบยืมเงินตนเอง ครั้งละ 100-200 มากสุดคือ 500 จนสะสมรวม 3,700 บาท ซึ่งตนก็พยายามทวงเงินแต่นายไกรวิทย์ผู้ตายไม่ยอมคืน อีกทั้งชอบบ่นและทำสีหน้ากวน ทำให้ตนเองไม่พอใจและด้วยความเมาจึงก่อเหตุ

 

ล่าสุดทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิด ก่อนเกิดเหตุ โดยจะเห็นว่า ก่อนเกิดเหตุ เวลา 01.14 น. คืนวันที่ 1 มีนาคม จะเห็นนายนุ๊กผู้ก่อเหตุ ได้นั่งเล่นและกดโทรศัพท์อยู่บริเวณเปลนอนข้างบ้าน จากนั้นจะเห็นนายนกผู้ก่อเหตุเดินไปหยิบแท่งเหล็ก ที่วางอยู่ริมฝาผนังบ้านเดินเข้าไปภายในห้องนอนของนายไกรวิทย์ผู้ตาย และลงมือฆ่าด้วยกันเอาเหล็กทุบหัว ก่อนใช้มีดปาดคอ และนำหมอนมาปิดไว้

 

จากนั้นเวลา 03.37 น. จะเห็นนายนุ๊กผู้ก่อเหตุ หลังจากลงมือฆ่าเสร็จเรียบร้อยแล้วได้เดินออกจากห้องนอนและนำเหล็กที่ใช้ก่อเหตุวางที่เดิมก่อนจะขี่ซาเล้งของผู้ตายออกจากบ้านไป

 

หลังจากนายนุ๊กก่อเหตุเสร็จโดยพบว่า เวลา 04.28 น. หลังจากก่อเหตุเสร็จนายนุ๊กได้ทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังคงใจเย็นเดินไปหยิบแกลลอนน้ำมันเพื่อมาเติมน้ำมันรถซาเล้งของคนตาย โดยไม่มีท่าทีเร่งรีบอะไร

 

และหลังจากเติมน้ำมันเสร็จ เวลา 04.31 น. นายนุ๊กยังเดินไปหยิบเสื้อคลุมลายสก็อตนำมาใส่ และค่อยๆเดินติดกระดุมเสื้อ นั่งส่องกระจกเสริมหล่อ และเดินไปชะโงกดูศพของนายอ้นที่ตัวเองฆ่าอย่างใจเย็น ก่อนจะค่อยๆเดินไปปิดไฟบริเวณโรงจอดรถ

 

และในเวลา 04.32 น. นายนุ๊ก ถึงได้ค่อยๆ ถอยรถซาเล้งออกจากบ้าน และสตาร์ทรถหลบหนีออกไป โดยคำนวณเวลาตั้งแต่ เริ่มฆ่า ตี 1 ถึงเวลาหนี ตี 04.30 นายนุ๊กใช้เวลาในการหลบหนี กว่า 3 ชั่วโมงครึ่ง

 

ในเวลา 05.12 น. จะเห็นนายนุ๊กได้ขี่ซาเล้งออกจากบ้าน ผ่านร้านค้า และหนีออกจากหมู่บ้านไป

 

นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้ภาพกล้องวงจรปิด (ภาพนิ่ง) ที่ บริเวณในเมืองจันทบุรี และสถานีขนส่งจันทบุรี ซึ่งเป็นภาพที่นายนุ๊ก ได้ขี่รถซาเล้งไปตามถนน ก่อนจะไปซื้อตั๋วรถทัวร์ เพื่อหลบหนีต่อ

 

ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ทีมข่าวได้เดินทางไปที่วัดดินแดง สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของผู้เสียชีวิต เราได้พูดคุยกับแม่ของนายไกรวิทย์ผู้เสียชีวิต บอกกับทีมข่าวว่า ลูกชายของตนเองกับนายนุ๊กผู้ก่อเหตุเป็นเพื่อนสนิทกัน ซึ่งที่ผ่านมา นายนุ๊ก ได้เดินทางมาอาศัยอยู่กับลูกชายที่บ้านเกือบ 3 ปีแล้ว โดยจะแวะมาเป็นช่วงๆ ครั้งล่าสุดนายนุ๊กมาอยู่ได้ประมาณ 2 เดือน มีอาชีพช่วยกันรับจ้างเก็บทุเรียนในสวน

 

ส่วนที่ผ่านมาเองเคยเห็นทั้งคู่ทะเลาะมีปากเสียงกันบ้างบางครั้งเนื่องจากกินเหล้าตามภาษาวัยรุ่น แต่ก็ไม่เคยทะเลาะตบตีกันบาดเจ็บ

 

การที่ผู้ก่อเหตุอ้างว่าทำไปเพราะความเมาและโกรธแค้นที่ลูกชายไปติดเงินจำนวน 3700 บาทไม่ยอมไม่ยอมใช้ ตนเองที่ผ่านมาเคยบอกกับนายนุ๊กหลายครั้งแล้วว่า หากยืมเงินแล้วลูกชายไม่ยอมคืน มาบอกกับตนเอง แต่นายนุ๊กก็ไม่เคยมาบอก แถมลูกชายและนายนุ๊กก็ไม่เคยพูดให้ฟังเรื่องการหยิบยืมเงินกันเลย ซึ่งหากเป็นเรื่องเงินจริงตนเองก็บอกว่า นายนุ๊กทำเกินกว่าเหตุไปมาก

 

ส่วนวันเกิดเหตุตนเองนอนหลับอยู่ภายในห้อง ซึ่งอยู่ติดกับห้องนอนของลูกชาย แต่ตนเองไม่รู้เลยว่าลูกชายของตนเองถูกนายนุ๊กลงมือฆ่าปาดคอเมื่อไหร่ ซึ่งปกติที่นอนของนายนุ๊กกับลูกชายนอนอยู่ข้างกัน

 

มารู้อีกทีช่วงเวลาประมาณเที่ยงของอีกวัน ตนเองเดินทางกลับจากทำงาน ได้สังเกตเห็นว่าลูกชายไม่ยอมตื่นออกมาจากบ้านสักที เมื่อเปิดประตูเข้าไปดูก็พบว่า ลูกชายไม่ได้เปิดแอร์และเปิดพัดลมภายในห้อง ทั้งที่อากาศร้อนจัด แถมยังเห็นว่าลูกชายได้เอาหมอนปิดใบหน้าตัวเองไว้

 

แต่เมื่อตนเองได้เข้าไปดูใกล้ๆ สังเกตว่าลูกชายตัวแข็งและเห็นเลือด จึงรู้ว่าลูกชายเสียชีวิตแล้ว ซึ่งตนเองเสียใจมาก ยิ่งมารู้ว่าลูกชายถูกฆ่าปาดคอ และถูกนายนุ๊กผู้ก่อเหตุเอาหมอนมาปิดบังอำพรางศพ

 

ตนเองอยากให้ตำรวจดำเนินคดีกับนายนกผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด เพราะมองว่าถึงแม้ผู้ก่อเหตุจะอายุ 17 ปี แต่พฤติกรรมเหี้ยมโหดเกินเยาวชน ซึ่งสมควรได้รับโทษถึงที่สุด

 

พ.ต.อ.ชโลธร เปรมปรี รอง ผบก.ภ.จว.ตราด แถลงว่า นายนุ๊ก ผู้ก่อเหตุให้ปากคำว่า คืนที่เกิดเหตุตนและผู้ตาย คือ นายไกรวิทย์ ช่ อายุ 26 ปี ออกไปดื่มสุราข้างนอก หลังดื่มสุราก็พากันไปต่อที่โต๊ะสนุกเกอร์และมีการดื่มเบียร์ จนเวลา 23.00 น. นายไกรวิทย์ขอกลับบ้านก่อน จนถึงเวลา 01.00 น. ตนกลับถึงบ้าน หลังจากนั้นก็ได้นอนที่เปลหน้าบ้าน ก่อนจะเดินไปหยิบท่อนเหล็กที่วางอยู่ข้างบ้าน เดินเข้าไปตีนายไกรวิทย์ที่หลับอยู่ ที่ศีรษะจำนวน 5 ครั้ง และเห็นว่าไม่อยากให้นายไกรวิทย์ทรมาน จึงใช้มีดปาดคอนายไกรวิทย์จนเสียชีวิต

 

จากนั้นก็ขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างหลบหนีไปที่ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดจันทบุรี และนั่งรถตู้ไปลงที่ จ.ระยอง และนั่งรถต่อไปที่ จ.ชุมพร จนช่วงบ่ายวันที่ 2 มีนาคม ตนได้เดินทางมามอบตัวที่ สภ.ปากน้ำหลังสวน จ.ชุมพร ตามคำขอร้องของพ่อและแม่ ส่วนสาเหตุในการก่อเหตุในครั้งนี้ นายนุ๊กบอกว่า ตนสนิทสนมกับนายไกรวิทย์ ได้ 2 ปี แล้วเพราะทำอาชีพเก็บทุเรียนด้วยกัน ซึ่งตั้งแต่ 6 มกราคม ที่ผ่านมานายไกรวิทย์ชอบยืมเงินตน ครั้งละ 100-200 มากสุดคือ 500 จนสะสมรวม 3700 บาท ซึ่งตนก็พยายามทวงเงินแต่นายไกรวิทย์ไม่ยอมคืน อีกทั้งชอบบ่นตนและทำสีหน้ากวน ทำให้ตนไม่พอใจและด้วยความเมาจึงก่อเหตุดังกล่าวขึ้น

 

ในเรื่องนี้ ร.ต.อ.อดุลย์ศักดิ์ แว่นใหญ่ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เขาสมิง ได้รวบรวมหลักฐานและขอหมายจับจากทางศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดตราด ก่อนจะคุมตัวได้ในวันนี้ และจากนี้จะคุมตัวส่งศาลในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาต่อไป

 

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยังบ้านเกิดของนายวรวงค์ (ผู้ต้องหา) ในพื้นที่ตำบลปากน้ำ อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร และได้พูดคุยกับนางวรรณา (นามสมมติ) อายุ 58 ปี ซึ่งเป็นยายของนายวรวงค์ (ผู้ต้องหา) โดยนางวรรณาได้เผยว่าตนนั้นเลี้ยงดูหลานชายคนนี้มาตั้งแต่ยังเล็ก ซึ่งที่ผ่านมาหลานชายนั้นเป็นเด็กดี ไม่เคยก้าวร้าวเกเรเลย จนกระทั่งช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา นายวรวงค์ได้ไปรู้จักสนิทสนมกับเพื่อนกลุ่มหนึ่งซึ่งเรียนอยู่ที่เดียวกัน หลังจากนั้นเด็กทั้ง 8 คนก็พากันเหลวไหลไม่ยอมเข้าเรียน แถมยังเอาเงินที่พ่อแม่ส่งให้ไปเรียนไปเปิดบ้านเช่าและซื้อกัญชามาเสพร่วมกัน แต่เด็กคนอื่น ๆ นั้นก็ไม่ได้มีอาการผิดปกติอะไร เขาเสพกัญชาก็ยังใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม ตรงกันข้ามกับนายวรวงค์หลานชายของตนที่เริ่มมีความคิดและพฤติกรรมที่ผิดแปลกไป เขาเริ่มพูดจาไม่ปกติ มีอาการหลอนถึงขนาดไม่ยอมนอนเพราะยอกว่ากลัว แต่ตนก็ไม่รู้ว่าหลานชายนั้นกลัวอะไร

 

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ต้องขอเล่าก่อนว่านายวรวงค์ (ผู้ก่อเหตุ) นั้นได้รู้จักและสนิทสนมกับนายไกรวิทย์ (ผู้ตาย) เนื่องจากที่ผ่านมาทั้งคู่ก็มักจะไปมาหาสู่กันอยู่เป็นประจำ ตนเองก็เคยเห็นนายไกรวิทย์ เขาเป็นเด็กดี สุภาพเรียบร้อย และยังเคยพาหลานชายตนไปทำงานที่สวนทุเรียนในจังหวัดตราด ทั้งสองครอบครัวนั้นรู้จักกันมานานกว่า 2 ปี เพราะฝั่งของตนเองก็เคยไปเที่ยวบ้านของนายไกรวิทย์เช่นเดียวกัน ซึ่งเมื่อประมาณต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา นายวรวงค์ก็ได้มาขออนุญาตไปทำงานกับนายไกรวิทย์ที่จังหวัดตราด ซึ่งในตอนแรกตนก็ไม่อนุญาตเพราะอยากให้หลานชายสนใจเรื่องเรียนก่อน แต่หลานชายก็ยังคงมาขออนุญาตซ้ำแล้วซ้ำอีก ตนจึงยอมให้นายวรวงค์ไปทำงานที่สวนทุเรียนกับนายไกรวิทย์

 

จนช่วงบ่ายของวันที่ 2 มี.ค.67 ตนก็ได้ทราบข่าวว่านายวรวงค์นั้นไปก่อเหตุทำร้ายเพื่อนจนเสียชีวิต ซึ่งมาทราบภายหลังว่าคือนายไกรวิทย์ ตนและคนอื่น ๆ ก็พากันเป็นลมล้มลงไปในทันที เพราะไม่คิดว่าหลานชายจะกล้าทำถึงขนาดนี้ จนเวลาประมาณ 6 โมงเช้าของวันที่ 3 มี.ค.67 นายวรวงค์ก็ได้โทรศัพท์กลับมาหาที่บ้านและบอกให้ออกไปรับบริเวณหน้าตลาดสดของอำเภอ ทุกคนก็พากันไปรับตัวนายวรวงค์กลับบ้าน ซึ่งทันทีที่มาถึง นางวรรณาก็ได้ถามหลานชายทันทีว่าทำไมถึงทำแบบนี้ แต่ทางด้านนายวรวงค์ก็เอาแต่พูดพร่ำเพ้อไม่ได้ใจความ โดยนายวรวงค์บอกว่า “ในสมุดรายชื่อของไกรวิทย์มีชื่อผมอยู่ ถ้าผมไม่ทำ ผมก็โดน” ซึงนางวรรณาก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่หลานอธิบาย ตนจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ แต่หลังนั้นนายวรวงค์ก็บอกว่า “ผมขอตัวไปอาบน้ำนอนพักก่อนนะ เดี๋ยวตื่นแล้วค่อยไปมอบตัว” ซึ่งหลังจากที่นายวรวงค์ตื่นก็ได้มีการนำเขาไปมอบตัวทันที

 

โดยนางวรรณาก็ได้พูดด้วยเสียงสะอื้นว่าตนนั้นรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะถ้าหากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับลูกหลานตน ตนก็คงรับไม่ได้เหมือนกัน ตนก็นึกถึงหัวอกหัวใจของครอบครัวผู้เสียชีวิต ตอนนี้เขาคงจะร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือด ตอนนี้ตนรู้สึกขอโทษและอยากจะไปกราบเท้าพ่อแม่ของผู้เสียชีวิต แต่ยอมรับเลยว่าตอนนี้ไม่กล้าเพราะคิดว่าคงเข้าหน้าครอบครัวเขาไม่ติดแล้ว

 

ล่าสุดทีมข่าวยังได้พูดคุยกับนายนาวี หรือ หน่อง เพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามที่เกิดเหตุ ได้บอกกับทีมข่าวว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 1 ทุ่ม ตนเองและนายนุ๊ก ผู้ก่อเหตุยังได้นั่งคุยเล่นและดื่มเบียร์กันอยู่เลย โดยนายนุ๊ก ได้ดื่มเบียร์ไปเพียง 1 ขวดเท่านั้น ซึ่งตนเองคิดว่าไม่น่าจะเมาถึงขั้นก่อเหตุฆ่าคนได้โดยขาดสติ

 

แต่ยอมรับว่าช่วงที่ดื่มเบียร์ด้วยกัน นายนุ๊ก ได้ตัดพ้อถึงเรื่องเงินจำนวนหนึ่งซึ่งถูกยืมไปไม่ได้คืน ประกอบกับถูกเจ้าของสวนที่นายนุ๊กเคยทำงาน จ่ายเงินค่าแรงไม่คุ้มค่าเหนื่อย แต่ก็ไม่ได้บ่นเรื่องคนตายเลยด้วยซ้ำ

 

พอมาทราบข่าวยอมรับว่าตกใจมากไม่คิดว่านายนุ๊กจะไปก่อเหตุฆ่าปาดคอนายอ้น ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทกันได้อย่างโหดเหี้ยมขนาดนี้

โจ๋ 17 โคตรเหี้ยมฆ่าทุบหัวเพื่อนไม่ตายปาดคอซ้ำ เลือดเย็นเสริมหล่อ 3ชม.ก่อนหนี