จากกรณี เพจสถานฑูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย ได้เผยแพร่ข้อมูลเตือนชาวอินโดนีเซียที่จะเข้ามาท่องเที่ยวไทย ให้เตรียมหนังสือเดินทาง ทริปการท่องเที่ยว และเงินติดตัว ไม่เช่นนั่นจะถูก ตม.ไทยส่งกลับ และต่อมามี นักท่องเที่ยวสาวชาวอินโดนีเซีย เผยแพร่ภาพคลิปลง Tiktok ว่า เมื่อช่วงเดือนมกราคม 2567 ตนและสามี ได้เดินทางมาฉลองฮันนีมูนที่ประเทศไทย ตนผ่าน ตม.ได้ แต่สามีติด ตม.เนื่องจากไม่มีเงินติดตัว ซึ่งตนได้พยายามกด ATM แสดงเงินแก่ จนท.ตม.แต่ก็ยังส่งสามีตนกลับ เป็นเหตุให้ตนต้องยกเลิกทริป และเดินทางกลับไปพร้อมสามี โดยเปลี่ยนไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่นแทน จนกลายเป็นไวรัลในอินโดนีเซีย มียอดวิว 24.5 K ยอด comment 1,476 ความเห็น ส่งผลเสียหายต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทย และ ตม.เป็นอย่างยิ่งนั้น

 

วันนี้ (29 ก.พ.) ทีมข่าวช่องการติดตามความคืบหน้าคืบ  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมไปยัง  เพล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 และ โฆษก สตม. เผยว่า บก.ตม.2 ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนักท่องเที่ยวสาวชาวอินโดโพสข้างต้น และพบว่า ผู้โพส เป็นชาวอินโดนีเซีย ชื่อ นางสาวฟาลิดา (นามสมมติ ) ได้เดินทางเข้าไทย ทางสนามบินดอนเมือง เที่ยวบินที่ FD395 จากเมืองจาร์กาตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2567 โดยปรากฏภาพในวงจรปิดว่า หญิงดังกล่าวเดินทางเพียงคนเดียว ไม่มีสามีมาด้วยตามที่กล่าวอ้าง และได้รับอนุญาตเข้าไทย โดยเดินทางออกจากไทยเมื่อ 16 ม.ค.2567 ทางสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นเวลาที่พักในไทยกว่า 13 วัน ไม่ได้เดินทางออกทันทีตามที่พูดในคลิปแต่อย่างใด นอกจากนั้น ขยายผลพบว่า น.ส.ฟาลิดาฯ เข้าออกไทยบ่อยครั้ง โดยมีอาชีพขายของออนไลน์ จึงเชื่อว่า น.ส.ฟาลิดาฯตั้งใจกุเรื่องขึ้น เพื่อสร้าง content เท่านั้น

 

นอกจากนี้ ตม.2 ยังได้เชิญทาง ผู้แทนสถานทูตอินโดนีเซียในไทยมาร่วมรับฟังคำชี้แจง เมื่อวันที่ 28 ก.พ.2567 โดยมีนาง เดวี เลสตารี ( Mrs. Dewi Lestari ) อัครราชทูตที่ปรึกษา หัวหน้าฝ่ายพิธีการทูตและกงสุล อินโดนีเซีย และคณะมาร่วมประชุม โดยได้รับเกียรติจาก นาย นิธิ สีแพร รองผู้ว่าด้านการสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมประชุมด้วย เนื่องจากเรื่องนี้กระทบต่อนโยบายเปิดฟรีวีซ่า และการกระตุ้นการท่องเที่ยวของทางรัฐบาลเป็นอย่างยิ่ง

 

สำหรับการจัดลำดับในการตรวจสอบกลุ่มท่องเที่ยวที่อาจแฝงตัวเข้ามาลักลอบทำงาน ทางไทยได้ดูแผนการท่องเที่ยว การจองที่พัก เป็นหลัก เพื่อประกอบเกี่ยวกับเรื่องแผนการเดินทางเพื่อป้องกันกลุ่มคนแอบแฝงเข้ามาลักลอบการทำงาน ซึ่งก็มีการตรวจสอบเป็นลำดับขั้นตอน และมีระเบียบชัดเจน, และเรื่องเงินติดตัวเป็นประเด็นประกอบเท่านั้น เนื่องจากปัจจุบัน มีการใช้บัตรเครดิต และระบบ E-payment จำนวนมากแล้ว ดังนั้นการกล่าวอ้างเรื่องการมีเงินติดตัวไม่พอแล้ว จะถูกปฏิเสธการเข้าเมือง จึงไม่ตรงตามข้อเท็จจริงและคนต่างชาติที่ถูกปฏิเสธเข้าเมืองส่วนใหญ่ ไม่สามารถแสดง แผนการท่องเที่ยว ไม่มีการจองที่พัก รวมถึงบางรายใช้หลักฐานการจองที่พักปลอมเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่

 

และจากการตรวจสอบเพิ่มเติมของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง บริเวณ ของท่าอากาศยานไทย พบว่า จากภาพวงจรปิด จะเห็นสาวอินโดนิเชีย ที่โพสต์เนื้อหาในโลกออนไลน์ ได้ เดินไปที่โถงของการตรวจคนเข้าเมืองเข้า ซึ่งพบว่าเจ้าตัวเดินเพียงคนเดียวและมีสัมภาระสะพายหลัง ไม่ได้มีใครเดินตาม , อีกทั้งในขณะที่เจ้าตัว เข้าไปบริเวณจุดตรวจคนเข้าเมืองซึ่งเป็นเคาน์เตอร์ ก็พบว่าเจ้าตัวผ่านจุดตรวจเพียงลำพังเช่นเดียวกัน

แหกสาวอินโด! งัดภาพแฉกุข่าวผัวติด ตม. ฉะแรง ทำคอนเทนต์ทำลายประเทศไทย