กรณีการหายตัวไปของ นางสาวนุ่น ซึ่งก่อนหน้าเพื่อนได้มีการประกาศโพสต์ตามหา ภายหลังเมื่อวันที่ 18 ก.พ. ได้พากันไปกินข้าวฉลองวันเกิดของนายศิริชัย หรือ ทอย ซึ่งเป็นสามี จนกระทั่งล่าสุดได้มีกล้องวงจรปิดและหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งเป็นหลักฐานชัดเจนว่านายศิริชัย สามี เป็นคนฆ่าและนำร่างไปเผาในเขตรอยต่อฉะเชิงเทรา ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น


วันนี้ (23 ก.พ. 2567) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ผ่านมา ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้มีการย้อนกลับมาบ้านที่เกิดเหตุ โดยเข้าทำการตรวจสอบรถบีเอ็มสีขาว ของนายศิริชัย หรือ ทอย อีกครั้งอย่างละเอียด โดยมีการตรวจสอบบริเวณที่พักเท้าของคนขับด้านหน้า ในการหากรวด ดิน และเศษหญ้า เพื่อเทียบเคียงกับพื้นที่จุดเผาอำพราง เพื่อใช้ในการประกอบในสำนวนคดี





อีกทั้งพิสูจน์หลักฐานยังได้มีการนำกระเป๋าสีแดงที่ใช้ในการประกอบทำแผนรับคำสารภาพ กลับมาคืนเอาไว้ที่บ้านที่เกิดเหตุ แต่มีช่วงหนึ่งก่อนที่จะมีการวางคืนเอาไว้ในบ้าน ได้มีการพยายามทดสอบยัดกระเป๋าเข้าไปภายในรถและท้ายรถ เพื่อเทียบเคียงจากคำให้การ ก่อนที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานและชุดสืบจะมีการตรวจยึดเอารถบีเอ็มสีขาว ไปทำการจัดเก็บเอาไว้ที่ สภ.ปากเกร็ด โดยมีชุดสืบสวนเป็นคนขับรถดังกล่าวออกไปจากบ้าน เพราะทราบว่าหลังจากที่มีการตรวจแล้วเสร็จ ทางญาติจะเดินทางมาประกอบพิธีเชิญดวงวิญญาณ


ภายหลังกองพิสูจน์หลักฐานได้มีการมาเก็บหลักฐานเพิ่มเติม และเคลื่อนย้ายรถบีเอ็มสีขาวที่นายศิริชัย หรือ ทอย ใช้ก่อเหตุออกไปจากบ้าน และญาติได้มีการเดินทางมาเพื่อเชิญวิญญาณน้องนุ่นไปแล้ว และเมื่อเวลา 16.50 น. ที่ผ่านมาของวันนี้ (23 ก.พ.) ได้มีญาติอีกบางส่วนเดินทางมาจากจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนางสาวนุ่น คนตาย พร้อมกับมีการว่าจ้างคนขับรถรับจ้างขนส่ง มาเพื่อที่จะเก็บของภายในบ้านใส่กล่องและถุงดำ โดยเสื้อผ้าที่ใส่ถุงดำเป็นเสื้อผ้าของนายทอย แต่ส่วนเสื้อผ้าที่ใส่ถุงหรือกล่องบรรจุอย่างดีเป็นเสื้อผ้าของนางสาวนุ่น คนตาย และของใช้ส่วนตัวอีกบางส่วน โดยญาติได้มีการใช้เวลาในการเก็บไม่นาน และทยอยขนขึ้นรถเพื่อที่จะเดินทางกลับจังหวัดอุบลราชธานี




ระหว่างนั้นทีมข่าวเจอกับนางสาวฟาง (นามสมมติ) ลูกพี่ลูกน้องของนางสาวนุ่น ในฐานะเด็กที่โตมาด้วยกัน เจ้าตัวพาทีมข่าวเดินดูภายในบ้าน โดยพบว่า มีกระเป๋าภายในบ้านที่ยังหลงเหลืออยู่ 2 ใบ โดยใบแรกเป็นใบสีเทาเข้ม ส่วนอีกใบเป็นใบสีแดง ใบเดียวกันกับที่ตำรวจเอาไปทำแผนประกอบรับคำสารภาพ


ทว่า ทางด้านของนางสาวฟาง ให้ข้อมูลกับทีมข่าวเพิ่มเติมว่า มีกระเป๋าใบที่หายไปจากบ้าน เป็นกระเป๋าใบที่ใหญ่ สีเทาหรือออกสีเงิน เป็นใบขนาดขนาดใหญ่ 32 นิ้ว ซึ่งหายไป และตรงตามคำให้การของนายทอย ที่อ้างว่ามีการใช้กระเป๋าในบ้านใบที่ใหญ่ที่สุด บรรจุร่างของนางสาวนุ่นก่อนจะเอาไปเผาทิ้งอำพราง


นางสาวฟาง เผยว่า ก่อนหน้านี้ตัวเองเคยมาที่บ้านหลังที่เกิดเหตุ ซึ่งมาพร้อมกับญาติคนอื่นมาเยี่ยมและมาส่งนางสาวนุ่นที่บ้าน แต่ก็ไม่เคยได้เดินเข้ามาดูลักษณะภายในว่ามีอะไรบ้าง จนกระทั่งวันนี้หลังเกิดเหตุตนเองเพิ่งเคยได้เข้ามาเดิน และเก็บของทั่วบ้านเป็นครั้งแรก และมีหลายจุดที่ตัวเองเห็นเลือดของนางสาวนุ่นติดอยู่ซึ่งก็ยังทำใจไม่ได้ ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น และตัวนายทอยจะทำร้ายเมียตาย




ส่วนกรณีเรื่องของกระเป๋าในบ้านที่หายไป ก่อนหน้านี้ตนเองจะเห็นกระเป๋าใบใหญ่สีเทาหรือออกเงิน ซึ่งเป็นกระเป๋าใบใหญ่ที่สุดในบ้าน นางสาวนุ่นมักจะใส่เสื้อผ้าเดินทางกลับบ้านที่อุบลบ่อยครั้ง เพราะเนื่องจากเจ้าตัวเป็นคนเสื้อผ้าและสัมภาระเยอะ จึงได้มีการใช้กระเป๋าใบดังกล่าวในการเดินทางไม่ว่าจะกลับบ้านหรือไปเที่ยว


แต่วันนี้ตัวเองมาบ้านเพื่อเก็บกลับ พบว่า กระเป๋าใบดังกล่าวหายไป จึงเชื่อว่าเป็นใบเดียวกันกับที่นายทอยเอาไปเผาอำพราง แต่ตัวนี้แยกไม่ออกว่าเป็นเนื้อกระเป๋า วัสดุแบบใด ไม่รู้ว่าเป็นเชื้อเพลิงได้อย่างดีหรือไม่ แต่กระเป๋าใบดังกล่าว ตอนที่นางสาวนุ่นเดินทางกลับไปที่บ้าน เคยพูดต่อหน้านายทอย ทำนองว่า “กระเป๋าใบนี้ใบใหญ่ เหมาะสำหรับใส่คนได้สบายเลย โดยเฉพาะคนร่างอย่างฉันเข้าไปอยู่ในนั้นได้สบาย”


จากนั้นก็มีลูกพี่ลูกน้องอีกคน เข้าไปทดสอบลองนอนดู ซึ่งตัวของนายทอยก็เห็นตอนที่ลูกพี่ลูกน้องไปทดสอบนอน และตัวของนางสาวนุ่นพูดนายทอยก็ได้ยิน ตัวเองจึงไม่คิดด้วยซ้ำว่ากระเป๋าใบดังกล่าวที่ตนเองเล่นกัน จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการอำพรางศพ




และในวันที่ญาติมารับลูกสาวของนางสาวนุ่นออกจากบ้าน แล้วพากลับพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ปรากฏว่าในคืนแรกที่ไปถึง ลูกสาวนอนไม่ได้ร้องไห้ตลอดทั้งคืน และญาติทุกคนก็มีลักษณะกึ่งหลับกึ่งตื่น ซึ่งเห็นนางสาวนุ่นมายืนมองลูกอยู่ที่ปลายมุ้ง ทุกคนจึงตกใจตื่น ส่วนตัวก็เชื่อว่านางสาวนุ่นคงห่วงลูกสาวจึงเดินทางไปดู แต่อาจจะรู้ตัวว่าเสียชีวิตหรือไม่อย่างไร


กรณีในวันนี้ที่ตำรวจมีการแถลงข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้า ว่าอาจมีการดำเนินคดีเพิ่มกับนายทอย เกี่ยวกับข้อหาการเตรียมการ หรือวางแผนล่วงหน้า ส่วนตัวไม่ทราบ เพราะยังไม่รู้รายละเอียด เนื่องจากเป็นขั้นตอนของตำรวจ แต่ส่วนตัวก็คาดไม่ถึงที่ตัวของนายทอยจะทำแบบนี้


และหลังจากให้สัมภาษณ์เสร็จแล้วนางสาวฟาง ลูกพี่ลูกน้องของนุ่น เจ้าตัวได้มีการส่งภาพนิ่งซึ่งเป็นคำยืนยันว่า เป็นกระเป๋าใบเดียวกันกับที่นุ่นเคยพูดเล่นต่อหน้าทอย ว่าสามารถยัดคนได้ และเป็นกระเป๋าใบที่นุ่นเคยใช้ประจำ โดยเป็นเหตุการณ์ที่พากันไปเที่ยว แล้วถ่ายติดกระเป๋าใบดังกล่าว จึงส่งมาให้ทีมข่าวดูเพื่อประกอบยืนยันว่าใบดังกล่าวหายไป





ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้มีการเก็บบันทึกภาพเรคคอร์ดแบบไม่คัดช็อต โดยเริ่มต้นเก็บภาพตั้งแต่โรงรถ ไปที่ครัวด้านหลังซึ่งมีเลือดของคนตายติดอยู่ ก่อนจะแพนกล้องเข้าไปภายในตัวบ้านซึ่งเป็นจุดที่นายทอยอ้างว่าพานางสาวนุ่นมานอน ก่อนเสียชีวิต และมีการเก็บภาพเป็นบรรยากาศภายในบ้านนอกจากจะเห็นห้องโถงซึ่งเป็นห้องนั่งเล่นแล้ว จะเห็นเป็นห้องน้ำที่อยู่โซนด้านหลัง


ขณะที่ชั้น 2 หากขึ้นบันไดไปแล้วจะเป็นลักษณะของห้องห้องนอนกับห้องน้ำ โดยห้องนอนด้านบนมีห้องน้ำในตัว และมีเตียงนอน ซึ่งโดยส่วนใหญ่นายทอยกับนางสาวนุ่นจะนอนที่ห้องดังกล่าว หลังจากที่ญาติ ๆ มีการเก็บของออกไปบ้าง ยังพบว่ายังเหลือมีดดาบซามูไรยาว ซึ่งวางเรียงเอาไว้อยู่บนแท่น 3 ด้าม ยังไม่ได้มีการเก็บลงไป แต่ส่วนเข้าของอื่น ๆ ญาติได้มีการเก็บลงไปกองเอาไว้ข้างล่างเพื่อรอรถมารับ

 

ลางสังหรณ์สยอง! "นุ่น" พูด กระเป๋าใบนี้ใส่คนได้สบายต่อหน้า "ทอย"