นาย ชัยยา อายุ 49 ปี พ่อของนุ่น บอกว่า รู้เรื่องที่นุ่นมาจากญาติ ๆ เพราะเขาดูจากโซเชียลว่าลูกสาวหาย ตอนแรกก็คิดว่าลูกกับลูกเขยทะเลาะกันธรรมดา ลูกสาวคงจะหลบไปพักหนึ่ง เดี๋ยวก็กลับมา แต่ตนมารู้ตอนหลังว่าลูกเสียชีวิตแล้ว เพราะมีคนมาบอก ส่วนตัวไม่กล้าดูคลิปและข่าวเลย ส่วนตัวก็สงสัยและคิดลึก ๆ อยู่ว่า ทอย อาจจะทำร้ายลูก หลังแม่นุ่นให้สัมภาษณ์ ว่าทอยบอกให้แม่ทำใจ

 

ส่วนเรื่องการทะเลาะกัน ตนก็รู้ว่านุ่นถูกทอย ทำร้ายเมื่อปี 63 ตอนนั้นให้ลูกสาวไปแจ้งความ เพราะมีการตบตีทำร้ายร่างกายลูกสาวที่ใบหน้า เหตุเกิดที่หน้าลิฟต์คอนโดฯ แต่ก็ไม่รู้ว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร หลังจากเหตุการณ์วันนั้นก็เคยเตือนลูกไม่อยากให้ลูกสาวคบนายทอย ซึ่งไม่นานลูกสาวก็เลิกกับนายทอย แล้วก็กลับไปคืนดีและคบหากันอีก ซึ่งตนและญาติๆ ก็ไม่อยากให้ลูกไปอยู่กับทอย แต่ลูกสาวรักเขาก็คงจะไปกีดกันไม่ได้ ซึ่งทอยเคยด่าตนในเฟซบุ๊กด้วยคำหยาบคาย เพราะกีดกันไม่ให้คบกับลูกสาว

 

พ่อน้องนุ่น บอกด้วยว่า หลังทอยทำร้ายลูกสาว ก็ไม่เคยเผชิญหน้ากับตน เรียกว่าหายหัวไปเลย ซึ่งเมื่อทอยรู้ว่าตนกลับแล้ว ก็ย้อนกลับมาทำร้ายอีก จนลูกย้ายคอนโดฯ และตนก็มารู้อีกทีว่าลูกสาวกลับไปคบกับทอยอีก ซึ่งตลอดเวลาที่นุ่นคบกับทอยตนไม่เคยยินดีด้วยเลย

 

หลังเกิดเรื่องสภาพจิตใจตนแย่มาก บางทีเผลอหลับไปแล้วตื่นขึ้นมาก็คิดว่าเรื่องทั้งหมดไม่ใช่ความจริง คิดว่าฝันไปหรือเปล่า แต่พอเอาโทรศัพท์มาดูก็พบว่าเป็นความจริง เพราะมีโพสต์ข่าวต่าง ๆ

 

ส่วนลูกสาวนั้นจะอยู่กับย่า และอาที่บ้านใน จ.อุบลราชธานี วันที่ผูกข้อมือนุ่น กับทอย ที่บ้านเกิดตนก็ไปงานด้วย ตอนนั้นก็ไม่ได้เห็นดีเห็นงามด้วย แต่เหตุการณ์มันล่วงเลยมาขนาดนี้ เพราะนุ่นก็ท้อง และนุ่นก็รักเขา ซึ่งทอยเอาฝ่ายผู้ใหญ่มาขอลูก และเคยรับปากว่า จะดูแลลูกเราอย่างดี ตนก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ซึ่งภาพในเฟซบุ๊กเอามาดูไม่ได้หรอก เพราะมันเป็นอีกฉากหนึ่ง เป็นภาพหวานซึ้ง แต่ฉากหลังพ่อก็ไม่รู้ เพราะเราเห็นเฉพาะในด้านที่เขาอยากให้เห็น

 

พ่อของน้องนุ่น บอกด้วยว่า คุยกับลูกสาวล่าสุด เมื่อตอนโกนผมหลาน ซึ่งตัวนุ่นเองก็เข้าข้างทอย พ่อพูดอะไรลูกก็ไม่ค่อยฟัง ส่วนทอยก็ชอบวางตัวเหมือนคนมีตัง

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าพ่อคิดว่าทอย วางแผนฆาตกรรมไหม พ่อน้องนุ่น ตอบว่า เชื่อว่าทอยวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า คือใครๆ ก็น่าจะมองออก ส่วนตัวตนมองออกว่าทอยวางแผนไว้ล่วงหน้า 100 เปอร์เซ็นต์ มีการสั่งกระเป๋ามาก่อนด้วย ตนมองว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนจิตใจโหดเหี้ยม มันมีสติครบ ถ้าคนเป็นโรคจิตต้องไม่มีสติ สิ่งที่ทำกับลูกมันโหดร้ายเกินไป ตนไม่ให้อภัย ถ้าเป็นไปได้อยากจะให้ประหารชีวิต ซึ่งถ้าหากไม่เจอศพนุ่น ทอยมันคงไม่รับสารภาพ แต่นี่เขาจำนนต่อหลักฐาน เพราะเพราะคิดว่าเขาไม่สำนึกกับสิ่งที่ทำไป

 

วันนี้ (22 ก.พ.) ทีมข่าวช่องแปดลงพื้นที่เจาะประเด็นเพิ่มเติม เกี่ยวกับภาพกล้องวงจรปิดที่ปรากฏพฤติกรรมของนายศิริชัยหรือทอย ที่เจ้าตัวมีการสั่งกล่องพัสดุสีน้ำตาลขนาดใหญ่ ซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกับกระเป๋าที่ใส่ร่างของนางสาวนุ่นคนตาย ก่อนที่จะถูกนำไปเผาอำพรางในเขตรอยต่อฉะเชิงเทรา

 

ทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม ปรากฏว่าหลังจากที่กล้องวงจรปิดเมื่อวานนี้ จับภาพวันที่ 16 ก.พ. เวลาประมาณ 17.58 น. มีรถกระบะตู้ทึบของบริษัทเอกชนขนส่ง มีการนำกล่องพัสดุดังกล่าวมาส่งให้กับนายศิริชัยที่หน้าบ้าน

 

โดยกล้องวงจรปิดตัวหน้าบ้านนายศิริชัย จับความเคลื่อนไหวในวันเดียวกัน 16 ก.พ. หลังจากที่มีการรับพัสดุพัสดุกลับเข้าไปภายในบ้านแล้ว ช่วงเวลาประมาณ 20:37น. พบว่า เห็นภาพนายศิริชัย มีการแกะกล้องพัสดุออกจากกล่อง นำกล่องเปล่า ไปวางเอาไว้ที่หน้าบ้าน โดยเห็นว่า เดินออกไปวาง แล้วเดินกลับเข้าไปในบ้านทันที ใช้เวลา ไม่ถึง1นาที และจะได้ยินเสียงในกล้อง ลักษณะปิดล็อกประตู

 

ต่อมาเห็นศิริชัยเดินเอากล่องใส่พัสดุ ออกไปวางหน้าบ้าน หลังเอาของข้างในออก

 

และกล้องวงจรปิด หน้าบ้านนายศิริชัย จับความเคลื่อนไหว วันถัดมา 17 ก.พ. เวลา 06.07 น. ตัวของนายศิริชัยเข้าใจว่าได้เช้าวันรุ่งขึ้นจะมีรถขยะมาเก็บ ปรากฏว่ามีภาพจากกล้องวงจรปิดชัดเจน เห็นว่ามีรถขยะของเทศบาลปากเกล็ด รถสีเหลือง ถอยเข้ามาที่หน้าบ้าน ก่อนจะเห็นเจ้าหน้าที่เดินไปหยิบกล่องดังกล่าวขึ้นรถขยะออกไป

 

และจากกรณีคำให้การของนายศิริชัยสามีของนางสาวนุ่นในฐานะผู้ต้องหา มีการให้การรับสารภาพว่าหลังจากที่มีการก่อเหตุในคืนวันที่ 18 ก.พ. เวลาประมาณ ตี 2-3 จากนั้นได้มีการซ่อนเอาศพเอาไว้ในกระเป๋าเดินทาง และได้มีการนำศพใส่กระเป๋าไปยัดไว้ที่เบาะฝั่งซ้ายด้านหลัง แล้วอุ้มลูกสาวขึ้นรถไปด้วย เพื่อที่จะไปซื้อน้ำมันที่ปั๊มญาติแจ้งวัฒนะ ก่อนนำศพไปเผาอำพรางรอยต่อฉะเชิงเทรา นั้น

 

ทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าบ้านของนายศิริชัย ซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิดวันที่ 18 ก.พ. เวลา 10:13 น. เจ้าตัวขับรถบีเอ็มสีขาวซึ่งในรถมีลูกสาวและร่างของภรรยาถูกยัดอยู่ในกระเป๋า ขับออกจากหน้าบ้าน ก่อนที่จะเห็นเจ้าตัวเดินไปล็อกประตูและขับออกไป

 

ทีมข่าวได้มีโอกาสคุยกับสารวัตรแรมโบ้ ว่ากระเปาเดินทางเป็นตัวเร่งการเผาไหม้ศพน้องนุ่นหรือไม่ โดยสารวัตรแรมโบ้ให้ข้อมูลว่าศพจะต้องใช้เวลาเผาไหม้ 4-5 ชั่วโมง หากอากาศเปิด มีลม อาจจะช่วยให้เผาเร็วขึ้นได้ แต่กำหนดตายตัวไม่ได้เนื่องจากขึ้นอยู่กับสภาพอากาศมีลมไหม อากาศปิดหรือเปล่า เชื้อเพลิงถึงหรือไม่ ซึ่งกระเป๋าเดินทางก็มีส่วนที่จะทำให้ศพเผาไหม้ได้เร็วขึ้น เพราะกระเป๋าเป็นเชื้อเพลิงอีกอย่างหนึ่ง

 

ล่าสุดทีมข่าวของเราไปตามจนเจอตัว คนที่มาส่งของ ซึ่งเป็นพัสดุขนาดใหญ่คล้ายกับกระเป๋าเดินทาง ให้ที่บ้านนายทอยช่วงเย็นของวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะเกิดเหตุเพียงแค่หนึ่งวัน

 

ทีมข่าวของเราไล่ภาพจากกล้องวงจรปิดจนเจอว่าคนขับรถส่งของคนดังกล่าวคือ นาย อลงกรณ์ ซึ่งวันนี้เปิดใจกับทีมข่าวว่า เพิ่งจะมาทราบว่าบ้านที่ตัวเองไปส่งของนั่นคือบ้านของนายทอยคนที่ก่อเหตุฆ่าน้องนุ่นแฟนสาวจนเสียชีวิต จากการติดตามและดูข่าวช่องแปด เนื่องจากที่ผ่านมาตอนที่ไปส่งของที่บ้านหลังนี้ไม่เคยเจอตัวเจ้าของบ้านเลยแม้แต่ครั้งเดียว

 

นายอลงกรณ์เล่าให้กับทีมข่าวฟังว่า ตัวเองส่งของอยู่ในเขตพื้นที่บ้านของนายทอยมานานแล้ว แต่บ้านหลังนี้เพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ได้ไม่นานในรอบสามเดือนที่ผ่านมาส่งของให้บ้านหลังนี้ประมาณห้าถึงหกครั้ง

 

ซึ่งครั้งล่าสุดคือช่วงเย็นของวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาตามที่ปรากฏในภาพกล้องวงจรปิด วันนั้นเมื่อไปถึงที่บ้านของนายทอย ก็จะโทรหานายทอยซึ่งระบุชื่อว่าเป็นนายศิริชัย ซึ่งการ ซื้อของทุกครั้งของนายทอยจะเป็นการเก็บเงินปลายทาง เมื่อไปถึงบ้านจึงต้องโทรหานายทอยแต่ทุกครั้งที่ไปก็ไม่เคยเจอตัวนายทอยและน้องนุ่นแต่นายทอยจะโอนเงินมาให้พร้อมกับบอกให้นำพัสดุ วางไว้หน้าบ้านได้เลย ซึ่งในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้นนายทอยก็โอนเงินมาให้เป็นจำนวนเงินหลักร้อยไม่ถึง 300 บาทเป็นค่าพัสดุ พร้อมกับบอกว่าวันนี้ให้เปิดประตูรั้วนำพัสดุไปวางไว้ด้านบ้านเพราะกลัวว่าจะโดนฝน

 

ส่วนตัวแล้วนายอลงกรณ์แม้ว่าจะเคยส่งของบ้านนี้ห้าถึงหกครั้งแต่ก็ไม่เคยทราบว่านายทอยหน้าตาเป็นอย่างไรจนมาทราบจากข่าว ส่วนของครั้งล่าสุดที่ตัวเองไปส่งแล้วหลายคนสงสัยว่าเป็นกระเป๋าเดินทางที่ที่ใช้ใส่ร่างนุ่นเพื่อนำไปเผาอำพรางหรือไม่นั้น นายอลงกรณ์ยอมรับว่า ตัวเองไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ถ้าถามว่าจะมีโอกาสเป็นกระเป๋าเดินทางได้ไหมก็ยอมรับว่าไม่รู้แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้หรือเป็นอย่างอื่นก็ได้ แต่ถ้าหากเป็นจริงว่าของที่ตัวเองไปส่งกลายเป็นกระเป๋าที่ใช้ใส่ร่างน้องนุ่นเพื่อไปเผาอำพรางนั้นยอมรับเลยว่าตกใจมาก

 

ที่ผ่านมานายอลงกรณ์มักจะได้มีโอกาสพูดคุยสายกับนายทอย อยู่เป็นประจำ ซึ่งยอมรับเลยว่านายทอยเป็นคนพูดจาดีมาก ดูเป็นคนสุภาพสุภาพเรียบร้อย ไม่นึกว่าจะเป็นคนที่มาฆ่าก่อเหตุแฟนสาวตัวเองได้แบบนี้

 

ด้านศาสตราจารย์ พันตำรวจโท ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล รองอธิการบดี และประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยา และการบริหารงานยุติธรรม ม.รังสิต บอกว่า เรื่องกระเป๋าที่นายทอย สั่งไว้ล่วงหน้า อาจต้องดูว่า เป็นการเตรียมการล่วงหน้าหรือไม่ ถ้าเตรียมการไว้ อาจมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งต้องดูองค์ประกอบอย่างอื่นด้วย

 

แต่พฤติการณ์เท่าที่ดูจากคลิป กรณีที่นายทอย ทำร้ายน้องนุ่น โดยทุบตีที่ริมถนน แล้วนำน้องนุ่นขึ้นรถ ก่อนไปทำร้ายต่อที่บ้าน จากข้อมูลของตำรวจ เท่าที่ทราบยังพบว่า มีการใช้อิฐตัวหนอน ทุบทำร้ายร่างกายน้องนุ่น ตรงนี้จะมีความผิดฐานกระทำทารุณโหดร้าย ซึ่งโทษสูงสุดก็คือประหารชีวิต

 

ส่วนเรื่องกระเป๋านั้น ตำรวจก็คงไม่ตัดประเด็นนี้ ก็คงต้องสอบปากคำนายทอย ว่าซื้อกระเป๋ามาเพราะอะไร เตรียมไว้ใส่อะไร แต่เมื่อดูจากพยานหลักฐาน ก็มีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีความเชื่อมโยงสอดคล้องกัน ที่ซื้อมาเพื่อเตรียมใส่ศพของน้องถ้ามีการฆาตกรรมเกิดขึ้น

 

วันเดียวกันนี้ ทีมข่าวช่องแปด ยังได้เดินทางไปที่วัดกลางเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เพื่อคุยกับ นายนฤเทพ สัปเหร่อประจำวัดกลางเกร็ด ในฐานะสัปเหร่อที่เคยเผาศพมาไม่ต่ำกว่า 400 ศพ และมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการเผาไหม้ร่างมนุษย์

 

โดยทันทีที่เดินทางไปถึง ทางด้านของนายนฤเทพ สัปเหร่อประจำวัด ได้มีการจัดเตรียมอุปกรณ์เพื่อจำลองและสาธิตการเผาไหม้ โดยมีการย่อขนาดส่วนของการทดสอบ แต่มีอัตราส่วน ที่ใกล้เคียงกับลักษณะขนาดของจริงที่มีการใช้เป็นเชื้อเพลิง, โดยการใช้ก้านกล้วย 3 ก้าน ดิบ แทนร่างของมนุษย์ , ใช้ตะกร้าพลาสติก ที่เป็นวัสดุเดียวกันกับกระเป๋าเดินทางตามที่ผู้ต้องหาให้การ เป็นเชื้อเพลิงในการเผา , น้ำมันเบนซิน ซึ่งเป็นชนิดน้ำมันที่ใช้จริงในการก่อเหตุ

 

การทดสอบ นำตะกร้าหงายขึ้นแทนเป็นกระเป๋าเดินทาง แล้วนำก้านกล้วยดิบ ที่ตัดมาใส่ไว้ตรงกลาง จากนั้นใช้ใบไม้มาทับ เพื่อแทนเสื้อผ้า ก่อนที่จะมีการราดน้ำมันเบนซิน แล้วมีการทำเป็นชนวนยื่นออกมาเล็กน้อย เพราะการใช้น้ำมันเบนซินจุด ไม่สามารถที่จะจุดโดยตรงได้เนื่องจากการเผาไหม้จะเป็นการปะทุอย่างรวดเร็ว ไม่เหมือนน้ำมันดีเซลที่ค่อยๆลุกไหม้ ถ้าหากอยู่ใกล้น้ำมันเบนซินในขณะที่มีการจุดไฟจะทำให้เกิดแรงปะทุ แล้วอาจจะได้รับบาดเจ็บ หรือเปลวไฟอาจจะเผาเส้นผมและคิ้วได้ ทางด้านของนายนฤเทพ สัปเหร่อ จึงได้มีการจุดไฟเพื่อทดสอบ โดยมีการใช้เวลาในการเผาเพียงครั้งเดียวไฟก็ลุกไหม้ และตัวของตะกร้าซึ่งแทนเป็นกระเป๋าเดินทาง ก็เป็น เชื้อเพลิงอย่างดี แต่เพียงแค่พลาสติกไม่สามารถที่จะทำให้การเผาไหม้ เกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ ทางสัปเหร่อจึงต้องมีการหาไม้และกิ่งกิ่งไม้ ใกล้เคียงมาสุมไฟเพิ่ม เพื่อที่จะให้การเผาไหม้เกิดขึ้นต่อ ไม่เช่นนั้นไฟก็จะดับ

 

แต่จากใช้เวลาเผาประมาณเกือบ 10 นาที เมื่อไม่มีการเติมเชื้อเพลิงเข้าไป ประกอบกับพลาสติกที่เป็น เชื้อเพลิงหมด ไฟก็จะเริ่มวอด และเมื่อไฟวอดดับ ทีมข่าวได้มีการเขี่ยเอาก้านกล้วยดิบที่มีการทดสอบเผามาดู ปรากฏว่ามีลักษณะลอยถูกลวกที่ผิวเล็กน้อย แต่ไม่ถึงขั้นเผาถึงข้างในได้ เพราะเนื่องจากเชื้อเพลิงมีไม่มากพอ

 

นายนฤเทพ สัปเหร่อ เผยว่า จากลักษณะของคดีดังกล่าว ในฐานะที่ตนเองก็เคยเผาศพมาไม่ต่ำกว่า 400 ศพ ใช้ทั้งวิธีการต่างๆและเชื้อเพลิงต่างๆ ในการเผาร่างของมนุษย์ โดยยอมรับว่า ไม่สามารถเผาร่างใครได้ภายใน1 ชั่วโมงได้ ซึ่ง อย่างต่ำก็ต้องมีมากกว่า 1 ชั่วโมง จึงจะเป็นไปตามลักษณะสภาพศพที่เจอในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เพราะเพียงลำพังแล้วกระเป๋าเดินทางที่เป็นพลาสติก ไม่สามารถเป็นเชื้อเพลิงได้เทียบกับยางรถยนต์ แต่ถ้าหากเป็น ยางรถยนต์ ก็อาจมีความเป็นไปได้บ้างเพราะเนื่องจากยางรถยนต์จะละลายแล้วเป็นเชื้อเพลิงเผาไม่ได้

 

แต่ถ้าหากเป็นไปตามลักษณะสภาพศพที่นายศิริชัย มีการเผาร่างนางสาวนุ่น แล้วเหลือเศษซากศพตามสภาพที่ตำรวจไปเจอ แสดงว่า ตัวของนายศิริชัยอาจมีการใช้เวลามากกว่า 1 ชั่วโมง แล้วจะต้องนั่งเฝ้า มีการหากิ่งไม้ หรือท่อนไม้แห้งมาเติมเป็นเชื้อเพลิง และที่สำคัญจะต้องมีการพลิก หรือจะต้องมีการเขี่ย เพื่อให้เกิดการสุมไฟ เพราะเพียงลำพังปล่อยให้กระเป๋าเดินทางกับกิ่งไม้ไหม้เอง สภาพจะไม่เป็นตามที่เห็น เพราะเนื่องจากเชื้อเพลิงมีน้อยเกินไป

 

ขณะเดียวกัน ทีมข่างช่องแปดยังได้หาคำตอบ เกี่ยวกับประเด็นที่มาของอิฐมวลเบาที่บริเวณหลังบ้าน โดยมีลักษณะถูกนำมาวางกระจัดกระจายหลายก้อนนั้น

 

ซึ่งจากการสำรวจของทีมข่าวภายในบ้านของนายศิริชัย แม้ว่าวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจะมีการปิดล็อกบ้านและไม่ให้บุคคลนอกเข้าออกระหว่างที่มีการเก็บพยานหลักฐานในคดี ที่สังเกตจากนอกรั้ว ยังพบว่ามีอิฐมวลเบาถูกวางกระจายอยู่ทั่วบ้านอีกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นโรงจอดรถ หลังบ้าน แต่มีการใช้อิฐมวลเบามาวางข้างกับปั๊มน้ำ และเจาะลักษณะเป็นรูเพื่อที่จะทำเป็นแนวให้ท่อพีวีซีปั๊มน้ำรอดออกมาได้ โดยคาดการณ์ว่าอาจป้องกันความเสียหายกรณีที่เพื่อนหรือคนในบ้านไปเหยียบ ท่อพีวีซี

 

ขณะเดียวกัน Facebook ส่วนตัวของนายศิริชัย เคยมีการลงข้อมูลเกี่ยวกับการซื้ออิฐมวลเบา ซึ่งลักษณะตรงและคล้ายกับที่เจอในบ้าน โดยมีการโพสต์เฟสเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2566 (2023) โดยพบว่าเจ้าตัวได้มีการซื้ออิฐมวลเบาใส่ท้ายรถบีเอ็มสีขาว คันเดียวกันกับที่ใช้ก่อ โดยเรียงเอาไว้ 15 ก้อนที่ท้ายรถ พร้อมกับมีการพิมพ์ข้อความบรรยายว่า “ทดสอบช่วงล่างกันหน่อย! ใช้คุ้มแล้วล่ะคันนี้ #เกิดมาหรูแต่ดันเอากูมาขนอิฐขนปูนซะงั้น “แต่ไม่ได้มีการลงรายละเอียดว่ามีการซื้ออิฐมวลเบามาทำ , และจากการโพสต์ข้อความดังกล่าว หากสังเกตฝั่งซ้ายของท้ายกระโปรงรถที่มีการขนอิฐมวลเบา ปรากฏว่าจะเห็นลักษณะคล้ายกับถังสีแดง ซึ่งมีความใกล้เคียงหรือคล้ายกับแกลลอนน้ำมันสีแดง ที่มีการใช้ทำแผนประกอบรับคำสารภาพ

 

นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้  เจอกับนายวสันต์ เพื่อนบ้านฝั่งตรงข้าม ที่มักจะเห็นความเคลื่อนไหว การต่อเติม ก่อสร้าง และการเปลี่ยนแปลงของบ้านของนายศิริชัย บ้านที่เกิดเหตุ

 

โดยเจ้าตัวพาทีมข่าวไปดูบริเวณปั๊มน้ำหน้าบ้าน  ซึ่งอยู่ในรั้วของบ้านนายสุรชัย โดยพบว่าบริเวณปั๊มน้ำดังกล่าวมีส่วนหนึ่งที่ใช้อิฐมวลเบา วางไว้ขนาบข้างปั๊มน้ำ 2ก้อน โดยลักษณะป้องกันความเสียหายจากท่อพีวีซี เพราะมีการเจาะเป็นรูวางเอาไว้ , แต่สำหรับบ้านดังกล่าวไม่ได้มีการต่อเติมเรื่องของการก่อสร้างหรือเพิ่มเติมรั้ว เนื่องจากเป็นบ้านเช่าจึงต่อเติมไม่ได้ จึงได้แต่ซื้อมาทำเป็นส่วนประกอบหรือตกแต่งเท่านั้น

 

นายวสันต์ เพื่อนบ้าน บอกว่า ก่อนหน้านี้ ช่วงที่ลูกสาวของนายศิริชัยและนางสาวนุ่นกำลังโต และเป็นช่วงที่กำลังฝึกเดิน ทั้งคู่จึงได้มีการซื้อหญ้าเทียมมาปูบริเวณหน้าบ้าน เพื่อที่จะให้เด็กวิ่งเล่นได้สะดุด และด้วยหน้าบ้านมีปั๊มน้ำกับแท็งก์น้ำตั้งอยู่ จึงกลัวว่าเด็กจะเกิดอันตรายเกิดไฟฟ้าช็อต หรืออาจจะไปสะดุดหกล้มกับท่อพีวีซี จึงได้ไปซื้ออิฐมวลเบามาตกแต่งเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กเข้าไปบริเวณดังกล่าว รวมทั้งเพื่อความสวยงาม

 

แต่มีช่วงหนึ่งที่มีการนำอิฐมวลเบามาก่อเป็นลักษณะสี่เหลี่ยม  แล้วเกิดความร้อนของตัวปั๊ม ทำให้เกิดการระเบิด ตัวของนายศิริชัยจึงได้มีการว่าจ้างช่างประปา มาเปลี่ยนปั๊มน้ำตัวใหม่ หลังจากที่เปลี่ยนแล้วจึงไม่ได้มีการเอาอิฐมวลเบามาวางล้อมไว้ เพราะกลัวว่าจะเกิดความร้อนแล้วระเบิดอีก จึงได้ขนเอาอิฐมวลเบาที่เหลือไปกองไว้หลังบ้านและกระจายอยู่ทั่วบ้าน ก่อนเป็นที่มาของการใช้ก่อเหตุทำร้ายภรรยา

พ่อ "น้องนุ่น" เชื่อ! "ไอ้ทอย" วางแผนฆ่า กระเป๋าแดงเปลี่ยนโทษหนักถึงประหาร