"เอกภพ" แฉ "ร.ต.อ." เคยขอไลน์นักเรียน แช็ตคุยเชิงชู้สาว ไม่เชื่อก่อเหตุลวงขืนใจครั้งแรก

วันที่ 31 ม.ค. เวลา 10.00 น. ที่กระทรวงศึกษาธิการ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เดินทางเข้าพบ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) เพื่อประสานขอความช่วยเหลือกรณีเด็กนักเรียน ม.5 ถูกนายตำรวจยศ ร.ต.อ. ลวงล่วงละเมิด เพื่อแลกค่าปรับ 2,000 บาท เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร

นายเอกภพ กล่าวว่า หลังจากที่ตัวเองได้รับเรื่องร้องเรียนได้ประสานกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. รวมถึง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ และท้ายที่สุดนายตำรวจคนนี้ถูกให้ออกจากราชการ และถูกดำเนินคดีตามกฎหมายในหลายข้อหา โดยขณะนี้ได้ถูกฝากขังศาลไม่ให้ประกันตัวเพราะมองว่าเป็นคดีร้ายแรง

ส่วนน้องผู้เสียหาย ทราบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลต่อสภาพจิตใจ ทำให้ไม่สามารถไปโรงเรียนได้ รวมถึงทั้งครอบครัวยังติดใจกับพฤติการณ์ของครูบางคน ที่หลังเกิดเหตุมีการทักข้อความสอบถามเด็กในกลุ่มว่าใครถูกกระทำตามที่เป็นข่าว ซึ่งมองว่าพฤติกรรมลักษณะนี้ไม่เหมาะสมอย่างมาก จึงเข้ามาประสานกับทางกระทรวงศึกษาธิการให้ช่วยตรวจสอบและดำเนินการเรื่องนี้

นายเอกภพ บอกเพิ่มเติมว่า อาจมีเหยื่อรายอื่นเพิ่มเติม เนื่องจากนายตำรวจคนนี้ มักได้รับมอบหมายให้ไปเป็นวิทยากรสอนนักเรียนเรื่องเกี่ยวกับยาเสพติด การป้องกันเหตุทางเพศ โดยมีข้อมูลว่าพฤติกรรมของนายตำรวจคนนี้มักเข้าหานักเรียนหน้าตาดี ขอไลน์เด็กนักเรียนและติดต่อไปพูดคุยถึงชู้สาว ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีนักเรียนคนไหนเป็นเหยื่อที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศอีกหรือไม่

ขณะเดียวกัน ต้องตรวจสอบนายตำรวจคนอื่นว่ามีใครมีพฤติกรรมเช่นเดียวกัน กับตำรวจนายนี้หรือไม่ ขณะเดียวกันตัวเองมองว่าเรื่องนี้ไม่ควรเอาผิดแค่ตำรวจผู้ก่อเหตุเพียงคนเดียว ควรตรวจสอบผู้บังคับบัญชาที่เหนือกว่าว่าทำไมวันนั้นที่มีการตั้งด่านตรวจ ถึงไม่มีผู้บังคับบัญชาหรือนายตำรวจคนอื่นอยู่ด้วย หรือว่ามีนายตำรวจคนอื่นอยู่ด้วยแล้วรู้เห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่

ขณะที่นายสุรศักดิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า เบื้องต้นจะให้การช่วยเหลือเยียวยากับครอบครัวของเด็กนักเรียนในเบื้องต้นเรื่องของการเรียนเนื่องจากได้ข้อมูลว่าตอนนี้สภาพจิตใจของเด็กยังไม่สามารถกลับมาเรียนหนังสือได้ตามปกติจึงต้องไปพูดคุยกับโรงเรียนว่าจะมีวิธีการไหนช่วยเหลือเด็กใดบ้างเช่นการเรียนออนไลน์หรือให้ทำรายงานส่งเก็บคะแนน รวมถึงจะส่งเจ้าหน้าที่สำนักความปลอดภัยให้ไปดูแลความปลอดภัยของเด็ก

รวมถึงเข้าไปเน้นย้ำเรื่องพฤติกรรมของบุคลากรในโรงเรียนเรื่องของการให้ข่าวกับสื่อมวลชนสื่อมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมเนื่องจากอาจจะกระทบจิตใจของเด็กผู้เสียหาย