จากกรณี มีการร้องเรียนจากครอบครัวผู้เสียหาย โดนรุ่นพี่ชาย 3 คน ทำการฉุดเข้าห้องน้ำ เพื่อข่มขื่น เหตุการณ์เกิดขึ้นในห้องน้ำโรงเรียนแห่งหนึ่ง และมีการแจ้งความแล้วแต่คดีไม่คืบนั้น

 

ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิด โดยเรียงลำดับเหตุการณ์คือ

1.นายไหน อุ้มผู้เสียงหายมาที่ห้องน้ำ

2. นายเฟิร์ท ยืนหน้าห้องน้ำ รอดู เพื่อจะก่อเหตุต่อ

3.นาย ฟิล์ม ยืนรอหน้าห้องน้ำและเข้าไปในห้องน้ำหลังจากนายเฟิร์ทเดินออกมา

 

ต่อมาทีมข่าวได้ลงพื้นที่ พูดคุยกับอีฟ พี่สะใภ้ผู้เสียหาย หรือ ซึ่งได้เล่าว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากน้องตน (ผู้เสียหาย) ไปงานกีฬาสีที่โรงเรียนดังกล่าว และได้พบกับผู้ก่อเหตุ ทั้ง 3 คน ซึ่งมี 2 คน ที่น้องรู้จัก

 

และทั้ง 3 คนได้มีการให้รุ่นน้องในโรงเรียนดังกล่าว มาเรียกน้องตนไปหา ถึง 3 ครั้ง น้องตนเลย เดินเข้าไปพูดคุย และสักพัก ก็มีการชวนน้องตน ว่าไปไหม น้องตนก็ปฏิเสธ เพราะไม่รู้ว่า ทั้ง 3 คนจะพาไปไหน แต่อยู่ ก็มี 1 ใน 3 อุ้มน้องพามาที่ห้องน้ำ และก็ทำการขืนใจน้องตน พอคนหนึ่งเรียบร้อย คนต่อไป ก็ตามจนเสร็จทั้ง 3 คน

 

ซึ่งหลังจากเกิดเรื่อง น้องตนก็โทรมาหา ให้พาไปแจ้งความ เมื่อไปโรงพัก ก็ได้มีส่งให้น้องตนไปทำการตรวจร่างกาย และ มีการเรียกพ่อแม่ของผู้กระทำความผิด ทั้ง 3 คนเข้ามาเจรจา

 

โดยในตอนแรกทางตนยื่นค่าสินไหมทดแทนคนละ 1 แสน แต่ทางครอบครัวผู้กระทำความผิดแจ้งว่าขอให้แค่ 20,000 บาท และลูกๆของตนจะต้องไม่ติดคุก แต่ทางตนได้แจ้งแล้วว่า ทางตนสามารถยอมความได้ แต่เรื่องทางตำรวจ ต้องเข้าไปพูดคุยกันเอง

 

ซึ่งตั้งแต่วันที่ได้มีการพูดคุย จนถึงวันนี้ ทางผู้ก่อเหตุยังไม่ได้เข้ามาเจรจาให้เป็นเรื่องราว มีแต่ให้ผู้ใหญ่เข้ามา เจรจา แต่ก็เงียบหายไป และเมื่อตน โทรไปสอบถามความคืบหน้า แต่ทางตำรวจแจ้งว่า ยังต้องรอผลการตรวจร่างกายก่อน ถึงจะดำเนินคดีได้

 

 ตนมองว่ามันนานมากแล้ว ทำไมคดีความยังไม่คืบหน้าสักที ตั้งแต่เกิดเรื่องน้องตน กลายเป็นไม่กล้าออกไปไหน ไม่กล้าเจอใครเท่าไหร่ สิ่งที่ครอบครัว ตนต้องการคือ อยากให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ขอไม่รับการไกล่เกลี่ยใดๆ

 

ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ มายังบ้านผู้ก่อเหตุ ย่านตำบลวังมะนาว ซึ่งเป็นบ้านของ นายเฟิร์ท หนึ่งในผู้ก่อเหตุ พร้อมได้พูดคุยกับ นายผาด ลุงของนายเฟิร์ท ซึ่งได้เผยว่า ตนทราบเพราะมีคนรู้จัก ส่งมาให้ในมือถือ ว่าหลานตนและเพื่อน โดนแจ้งความ พอทราบก็นำตัวทั้ง 3 ไปมอบตัว ให้ดำเนินคดี ในวันที่ 12 ตุลาคม ซึ่งตั้งแต่เกิดเรื่องและหลังเกิดเรื่อง หลานชายไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง พอไปถึง ทราบถึงข้อหา ยอมรับว่าตกใจ ไม่คิดว่าหลานจะเป็นทำเหตุการณ์แบบนี้

 

โดยตอนแรก คู่กรณี เรียกเงิน 300,000 บาท ตนเลยขอกลับมาพูดคุยอีกที แต่จนตอนนี้ ยังไม่ได้มีการเจรจาเพิ่มเติม เพราะตอนนี้ ทางคู่กรณี ให้ทนายเข้ามาจัดการ พร้อมขอยืนยัน ว่าคงไม่ทำอะไร ต้องปล่อยให้ ทางตำรวจดำเนินการไป

 

แต่ใจตนก็รักหลานไม่อยากให้ เขาต้องติดคุก ถ้าเป็นไปได้เรียกเท่าไหร่ ก็พร้อมจ่าย แต่ต้องทั้ง 3 คนนะ หารกัน ตนไม่ได้รู้จักผู้มีอิทธิพล หรือมีการข่มขู่ คู่กรณีแน่นอน

 

ตนไม่เคยใช้อำนาจ เพราะตนไม่ได้รู้จักคนใหญ่คนโตอะไรขนาดนั้น ตำรวจ ก็บอกว่า ให้อยู่เฉยๆ เพราะก็จะทำเรื่องตามกฎหมาย จะมีการส่งฟ้องในเร็วๆนี้ ตนไม่ได้นิ่งนอนใจ กับเรื่องที่เกิดขึ้น

 

“เฟิร์ท” ผู้ก่อเหตุ ฝากขอโทษ คู่กรณี น้อมรับความผิด

ต่อมาทีมข่าว ได้พยายามติดต่อ 3 ผู้กระทำความผิด โดยมีเพียง เฟิร์ท ผู้ก่อเหตุ ที่ให้ข้อมูลเพียงสั้นๆว่า ตอนนี้ ไม่สะดวกพูดคุย เพราะทำงานอยู่ แต่ตนน้อมรับผิดกับเรื่องที่กระทำไป ไม่มีข้อแก้ตัว พร้อมไม่สู้คดี เนื่องจากทำผิดจริง ให้เป็นไปตามกฎหมาย สุดท้ายอยากขอโทษ กับผู้เสียหายที่ได้กระทำสิ่งที่ไม่สมควรลงไป

 

โดยทางทีมข่าวได้พูดคุย นางปัทมา แม่นายฟิม ผู้ก่อเหตุ ซึ่งได้เปิดใจกับช่อง 8 ว่า ตนเป็นคนพาลูกชายไปมอบตัววันที่ 12 ตุลาคม ตั้งแต่เวลา 06.00 น. - 21.00 น. และทำการประกันออกมา 15,000 บาท เป็นเงินที่พ่อแม่หามาจากการทำงาน

 

สำหรับคดีนี้ ตนยอมรับว่า ไม่ขอสู้ ยอมหมดทุกอย่าง ไม่มีเงินไปสู้เขาหรอก ตนหาเช้ากินค่ำ และได้พูดคุยกับลูกแล้ว ว่าเมื่อตนทำผิดก็ต้องยอมรับ ทำอะไรไม่ได้ ตนไม่เคยรู้จักกับครอบครัวผู้เสียหายเลย ตนไม่รู้ทำไม ลูกถึงทำแบบนี้ อาจจะเพราะเพื่อนชวนหรือเปล่า ลูกตนไม่เคยพูด หรือเล่าอะไร เขาเครียดแหละ ตนก็เครียด ภรรยาเขาก็เครียด เพราะสู้ไม่ได้ ผิดจริงก็ต้องยอมรับ

 

แต่เราก็เลยบอกว่าเราไม่มี เพราะเรามีลูกน้อยและเราเพิ่งปลูกบ้านเราก็อย่างนี้เราก็เคลียร์กันแล้ว เออแม่ก็บอกแล้วว่าแม่จริงๆแล้วแม่ไม่มีตังค์แม่หาเช้ากินค่ำเหมือนกันแต่ถ้าจะบอกว่าให้แม่ไปรับผิดชอบอะไรก็ไม่ได้เล่าให้หนูฟังหน่อยวันที่แม่รู้ว่าต้องส่งไปให้ตำรวจก็รู้ได้ยังไงว่าเค้าทักมาบอกลูกสาวแล้วก็ลูกสะใภ้แค่นั้นก็รู้แล้วพ่อเฟิร์ทก็มาบอกเรา

 

เขาก็ยอมรับแต่เราก็ไม่ได้อะไรกับเขาบอกว่ายอมรับในสิ่งที่เราทำเราเป็นผู้ชายเราก็ต้องยอมรับแม่พูดเนี่ยถูกไหมแม่ก็ตายจะให้แม่ไปทำอะไรให้ฟิล์มแบบแม่ไม่มีตังค์หรอกเพราะว่าแม่มีน้องน้อยแม่จะไปช่วยอะไร หาเช้ากินค่ำเหมือนกัน แล้วไม่บอกเหตุผลกันนะเราก็คิดว่าเออเพราะว่าเด็กวัยรุ่นสมัยนี้เราก็เข้าใจแหละ เราก็บอกผู้หญิงไปว่าถ้าเรียกเราเยอะเราก็ไม่มี แล้วเราก็ยอมรับ ถ้าต้องสู้เราก็ต่อสู้เพราะว่าลูกเราทำเพราะว่าแม่ยอมหมดแล้วแม่ก็ไม่ด่าแล้ว

 

ต่อมาทางทีมข่าว ได้เดินทางไปยัง โรงเรียนแห่งหนึ่งที่เป็นจุดเกิดเหตุ ซึ่งจากการสังเกต บริเวณโดยรอบ ค่อนข้างเงียบ และเมือเดินไปยังหน้าห้องน้ำ พบว่ามีการปิดล็อกด้วยแม่กุญแจทั้งหมด

 

พร้อมได้พูดคุยกับ ทางด้าน นายก้องณพัฒน์ ผอ. โรงเรียน ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า ตนทราบเรื่องในช่วงดึกของวันที่ 10 ตุลาคม เพราะทางคุณครู โทรมาแจ้งว่า ครอบครัวของผู้เสียหาย มาขอกล้องวงจรปิด เพราะเกิดเรื่องราวดังกล่าวขึ้น

 

ซึ่งต้องเผยว่า ในวันเกิดเหตุนั้น เป็นวันที่ทางโรงเรียนจัดกีฬาสี และปกติทางโรงเรียนไม่ได้ อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้ามาในโรงเรียน และในตอนเกิดเหตุ เป็นเวลาช่วงบ่าย ทุกคนก็ทำกิจกรรมกันอยู่บริเวณสนาม

 

สำหรับเหตุการณ์ ก็ต้องบอกว่า เป็นไปตามคลิปที่มีการเข้ามานั่งเล่นหยอกล้อกัน บริเวณศาลาท้ายโรงเรียน แล้วก็ ได้ดำเนินการอุ้มเดินเข้าไปทางด้านหลังโรงเรียน ซึ่งปกติห้องน้ำโซนด้านนั้น จะปิดไว้ไม่ได้เปิด แต่ด้วยว่าพอดีมีฝนตกน้ำท่วมก็เลยเปิดล้างทำความสะอาด แต่ยังไม่ได้ปิด

  

ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุ และ ผู้เสียหาย มีศิษย์เก่า และไม่ใช่ ยอมรับว่าตกใจ ไม่คิดว่าจะมีการกระทำแบบนี้ในโรงเรียน ถามว่าได้ยินเสียงหรือความผิดปกติหลังเกิดเหตุการณ์ไหมต้องบอกว่า ไม่เลยปกติทุกอย่าง ทางด้าน ผู้เสียหายก็ไม่ได้มีท่าทีอะไร หลังเกิดเรื่อง

 

ต่อมาเมื่อมีการแจ้งความ ทางตำรวจได้มีการเข้ามาเก็บหลักฐานไปหมดแล้ว ไม่ได้เรียกเขาไป เพราะคลิปทางโรงเรียนจัดการนำมอบไปให้ ตั้งแต่วันแรก

 

และก็ยังไม่ได้พูดคุยกับทั้งผู้เสียหาย และผู้กระทำความผิด ปล่อยให้เป็นเรื่องทางตำรวจและ ผู้เสียหายกับคู่กรณี ตกลงกันเอง

 

สุดท้าย อยากฝากถึงวัยรุ่น ทำอะไร ให้คิดดีๆ ตรองเยอะ ความเหมาะสมอะไรควรทำไม่ควรทำ และ ทางโรงเรียน จะมีมาตรการเข้มงวด ไม่ให้คนภายนอก เข้าไปในโรงเรียน ถ้าใครจะเข้าโรงเรียนคงต้อง ทำเรื่องมีครูรับรองก่อนจะอนุญาต

 

ต่อมา นางสาวดา ผู้เสียหาย เผยว่า ตนไปโรงเรียนที่เกิดเรื่อง เพราะไปดูงานกีฬาสี ตอนแรกตนนั่งเล่นกับน้องๆที่โรงเรียน และก็มีการให้รุ่นน้อง มาเรียกตนไปถึง 3 รอบ จนตนเกิดความรำคาญ ก็เลยเดินไปคุยด้วย และเมื่อคุยกันสักพัก ก็มีการชวนไป แต่ก็ไม่ได้บอกว่า จะไปไหน ตนก็ปฏิเสธ และอยู่ๆ คนชื่อ ไหน (ผู้ก่อเหตุ) ทำการอุ้มตน ไปทางห้องน้ำ แต่ก็บอกให้ตนเงียบๆ และก็ข่มขืน และเมื่อนายไหน เสร็จ ก็มีนายเฟิร์ท เข้ามาข่มขืนต่อ และนายฟิล์มเข้ามาต่อ

 

และเมื่อกลับมาบ้าน ก็โทรหาพี่สะใภ้ เพื่อให้พาเขาแจ้งความ ซึ่งตอนเกิดเรื่องตนก็ร้อง แต่ด้วยลำโพงของโรงเรียนดัง จึงทำให้ไม่มีใครมาช่วย พร้อมทั้งเด็กก็วิ่งตามมา นึกว่าไม่มีอะไร เลยไม่ได้ทำการแจ้งคุณครูให้ทราบ

 

ต่อมาเมื่อทำการแจ้งความ ก็มีการให้ตนไปตรวจร่างกาย และก็ไม่เคยได้เจอกับ ครอบครัว ผู้ก่อเหตุ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นพี่ชาย และพี่สะใภ้เป็นคนเจรจา ตนไม่ขอยุ่งเกี่ยว ตั้งแต่เกิดเรื่องมา ตนไม่เคยเจอพวกผู้ก่อเหตุอีกเลย แต่ก็มีพวกแฟนสาวของผู้ก่อเหตุมาระรานตนบ้าง เพราะพวกเขาไม่ชอบหน้าตน

 

ส่วนทางโรงเรียนที่เกิดเหตุนั้นก็มีการเข้ามาสอบถามและให้กล้องวงจรปิด ในช่วงที่เกิดเหตุมา ไว้เป็นหลักฐานการแจ้งความ

 

สำหรับสภาพจิตใจตอนนี้ ต้องยอมรับว่า ไม่กล้าไปไหนมาไหนคนเดียว กังวลจะระราน อยากให้เรื่องจบให้เร็วที่สุด ไม่อยากเจอพวกเขาอีก