โรแลน คอตกเข้าคุก ไม่ตอบสื่อปมฆ่า อรทัย

วันที่ 30 ม.ค. 67 เวลา 13.30 น. ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายโรแลนขึ้นรถผู้ต้องขัง เพื่อนำตัวไปฝากขังยังศาลจังหวัดนครราชสีมา ทีมข่าวได้พยายามเข้าไปสอบถามโรแลน โดยทีมข่าวช่อง 8 ได้ถามถึงไพ่ถึงอยู่ในปากของอรทัยว่าคืออะไร ทางด้านนายโรแลนก็ไม่ได้ตอบอะไร เพียงก้มหน้าก้มตาเงียบ

จากนั้นทีมข่าวก็ได้ถามว่า อยากพูดหรือบอกอะไรกับครอบครัวอรทัยไหม อยากขอโทษไหม เสียใจไหม นายโรแลนก็ยังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไร ก่อนที่จะเดินขึ้นรถผู้ต้องขัง ซึ่งก็ทำเพียงแค่ก้มหน้าก้มตาอยู่บนรถโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ และโรแลนก็ไม่ได้จ้องมองทีมข่าวด้วยสายตาที่น่ากลัวเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา

 

โรแลน ฆ่าอรทัยไพ่ยัดปากศพ จงใจโยนผิดให้บ่อน

ต่อมาทางด้าน นางสาวมะเหมี่ยว (นามสมมติ) ลูกสาวเพียงคนเดียวของ น.ส.อรทัย (ผู้ตาย) ก็ได้เผยว่า หลังจากที่นายโรแลนยอมรับสารภาพว่าเป็นคนฆ่าแม่ ตนก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ไม่ได้ตกใจ เพราะที่ผ่านมาตนก็เชื่อมาโดยตลอดว่าโรแลนเป็นคนทำ และเวลากว่า 20 วันก่อนหน้านี้ ตนก็มีเผื่อใจไว้ว่าแม่คงจะไม่อยู่แล้ว ถ้าถามว่าโกรธโรแลนไหม ก็ยอมรับว่า “โกรธที่เขาพรากแม่ไปจากหนู แต่หนูคงไม่ไปอะไรกับเขา เพราะไม่ว่าจะทำยังไง หนูก็เอาแม่กลับมาไม่ได้แล้ว”

ส่วนเรื่องที่พบว่ามีไพ่แจ็คโพแดงอยู่ในปากของแม่ เดาว่า นายโรแลนคงอยากจะสร้างสถานการณ์ให้ทุกคนเข้าใจผิด เพราะหากมีใครไปเจอศพแม่ ก็จะได้โยงไปที่บ่อนพนันอันดับแรก แทนที่จะพุ่งเป้าไปยังนายโรแลน

สุดท้ายนี้ อยากบอกแม่ให้ไปสบาย ไม่อยากให้แม่ต้องเป็นห่วง สัญญาว่าจะดูแลตายายให้ดีกว่าที่แม่เคยทำ เพราะที่ผ่านมาแม่เป็นเหมือนเสาหลักของครอบครัว แม่จะเป็นคนที่คอยดูแลคนในบ้านอย่างดีมาเสมอ

 

ล่าสุดวันนี้ 30 ม.ค.67 เวลา 10.00 น. ทางด้าน พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ก็ได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ตำรวจ มาที่สนามหญ้าหน้าสถานีตำรวจภูธรครบุรี จังหวัดนครราชสีมา จากนั้นได้เยี่ยมบำรุงขวัญเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่าย พร้อมกับกล่าวขอบคุณที่เจ้าหน้าที่ทำงานกันอย่างเต็มที่ จนสามารถคลี่คลายคดีดังกล่าวได้ จากนั้น พล.ต.อ.ธนา ก็ได้เข้าไปพูดคุยเกี่ยวกับรายละเอียดของคดีพร้อมกับ พ.ต.อ.นพดล ช่วยบุญ ผกก.สภ.ครบุรี บริเวณห้องประชุมชั้น 2

 

โรแลน สารภาพหมดเปลือกฆ่า อรทัย

กระทั่งเวลา 11.30 น. เจ้าหน้าที่ก็ได้อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปฟังคำแถลง โดย พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ก็ได้เป็นตัวแทนแถลงการณ์ เผยว่า เบื้องต้นสามารถยืนยันได้ว่านายโรแลนนั้นเป็นผู้ก่อเหตุเพียงคนเดียว โดยเหตุนั้นเกิดในวันที่ 8 ม.ค.67 เวลาประมาณ 22.00 น. นายโรแลนได้มีปากเสียงกับ น.ส.อรทัย ผู้ตาย เนื่องจากสาเหตุการหึงหวง เพราะนายโรแลนต้องการที่จะเดินทางไปหาเพื่อนที่พัทยาโดยลำพัง ซึ่ง น.ส.อรทัย ก็เกิดความระแวงว่า นายโรแลนอาจจะไปหาผู้หญิงคนอื่น จนเกิดการทะเลาะวิวาทกัน และนายโรแลนได้ใช้มือบีบคอ น.ส.อรทัย จนเสียชีวิต จากนั้นนำศพผู้ตายออกทางหน้าต่างข้างบ้านนำขึ้นรถจักรยานยนต์ โดยนั่งใช้ขาหนีบร่างของผู้ตายไว้ที่ด้านหน้ารถ แล้วนำศพไปทิ้งยังบริเวณไร่ข้าวโพดที่บ้านโคกกรวด ระยะทางห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 3 กิโลเมตร ก่อนที่จะนำรถจักรยานยนต์ไปจอดทิ้งบริเวณทุ่งนาของผู้ตายเพื่ออำพรางคดี แล้วเดินกลับไปที่บ้านพัก

ซึ่งเมื่อวานนี้ ได้สอบสวนปากคำนายโรแลนอย่างหนักหน่วง พร้อมกับงัดหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ทำให้นายโรแลนจำนนต่อหลักฐานที่ปรากฏ จึงให้การยอมรับสารภาพ เบื้องต้นได้มีการแจ้ง 2 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและซ่อนเร้นอำพรางศพ หลังจากนี้หากพบพยานหลักฐานอื่น ๆ จากผลนิติวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

เจอแล้ว หมวกกันน็อกใช้พรางศพอรทัยหมกไร่

หลังจากที่พบร่างของนางสาวอรทัยในไร่ข้าวโพดเมื่อวานนี้ ซึ่งนายโรแลนก็ได้ให้การยอมรับสารภาพว่า ก่อนจะนำร่างไปทิ้งอำพราง ได้มีการสร้างสถานการณ์ให้เหมือนกับว่านางสาวอรทัยหนีออกจากบ้านไปด้วยตัวเอง คือ มีการนำรองเท้าผ้าใบ converse มาสวมใส่ให้ พร้อมกับนำหมวกกันน็อกใบโปรดของอรทัยมาสวมที่ศีรษะ จากนั้นจึงนำร่างอรทัยวางไว้ด้านหน้าและใช้ขาทั้งสองข้างของตัวเองหนีบร่างอรทัยไว้ไม่ให้ร่วง จนสามารถนำไปทิ้งอำพรางที่ไร่ข้าวโพดได้

หลังจากที่ค้นพบร่างของนางสาวอรทัยแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ได้ค้นหาหมวกกันน็อกใบดังกล่าว จึงได้มีการพบหมวกกันน็อกสีขาวถูกโยนทิ้งไว้ที่ไร่มันสำปะหลัง ซึ่งอยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามกับไร่ข้าวโพดที่พบศพ

ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 จึงได้เดินทางกลับไปที่จุดเกิดเหตุอีกครั้ง โดยพบว่า จุดที่พบศพนั้นอยู่ในไร่ข้าวโพดห่างจากทางดินแดงที่รถใช้สัญจรประมาณ 5 เมตร (ด้านขวาของถนน) และจุดที่พบหมวกกันน็อกนั้นอยู่ในไร่มันสำปะหลังห่างจากทางดินแดงที่รถใช้สัญจรประมาณ 5 เมตร (ด้านซ้ายของถนน) ซึ่งจุดที่พบศพกับจุดที่พบหมวกกันน็อกนั้นมีระยะทางห่างกัน 10 เมตร

 

ทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพจากนิ่งกล้องวงจรปิดมาเพิ่มเติม เวลา 23.40.08 น. วันที่ 8 มกราคม 2567 กล้องวงจรปิดที่บ้านหลังหนึ่ง ห่างจากบ้านอรทัย 100 เมตร จับภาพรถมอเตอร์ไซค์ต้องสงสัย คาดว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ตอนที่โรแลนขนศพอรทัยไปทิ้งไร่ข้าวโพด

 

น้องอรทัย มีเมตตา หอบยาให้โรแลนในคุก

ทีมข่าวช่อง 8 ได้มาเกาะติดความเคลื่อนไหวที่บ้านของนางสาวอรทัย ผู้เสียชีวิต พบว่าเวลาประมาณ 10.00 น. นางสาวธิดารัตน์ อายุ 31 ปี น้องสาวของอรทัยได้เข้าไปในบ้านหลังที่อรทัยอาศัยอยู่กับโรแลน ก่อนจะไปนำยารักษาโรคประจำตัวซึ่งมีหลายซอง ส่วนมากจะเป็นยาแก้อักเสบ ยาเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก ยาแก้ปวด แก้ไมเกรน เพื่อนำไปให้โรแลน ที่ห้องขัง

 

เปิดนาทีกล่อมโรแลน ปริปากฆ่า อรทัย

ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนางสาวมะเหมี่ยว ลูกสาวของผู้เสียชีวิต เธอให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวานนี้ ตลอดการสอบปากคำหลายชั่วโมง นายโรแลน ไม่มีท่าทีว่าจะยอมรับสารภาพเลย ตัวเองจึงคุกเข่าลงไปกราบเท้าโรแลน แล้วบอกว่า ให้บอกมาเถอะว่าแม่ตัวเองอยู่ที่ไหน ตัวเองอยากเจอแม่ อยากเจอแม่เป็นครั้งสุดท้าย อยากบอกลาแม่ เพราะตัวเองสามารถให้อภัยโรแลนได้ หลังจากนั้นโรแลนถึงยอมรับสารภาพกับตำรวจ แล้วบอกกับตัวเองว่า “เขาจะพาตัวเองไปเจอแม่นะ” แล้วโรแลนก็ร้องไห้ออกมา และบอกว่า “ขอโทษ ทำลงไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว”

ถามว่า ตัวเองให้อภัยโรแลนได้ไหม ตัวเองก็ให้อภัยได้ แต่ให้อภัยไม่ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่าตัวเองก็รู้สึกโกรธเขาเหมือนกัน ที่มากระทำกับครอบครัวตัวเองแบบนี้

ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ตัวเองอยู่ในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ พ่อแม่แยกทางกัน “กระทั่งแม่ของตัวเองได้มาคบหากับนายโรแลน แล้วเขาก็เป็นเหมือนคนที่มาเติมเต็มคำว่าพ่อให้กับตัวเอง ทำให้ตัวเองรู้สึกเหมือนมีพ่อแท้ๆ”

 

ลูกสาวของผู้เสียชีวิตยังบอกอีกว่า ช่วงประมาณเที่ยงคืนวันที่ 29 มกราคม 2567 (คืนวันที่ 28 เข้า 29) ก่อนที่โรแลนจะสารภาพ ขณะที่ตัวเองอาบน้ำอยู่ในบ้าน ตัวเองได้ยินเสียงแม่มาเรียกตัวเองตามด้วยเสียงร้องไห้ ซึ่งก็คาดว่าแม่น่าจะมาหาตัวเองหรือไม่ และช่วงกลางวันหลังจากนั้น โรแลนก็ได้รับสารภาพ

ตัวเองอยากบอกวิญญาณแม่ว่า แม่ไม่ต้องเป็นห่วง ตัวเองจะดูแลครอบครัวเอง ให้เหมือนที่แม่เคยดูแล

ช่วงเที่ยงวันนี้ ตัวเองก็ได้ไปเยี่ยมโรแลน และถามเขาว่า ถ้าแม่อยู่ตรงนี้มีอะไรจะพูดกับแม่ไหม โรแลนก็บอกผ่านห้องขังว่า ”เขาไม่มีอะไรจะพูด เขาพูดได้แค่ว่า ขอโทษ”

 

โรแลน เลือดเย็น ฆ่าอรทัย ปักหมุดจุดทิ้งศพกันลืม

จากเหตุการณ์ที่โรแลนพาตำรวจไปชี้จุดทิ้งศพ ซึ่งโรแลนสามารถระบุจุดได้ในทันทีโดยไม่ต้องมีการค้นหาเลยแม้แต่น้อย ทีมข่าวก็ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมโรแลนถึงจำจุดที่ทิ้งศพได้ ทั้ง ๆ ที่โรแลนออกไปทิ้งศพในเวลากลางคืน และบริเวณดังกล่าวก็มืดสนิท

นางสาวสุรีรัตน์ อายุ 49 ปี พี่สาวของอรทัย ก็ได้ให้คำตอบพร้อมกับแฉความใจดำของโรแลน โดยเล่าว่า หลังจากที่มีการทิ้งศพในคืนวันนั้น นายโรแลนได้ปักหมุดจุดทิ้งศพไว้ในโทรศัพท์ เท่ากับว่าที่ผ่านมานายโรแลนมีพิกัดจุดทิ้งศพมาโดยตลอด แต่เขากลับเก็บเงียบ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กลางวันก็ไปนั่งกินกาแฟสบายใจ กลางคืนก็กลับบ้านนอนหลับเต็มอิ่ม ไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวอะไรเลย ในขณะที่ญาติ ๆ ก็พากันไปค้นหาสะเปะสะปะ ตามสระน้ำ ตามทุ่งนา ทุกคนค้นหากันอย่างยากลำบาก ใครบอกอะไรก็เชื่อและทำตามอย่างไม่สนใจว่าจะจริงหรือไม่จริง ทุกคนทำทุกอย่างเพื่อให้ได้พาอรทัยกลับบ้าน

ตอนนี้ตนรู้สึกผิดหวังกับโรแลนเป็นอย่างมากจนไม่มีคำบรรยาย เขาเป็นคนที่ไร้น้ำใจมาก เขาเป็นคนที่ควรจะต้องทำดีกับอรทัยให้มาก ๆ เพราะอรทัยเป็นคนพาเขามาอยู่ที่ประเทศไทย ซึ่งการทะเลาะกันของผัวเมียก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่มันไม่ควรจะรุนแรงแบบนี้ สิ่งที่เขาทำมันเกินคำว่าคนไปมาก

สุดท้ายก็อยากจะบอกน้องสาว “หลับให้สบายนะ ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว ที่ผ่านมาก็ทรมานหัวใจมาเยอะพอแล้ว หลังจากนี้ก็ขอให้ไปเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ ส่วนโรแลนก็ต้องรับกรรมของเขา ไม่ต้องห่วง” และอยากวอนให้ตำรวจดำเนินคดีกับโรแลนให้ถึงที่สุด ให้สาสมกับที่เขาทำร้ายคน ๆ หนึ่งได้ลงคอ

 

โรแลน ฆ่าอรทัยหมกไร่ไม่หนี คิดดูถูกฝีมือตำรวจไทย

ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับนางรุจิราวรรณ์ อายุ 64 ปี ซึ่งเป็นล่ามที่เข้ามาช่วยเหลือในการแปลภาษาระหว่างการสอบปากคำนายโรแลนเมื่อวานนี้ โดยเล่าว่า ในตอนแรกนั้น ตนก็ไม่ได้คิดหรอกว่านายโรแลนจะเป็นคนก่อเหตุ เพราะเขาปฏิเสธตลอดเวลาว่าไม่ได้ทำ พร้อมกับมีการแสดงออกให้เห็นว่า ตัวนายโรแลนเองเป็นคนที่รักภรรยามาก

จุดที่ทำให้นายโรแลนเริ่มเผยอาการผิดปกติ คือช่วงที่ตำรวจเปิดภาพจากกล้องวงจรปิดให้นายโรแลนดู พร้อมกับชี้ถามบุคคลที่ปรากฏในภาพว่าคนดังกล่าวใช่นายโรแลนหรือไม่ เจ้าตัวก็ตอบหนักแน่นว่า “ไม่ใช่” แต่เผอิญเมื่อวานนี้ เขาได้ยอมรับไปแล้วว่าคนในภาพที่หยิบอิฐคือตัวเอง ทำให้ตำรวจตั้งข้อสงสัยว่าทำไมโรแลนถึงพลิกลิ้น ให้การกลับไปกลับมา

ต่อมา นางรุจิราวรรณ์จึงตัดสินใจเปิดอกคุยกับโรแลน โดยมีการบอกโรแลนว่า “หากคุณยอมรับผิด กฎหมายในประเทศไทยจะมีการลดหย่อนโทษให้เบาลง แต่หากคุณยังคงปฏิเสธทุกอย่าง แล้วสุดท้ายหลักฐานมัดตัว คุณก็จะรับโทษหนักนะ” จากนั้นตนก็ได้บอกให้ลูกสาวของอรทัยเข้าไปเกลี้ยกล่อมนายโรแลน ซึ่งเป็นวินาทีสำคัญทำให้นายโรแลนตัดสินใจยอมรับสารภาพทั้งหมด

 

แล้วที่ผ่านมากว่า 20 วัน พบว่า นายโรแลนนั้นไม่ได้มีท่าทีจะหลบหนี และยังมีการกลับไปอาศัยอยู่กินหลับนอนที่บ้านหลังเดิม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าตำรวจได้ยึดพาสปอร์ตของนายโรแลนไว้ แต่ตนคิดว่าหากนายโรแลนจะหนีก็คงหนีไปได้อยู่แล้ว เนื่องจากวีซ่าของเขายังไม่ได้หมดอายุ จึงคิดว่าสาเหตุจริง ๆ ที่ทำให้เขาไม่หลบหนี เป็นเพราะเขาประเมินฝีมือของตำรวจไทยต่ำเกินไป และคงมั่นใจว่าตัวเองคงไม่ถูกจับได้

ส่วนประเด็นเรื่องของการยัดไพ่ใส่ปาก เรื่องการมีชู้สาว หรือเรื่องอื่น ๆ ที่มีความละเอียดอ่อนนั้น ตนยืนยันว่ายังไม่ได้สอบถามเรื่องเหล่านี้ เพราะเท่าที่ดูภายนอก นายโรแลนนั้นมีความรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำ เขาร้องไห้ตลอดที่พูดถึงภรรยา และตนก็เป็นห่วงกลัวว่านายโรแลนจะคิดทำร้ายตัวเองระหว่างที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขัง

 แฉโรแลนจับไพ่ยัดปากอรทัย เหยียดตำรวจไทยไม่เก่ง แต่จนมุมเพราะปักหมุด