จากกรณีเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2567 พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พ.ต.ท.อำนาจ ยิ้มเนียม รอง ผกก.ป.สภ.บางปะกง ร.ต.อ.ณรงค์ศักดิ์ ลิ้นทอง รองสว.(สอบสวน) สภ.บางปะกง กองพิสูจน์หลักฐาน จ.ฉะเชิงเทรา แพทย์เวรโรงพยาบาลบางปะกง หน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา ตรวจสอบพบศพชายถูกฆ่าแล้วนำมาทิ้งไว้ข้างทาง บริเวณถนนเลียบมอเตอร์เวย์ กม.41+100 ขาเข้า กทม. หมู่ 10 ต.บางวัว อ.บางปะกง พบร่างชาย สวมเสื้อแจ็กเก็ตสีดำ โดยมีเสื้อยืดคอปกสีเทาแถบแดงใส่อยู่ด้านใน ใส่กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีน้ำตาล มือและเท้าถูกมัดด้วยเชือกสีแดง นอนตะแคงอยู่ในพงหญ้าข้างทางติดกำแพงรั้วมอเตอร์เวย์ สภาพศพเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 2 วัน โดยไม่พบเอกสารหรือมือถืออยู่ในตัว



ก่อนที่เพจคนข่าวบางปะกงจะถ่ายรูปเสื้อ พวงกุญแจ ลงตามหาญาติเพื่อระบุตัวคนตาย จากนั้นไม่นาน มีคนรู้จักส่งข้อความมาแจ้งว่าบุคคลดังกล่าวน่าจะเป็นนายธนาสันต์ อายุ 33 ปี ที่หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค. ที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณ 22.06 น. หลังจากขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากบ้านเพื่อมาจอดที่บริเวณกิ่งแก้ว ริมถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) กม.12 ขาเข้า กทม. เพื่อเดินข้ามสะพานลอย มาขึ้นรถบัสมาทำงานที่นิคมอมตะนคร ชลบุรี ก่อนจะหายตัวไปไม่ได้มาทำงาน

ด้านนายพรเทพ อายุ 18 ปี ผู้พบศพคนแรก เผยว่า ขณะที่ขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านมุ่งหน้าไปทางท่าสะอ้าน พอขี่ผ่านจุดเกิดเหตุก็เห็นเหมือนมีคนนั่งจ้องอยู่ข้างทางโดยใบหน้าดำสนิท ทำให้ต้องวกกลับมาดู ก็พบว่ามีคนเสียชีวิตนอนอยู่ข้างทาง เบื้องต้นทางตำรวจส่งศพชันสูตรเบื้องต้นที่นิติเวชเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต ส่วนสาเหตุคาดว่าเรื่องชู้สาวกับความแค้นส่วนตัว

ช่วงเช้าวันนี้ (30 ม.ค. 2567) ทางตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนจากตำรวจภูธรภาค 2, ตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา, ตำรวจภูธร สภ.บางปะกง เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุเพื่อคลี่คลายคดีและตรวจสอบเพิ่มเติม โดยที่เกิดเหตุอยู่ติดถนนสายมอเตอร์เวย์ บริเวณข้างทางเป็นป่าและทุ่งนา ไม่มีบ้านเรือนของชาวบ้าน ทำให้เอื้อต่อการนำศพมาทิ้งเพื่ออำพรางคดี

โดยจุดทิ้งศพยังคงมีคราบเลือดศพติดอยู่ที่พื้นถนน พบว่า ไม่มีบุคคลเห็นเหตุการณ์ตอนทิ้งศพ และไม่มีกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ

ความคืบหน้าคดี ทางตำรวจได้แบ่งชุดแกะรอยกล้องวงจรปิดเพื่อดูเส้นทางที่คนร้ายใช้ก่อเหตุและหลบหนีแล้ว ยังไม่ตัดปมฆาตกรรมอะไรทิ้ง ทั้งเรื่องชิงทรัพย์ ความแค้นส่วนตัว ชู้สาว เตรียมเรียกภรรยาผู้เสียชีวิตมาสอบปากคำเพิ่มเติม เนื่องจากตอนนี้ยังไม่สามารถสอบปากคำได้ อยู่ระหว่างสะเทือนใจหนักที่สูญเสียสามี



จากการตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่า จุดทิ้งศพอยู่ห่างจากบ้านพักผู้เสียชีวิต 45 กม. ซึ่งบ้านพักผู้เสียชีวิตอยู่ใน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ และยังอยู่ระหว่างการแกะรอยกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม ว่ารถที่คนร้ายใช้มาทิ้งศพคือรถอะไร และก่อเหตุด้วยกันทั้งหมดกี่คน

ต่อมา ทีมข่าวช่อง 8 ได้หลักฐานวงจรปิดเพิ่มเติมเป็นนาทีก่อนที่นายธนาสันต์ หรือใหม่ อายุ 33 ปี ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพัก โดยหลักฐานกล้องวงจรปิด ทางภรรยาผู้เสียชีวิตยืนยันเป็นรถของสามีที่ขี่ออกจากบ้านพักในวันที่หายตัวไปปริศนา ซึ่งจากกล้องวงจรปิดห่างจากบ้านผู้เสียชีวิต 350 เมตร จากภาพจะเห็นนายธนาสันต์กำลังขี่รถออกมาจากหมู่บ้านเพื่อไปทำงานกะกลางคืน ถือเป็นนาทีสุดท้ายก่อนที่เจ้าตัวจะถูกฆาตกรรมและเสียชีวิต



จากการตรวจสอบเฟซบุ๊กผู้เสียชีวิตยังพบอีกว่า นายธนาสันต์มีการเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เมื่อสองวันที่แล้ว เป็นวันก่อนที่เจ้าตัวจะหายตัวไปอย่างปริศนา โดยเปลี่ยนรูปโปรไฟล์สีดำและมีข้อความในภาพว่า “ปิดปรับปรุง” ในขณะที่ภรรยาของผู้เสียชีวิตก็มีการเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เมื่อสองวันที่แล้วเช่นกัน ซึ่งเป็นวันตรงกับที่เปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นสีดำ

ต่อมา ทีมข่าวยังได้ภาพจากกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม เป็นช่วงนาทีที่ภรรยาของผู้เสียชีวิตตามหาสามีหลังจากติดต่อสามีไม่ได้ ช่วง 04.38 น. ของวันที่ 28 มกราคม โดยทางภรรยาผู้เสียชีวิตขี่รถจักรยานยนต์สีแดงมุ่งหน้าออกจากหมู่บ้านเพื่อตามหาสามี หลังจากได้พูดคุยกับสามีทางไลน์ ซึ่งสามีใช้คำพูดแปลก ๆ ในลักษณะที่ว่าทำผู้หญิงคนอื่นท้องและไม่ต้องให้เธอตามหาอีก

ทีมข่าวได้สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนางสาววรรณพร ภรรยาของผู้เสียชีวิต ก่อนเปิดเผยว่า คืนเกิดเหตุ (27 ม.ค.) ช่วงเวลาประมาณ 22.06 น. สามีตนออกไปทำงานตามปกติ ก่อนออกจากบ้าน สามีปลุกตน บอกว่ากำลังจะออกจากบ้าน ตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร เนื่องจากเป็นกิจวัตรประจำวันตามปกติของสามีอยู่แล้ว

ต่อมาช่วงเวลาประมาณ 02.44 น. ตนโทรศัพท์ไปหาสามี แต่ปรากฏว่าโทรไม่ติด โทรศัพท์ปิดเครื่อง ตนจึงทักข้อความไปในไลน์ถามว่า ทำไมปิดเครื่องแต่สามีก็ยังไม่อ่าน จนถึงตอนเวลาประมาณ 02.58 น. สามีตอบกลับมาเป็นข้อความสองบรรทัด ข้อความบรรทัดแรกพิมพ์ว่า มีเรื่องจะบอก บรรทัดที่สองบอกว่า เรื่องสำคัญหนึ่งเรื่อง แล้วก็หายไปเกือบ 10 นาที จังหวะหายไปตนทักข้อความย้ำไปว่า เกิดอะไรขึ้น มีอะไร เป็นอะไร พรไปทำอะไรให้ไม่พอใจหรือเปล่า ?

จนถึงเวลาประมาณ 03.17 น. สามีส่งข้อความมาอีกครั้งว่า ไม่ต้องเสียใจนะ ไม่ต้องร้องไห้นะ ทำผู้หญิงท้อง ตนตกใจมาก ทักข้อความไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น พร้อมกับขอให้สามีรับสายอยากพูดคุยด้วย แต่ปรากฏว่าสามีไม่รับสาย แล้วก็ปิดเครื่องหนีหายไปเลย แต่ยังสามารถโต้ตอบข้อความกันทางไลน์ได้



ตอนจึงงงว่า สามีปิดเครื่องโทรศัพท์ แต่ทำไมยังมาโต้ตอบข้อความทางไลน์ได้ และต่อมาสามีพิมพ์มาว่า อ้วนอยากได้อะไร อ้วนบอกมาเลยนะ ซึ่งตนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นั่งร้องไห้อยู่ลำพัง ตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาน้องชายของสามี ถามว่ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่ น้องชายยังเอะใจว่าคนที่พิมพ์ใช่สามีของตนหรือไม่

ต่อมา ตนตัดสินใจขี่รถจักรยานยนต์ออกไปตามหาสามีในละแวกใกล้บ้าน ขี่ไปที่ร้านขายของชำ ตามร้านอาหารที่คาดว่าสามีจะขี่รถผ่าน เมื่อออกไปตามหาก็ไม่พบสามี และตนก็ไม่กล้าพอที่จะขี่รถออกไปตามถนนใหญ่ ก็เลยวนกลับ แล้วก็ถ่ายรูปส่งไปในแชตของสามี พิมพ์บอกว่า ตนออกมาตามหา ได้แต่ตัดพ้อและท้อใจ

จากนั้นช่วงเวลาประมาณ 03.58 น. สามีตอบกลับมาอีกครั้งว่า ไม่ต้องตามหาหรอก ใหม่ (ชื่อสามี) มาต่างจังหวัด สามีตอบกลับมาว่าขอโทษนะ ขอบคุณเวลาที่อยู่ด้วยกัน บอกว่าไม่มีทางเลือกแล้วจริง ๆ และนี่คือข้อความสุดท้ายของสามีที่พิมพ์มาหาตน ตนทักข้อความส่วนตัวไปว่านี่ใครเป็นคนพิมพ์ ปรากฏว่าสามีอ่านแต่ไม่ตอบ ตนก็เอะใจแล้วว่า น่าจะไม่ใช่สามีพิมพ์แน่ ๆ

หลังจากนั้นยอมรับว่าโกรธสามีมาก ทำให้ตนมีการเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ของตนเป็นสีดำทันทีในคืนที่สามีหายตัวไปอย่างปริศนา พร้อมบอกเลิกกับตน อีกทั้งในช่วงเวลาที่สามีหายตัวไปปริศนาก็มีการเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นสีดำ และมีการระบุข้อความในรูปว่า “ปิดปรับปรุง” จึงเชื่อว่าสามีบอกเลิกกับตน แต่เมื่อมีสติก็ย้อนคิดถึงสำนวนภาษาที่สามีได้พูดคุยกับตน ก็ปรากฏว่ามีลักษณะที่แปลกไม่เหมือนเดิม ประกอบกับสามีหายตัวไปนานติดต่อไม่ได้ จึงเชื่อว่าคนร้ายสวมรอยเป็นสามีสนทนากับตัวเอง

ยืนยันว่าก่อนหน้านี้ สามีตนไม่เคยไปมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับใคร ไม่มีปัญหาเรื่องชู้สาว ไม่มีปัญหาเรื่องหนี้สิน รวมทั้งไม่เคยทะเลาะกับตน เพื่อน ๆ เขาต่างรักใคร่ สามีเป็นคนตั้งใจทำงานหาเงิน ไม่เคยไปเกเรที่ไหน ประเด็นที่ตนตั้งข้อสงสัยเอาไว้ตอนนี้คือ “เรื่องฆ่าเพื่อชิงทรัพย์” เชื่อว่าสามีถูกอุ้มฆ่าในระหว่างที่กำลังขี่รถไปจอดที่จุดจอดรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งเป็นจุดจอดรถเพื่อรอรถบัสของบริษัทที่สามีตนทำงาน



โดยรถบัสคันดังกล่าวจะมารับที่จุดนั้นเพื่อพาไปยังโรงงานที่จังหวัดชลบุรี แต่ปรากฏว่าคืนวันเกิดเหตุ สามีไปไม่ถึงจุดจอด พนักงานและคนขับรถต่างยืนยันว่าสามีไม่ได้ขึ้นรถบัสแต่อย่างใด ส่วนประเด็นที่สามีพิมพ์แชตมาหาตน เชื่อว่าเป็นการพิมพ์เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นไม่ให้ตนออกไปตามหาสามี แต่ตนรู้จักสามีดีจึงมั่นใจว่าสามีไม่เคยไปมีปัญหาอะไรกับใครแน่นอน

เมื่อคืนหลังจากตนเห็นสภาพศพสามีตนแทบล้มทั้งยืน คาดว่าเหตุที่คนร้ายมัดมือมัดเท้า อาจจะเป็นเพราะว่าสามีต่อสู้ขัดขืนหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบสภาพศพ พบว่ามีรอยถูกเจาะที่ศีรษะ แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นรอยจากกระสุนปืน หรือเป็นรอยจากการถูกหนอนเจาะ เนื่องจากสภาพศพเริ่มขึ้นอืด คาดเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่าสองวันแล้ว

จากการตรวจสอบทรัพย์สินที่หายไปในตัวสามี มีโทรศัพท์มือถือหายไป 1 เครื่อง มูลค่า 2 หมื่นบาท กระเป๋าสตางค์ 1 ใบ มีเงินอยู่ประมาณ 1,000 บาท กระเป๋าสะพาย 1 ใบ และรถจักรยานยนต์ 1 คัน จากการตรวจสอบบัญชีธนาคารของสามีพบว่า มียอดเงินออกเมื่อวันที่ 27 ม.ค. จำนวน 227 บาท และมียอดเงินค้างอยู่จำนวน 4,000 กว่าบาท

สุดท้าย อยากฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวน ตามล่าคนร้ายมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เนื่องจากการก่อเหตุดังกล่าวโหดร้าย และอุกอาจเกินไป ตนทำใจไม่ได้ เตรียมใจไม่ทัน



ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ภรรยาและน้องสาวนำเอกสารมาดำเนินการขอรับศพ นายธนาสันต์ ผู้เสียชีวิต ล่าสุดภรรยาและน้องสาวเตรียมนำศพไปประกอบพิธีตามศาสนาที่วัดคลองปลัดเปรียง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

ช่วงเย็นที่ผ่านมา ทางครอบครัวนายธนาสันต์ นำร่างที่เสียชีวิตจากสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ มายังวัดคลองปลัดเปรียง จ.สมุทรปราการ เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา บรรยากาศเป็นไปอย่างเศร้าโศกโดยมีทั้งแม่และน้องชายของผู้เสียชีวิตรวมทั้งญาติที่มาร่วมงานอย่างโศกเศร้า โดยทางครอบครัวจัดพิธีรดน้ำศพเพื่อบอกลาดวงวิญญาณนายธนาสันต์เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะมีการนำร่างใส่โลงแล้วนำเสื้อผ้าและกระเป๋าใบโปรดใส่ลงไปด้วย โดยสังเกตเห็นว่าตลอดพิธี ภรรยาผู้เสียชีวิตมีท่าทีเศร้ามากและน้ำตาคลอเป็นบางครั้ง

โดยจะมีช่วงหนึ่งที่สะเทือนใจหนัก ทางภรรยาผู้เสียชีวิตจะต้องนำอาหารที่สามีชอบ มีการยกแล้ววางที่หน้าโลงศพ แต่ครั้งนี้ภรรยาผู้เสียชีวิตจะต้องเคาะโลงบอกก็บอกว่า “ซื้อข้าวมาให้นะ เป็นของที่พี่ชอบกินให้อิ่มนะ” ก่อนแม่ผู้เสียชีวิตจะเดินเข้าไปบอกว่า “จะต้องจุดธูปบอกเขาด้วยนะ”

อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวได้ย้อนกลับไปยังจุดเกิดเหตุที่พบศพ บริเวณถนนเลียบมอเตอร์เวย์ พบว่า ตลอดแนวเส้นทางไม่มีกล้องวงจรปิดเลย ทั้งที่ถนนเส้นนี้ติดกับมอเตอร์เวย์

ล่าฆาตกรจากรูปสีดำ! พลิกคดีอุ้มหนุ่มถูกมัดมือ-เท้าทิ้งถนน เมียแฉถูกบอกเลิกกลางดึก