จากกรณีเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2567 น้องวิน (นามสมมติ) นักเรียน ม.2 ใช้มีดแทงคอ น้องภูมิ เพื่อนนักเรียนชั้น ม.2 ด้วยกัน เสียชีวิตในระหว่างเข้าแถวในโรงเรียน ย่านพัฒนาการ 26 นั้น 

วันนี้ (30 ม.ค.) น.ส.วิภาวรรณ แม่และญาติของน้องภูมิ อายุ 14 ปี ผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาติดต่อขอรับร่างของน้องเพื่อไปประกอบพิธีทางศาสนา โดยแม่ของผู้เสียชีวิตยังคงอยู่ในอาการโศกเศร้า และได้ขอติดต่อรับศพลูกชายตามขั้นตอน พร้อมทั้งเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้ลูกชาย และไม่ได้ตอบคำถามหรือพูดคุยใด ๆ กับสื่อมวลชน



ภายหลังจากที่ทำการรับร่างแล้วนั้น จะนำร่างของผู้เสียชีวิตเดินทางมาที่จุดเกิดเหตุอีกครั้งเพื่อทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ เพื่อพาดวงวิญญาณกลับบ้าน และนำร่างไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ วัดทองใน ย่านอ่อนนุช

ต่อมาเมื่อเวลา 13.45 น. แม่และญาติของผู้เสียชีวิต พร้อมผู้อำนวยการโรงเรียนและครูในโรงเรียน ได้นิมนต์พระสงฆ์จากวัดทองใน จำนวน 1 รูป มาอัญเชิญดวงวิญญาณของน้องภูมิที่จุดเกิดเหตุภายในโรงเรียน และในระหว่างการทำพิธี พ่อและแม่ของน้องภูมิมีอาการโศกเศร้า พร้อมกับหลั่งน้ำตา

ภายหลังจากการพูดคุบกับเจ้าหน้าที่โรงเรียนนานกว่า 3 ชม. แม่ของผู้เสียชีวิตยังไม่พร้อมให้สัมภาษณ์ เปิดเผยเพียงสั้น ๆ ว่า เบื้องต้นยังไม่ได้ข้อสรุปเพราะยังตกลงกับทางโรงเรียนไม่ได้ และตนยังคงรู้สึกเสียใจกับเหตุการที่เกิดขึ้น และยังทำใจไม่ได้ โดยเมื่อวานก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับครอบครัวของผู้ก่อเหตุ แต่ก็อยากให้เขามาขอขมาศพของลูกชาย และอยากเรียกความยุติธรรมคืนให้กับลูก เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามถามว่า อยากให้มีมาตราการความปลอดภัยในโรงเรียนเพิ่มขึ้นไหม แม่ตอบสั่น ๆ ว่า "ใช่"



ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้คลิปเหตุการณ์ชุลมุนตอนเกิดเหตุแทงเพื่อนนักเรียน ม.2 จากภาพจะเห็นว่าเป็นช่วงเข้าแถวเคารพธงชาติที่ทุกคนมารวมตัวกัน บริเวณสนามกลางของโรงเรียน มีนักเรียนอยู่เต็มพื้นที่ ซึ่งหลังก่อเหตุมือแทงก็พยายามที่จะวิ่งหนีออกจากที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว แต่มีนักเรียนและครูที่อยู่บริเวณนั้นพยายามวิ่งไล่จับอย่างชุลมุน โดยต้องรีบล็อกตัวและบังคับให้หมอบลงกับพื้นเพื่อไม่ให้วิ่งหนีได้อีก ในขณะที่น้องภูมิที่ถูกแทงเลือดอาบ พยายามที่จะลุกขึ้นแต่ครูและเพื่อนนักเรียนก็บอกให้นั่งลงจุดที่ถูกแทง จนกว่าทางกู้ภัยจะเข้ามาในพื้นที่

วันนี้ทีมข่าวยังได้พูดคุยผ่านทางวิดีโอคอลกับคุณครูเปิ้ล (นามสมมติ) เป็นคุณครูโรงเรียนเก่าที่เคยสอนทั้งน้องภูมิและน้องวิน บอกว่า ตอนที่ตนสอนทั้งคู่เป็นในช่วงที่ทั้งคู่เรียนอยู่ชั้น ป.4 โดยทั้งน้องภูมิและน้องวินอยู่กันคนละห้อง แต่อยู่ชั้นเดียวกันคือ ป.4

โดยทางผู้ปกครองของน้องวินฝากฝังให้ดูแลลูกเป็นพิเศษอ้างว่าเป็นเด็กพิเศษ แต่ตนที่เป็นครูพยายามที่จะร้องขอเอกสารที่รองรับว่าน้องวินเป็นเด็กพิเศษ แต่ทางครอบครัวอ้างว่าไม่มี และพยายามจี้ให้ทางครอบครัวพาน้องวินไปตรวจ แต่ปรากฏว่าทางครอบครัวไม่ยอมให้น้องไปตรวจ

จากที่เคยสอนน้องวินพบว่า เหมือนเด็กปกติทั่วไปแต่หากไม่พอใจหรือถูกครูดุในห้องก็จะแสดงอาการเกรี้ยวกราดทันที และจะมองครูลักษณะตาขวาง แต่ก็ไม่เคยแสดงอาการที่บ่งบอกว่ามีพฤติกรรมรุนแรง หลังเกิดเรื่องตกใจมากเพราะไม่คาดคิดว่าน้องวินจะก่อเหตุได้ขนาดนี้ ในส่วนของน้องภูมิที่เป็นคนบาดเจ็บ ก็เป็นเด็กกลาง ๆ ไม่ได้เรียนดีมากและก็ไม่ใช่เด็กเกเร หลังเกิดเรื่องก็เสียใจเช่นกันที่น้องภูมิเสียชีวิตแล้ว



วันนี้เวลา 16.45 น. มีรายงานว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เดินทางมารดน้ำศพที่วัดทองใน พร้อมร่วมเป็นเจ้าภาพงานสวดอภิธรรมศพน้องภูมิ พร้อมกับ นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ ก่อนจะมีการมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้นให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต

ในขณะที่ นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมานคร เผยว่า ในส่วนเรื่องมาตรการต่าง ๆ ของทางโรงเรียนนั้น เบื้องต้นจะมีการคัดกรองตรวจสุขภาพกาย และสุขภาพจิตใจ โดยผ่านการทำแบบสอบถาม หรือการพูดคุยระหว่างครูและนักเรียนให้เพิ่มมากขึ้น พร้อมจะมีการช่วยสอดส่องดูแลสภาพครอบครัวของเด็กที่บ้านด้วย เพื่อเพิ่มความแน่นแฝงมากขึ้น ระหว่างครูและนักเรียน

นอกจากนี้ จะมีการใช้ในส่วนของเทคโนโลยีให้เข้ามาช่วยดูแลเด็ก เนื่องจากตนมองว่าปัจจุบันเด็กอาจจะไม่ได้มีความไว้ใจเพื่อน หรือบุคคลใกล้ตัวในบางครั้ง อาจจะมีตัวช่วยเป็นแอปฯ ที่คล้ายสายด่วนเป็นตัวช่วยในการรับฟัง หรือสามารถพูดคุยปรึกษากับเด็กได้

หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เบื้องต้นทางโรงเรียนได้มีการสั่งหยุดเรียน 3 วัน เพื่อให้นักเรียนและบุคลากรครูห่างออกมาจากที่เกิดเหตุก่อน ในขณะเดียวกันเมื่อวาน (29 ม.ค.) ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้าน ทางกระทรวงสาธารณสุข กรมสุขภาพจิต ได้มีการส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาพูดคุยกับเด็ก และบุคลากรครูในโรงเรียน เพื่อประเมินสภาพจิตใจพร้อมกับสังเกตการณ์ดูแลนักเรียนและบุคลากรในโรงเรียนอย่างใกล้ชิด ว่าใครมีภาวะซึมเศร้าหรือมีภาวะอยากอยู่กับตัวเองมากกว่าปกติ ก่อนจะมีการรายงานผลให้กับนักจิตวิทยาเพื่อหาแนวทางการแก้ไขต่อไป

ในส่วนนักเรียนของผู้ก่อเหตุนั้น ยังไม่มีการประสานงานหน่วยงานใดเข้าไปพูดคุยกับนักเรียนผู้ก่อเหตุ เนื่องจากขณะนี้นักเรียนผู้ก่อเหตุอยู่ในส่วนการดูแลของทางเจ้าที่ตำรวจ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งผิดเลย ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมาร่วมมือกัน เพื่อช่วยกันหาแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อไป พร้อมกับจะมีการเพิ่มหลักสูตรอบรมการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ให้กับครูและบุคลากรในโรงเรียน



ขณะที่ ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี เพื่อนสนิทผู้เสียชีวิต เผยว่า ปกติผู้เสียชีวิตเป็นคนนิสัยดี เวลามีคนทำร้ายเขา เขาไม่ทำร้ายคืน ส่วนสาเหตุคิดว่าผู้ก่อเหตุอาจจะเก็บกด เพราะโดนคนอื่นแกล้งบ่อย กลุ่มตนก็เคยไปแกล้งบ้าง แต่เป็นการแกล้งตามปกติแบบที่เพื่อนแกล้งกั ด.ช.เอ ยืนยันว่า เขาไม่ได้เป็นเด็กพิเศษแต่มักมีพฤติกรรมอยู่ไม่นิ่ง ปกติผู้ก่อเหตุจะอยู่ในห้องคนเดียวไม่คุยกับใคร

โดย ด.ช.บี (นามสมมติ) กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนเห็นว่าคนก่อเหตุมักจะโดนเพื่อนร่วมห้องกันแกล้งตลอดไม่ว่าจะเป็น ตบหัว จั๊กจี้ และไถเงิน ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเห็นคนก่อเหตุถูกแกล้งติดกัน 2 อาทิตย์ ตนก็พยายามบอกเพื่อนให้หยุดแกล้ง เพราะทุกครั้งคนก่อเหตุโดนแกล้งจะโวยวายเสียงดังมาก ประกอบกับเวลาเพื่อนแกล้งก็มักจะยอมเพื่อนตลอด ไม่ตอบโต้อะไร



ส่วนวันที่เกิดเหตุการณ์ตนคิดว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะเก็บกดเนื่องจากโดนเพื่อนแกล้งต่อเนื่องมาตลอด และตอนนั้นเป็นจังหวะที่เพื่อนเล่าให้ฟังว่า ผู้ตายพ่นน้ำใส่คนก่อเหตุจนเปียกไปทั้งตัว อาจทำให้คนก่อเหตุรู้สึกเก็บกดจึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น

ด.ช.ซี (นามสมมติ) กล่าวว่า ปกติผู้ตายกับคนก่อเหตุอยู่คนละห้องเรียนกัน ก็มักจะไม่ค่อยได้คุยกันอยู่แล้ว จึงเชื่อว่าที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น เป็นเพราะถูกเพื่อนร่วมห้องกลั่นแกล้งต่อเนื่อง จึงทนไม่ไหวแล้ว



ทั้งนี้ ทีมข่าวได้ย้อนถาม ด.ช.เอ เพื่อนของผู้เสียชีวิตถึงกระแสข่าวที่ออกมาบอกว่า ผู้เสียชีวิตมักจะไถเงินผู้ก่อเหตุ ด.ช.เอ เผยว่า ผู้เสียชีวิตไม่เคยไถเงิน และไม่เคยไปพ่นน้ำใส่หน้าใคร เพราะหากทำจริงตนก็คงเห็นเพราะอยู่ด้วยกันตลอด

ส่วนในวันเกิดเหตุ (29 ม.ค.) ผู้ก่อเหตุเดินตามหลังผู้เสียชีวิตมา แต่ตนไปเข้าห้องน้ำเจออีกทีตอนเพื่อนโดนแทงไปแล้ว ทราบว่าผู้ก่อเหตุวางแผนมา เพราะผู้ก่อเหตุจะก่อเหตุตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมาแล้ว และที่ผ่านมาผู้ก่อเหตุเคยสอบถามเพื่อนในห้องว่ามีมีดหรือไม่ แต่เพื่อนบอกไม่มี และก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุในวันเดียวกัน ขณะเข้าแถวผู้ก่อเหตุก็มีท่าทีปกติ และไม่มีการทะเลาะกันมาก่อน



เมื่อถามว่าอยากเรียกร้องความเป็นธรรมอะไรให้กับเพื่อนบ้าง ด.ช.เอ เผยว่า ตนจะทวงคืนความยุติธรรมให้เพื่อน และจะพูดทุกอย่างที่โรงเรียนสั่งให้ปิดข่าว โดยโรงเรียนไม่ให้พูดความจริง และไม่ให้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนแรกตนจะเอาคืนผู้ก่อเหตุแต่แม่ผู้เสียชีวิตขอไว้ว่าอย่าทำ ยืนยันว่าจะไม่ไปก่อเหตุหรือเอาคืนผู้กระทำ ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

ทั้งนี้ ด้านนายชัชชาติ ที่เดินทางมารดน้ำศพที่วัดทองใน พร้อมร่วมเป็นเจ้าภาพงานสวดอภิธรรมศพน้องภูมิ เผยว่า หลังจากนี้จะมีการช่วยเหลืองานศพผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ พร้อมกับจะมีการให้เจ้าหน้าที่ประเมินสุขภาพจิตเข้าไปพูดคุย ดูแลสุขภาพจิตของเด็กนักเรียนและบุคคลากรครูในโรงเรียน จากผลกระทบของเหตุการณ์ดังกล่าว ในส่วนเรื่องของคดีความนั้น ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของทางเจ้าที่ตำรวจ