จากกรณีช่วงเช้า วันที่ 29 ม.ค. 2567 พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน รับแจ้งเหตุมีการทำร้ายร่างกายกันโดยใช้อาวุธมีด ภายในโรงเรียนแห่งหนึ่งใกล้เคียงซอยพัฒนาการ 26 จึงมีการประสานรถพยาบาลจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งเข้าช่วยเหลือ

ในจุดเกิดเหตุเป็นบริเวณสนามกีฬาในร่ม พบร่างผู้บาดเจ็บเป็นเยาวชนชาย 1 ราย อายุประมาณ 14 ปี ถูกอาวุธมีดแทงตามร่างกายและบริเวณลำคอด้านหลัง นอนบาดเจ็บสาหัสจมกองเลือด โดยรถพยาบาลของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินทางมาถึงยังจุดเกิดเหตุได้มีการร้องขอรถพยาบาลขั้นสูงเข้าช่วย เนื่องจากผู้ได้รับบาดเจ็บมีอาการสาหัสเพราะเสียเลือดมาก ต้องเริ่มปั๊มหัวใจเพื่อฟื้นคืนชีพ หรือทำการ CPR



ในเวลาต่อมา รถพยาบาลจากศูนย์โรงพยาบาลตำรวจเดินทางมาถึง และช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลวิภาราม ก่อนจะมีรายงานในเวลาต่อมาว่า เด็กผู้บาดเจ็บเสียชีวิตขณะช่วยชีวิตอยู่ในห้องฉุกเฉิน

นายสราวุธ อายุ 45 ปี อาสาสมัครกู้ภัยที่เดินทางมาช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นคนแรก เล่าเหตุการณ์ขณะช่วยเหลือชีวิตเยาวชนรายนี้ให้ฟังว่า ตนเองได้รับแจ้งช่วงเวลาประมาณ 08.40 น. เมื่อเดินทางมาถึงที่โรงเรียนก็พบว่า น้องผู้ได้รับบาดเจ็บนอนจมของเลือดบริเวณกลางลานกีฬาในร่ม ตนเองจึงเข้าไปช่วยเหลือเมื่อตรวจสอบพบว่ามีบาดแผลบริเวณลำคอสองฝั่ง นอนหมดสติไม่ไม่รู้สึกตัว เมื่อตรวจสอบไม่พบว่ามีชีพจร จึงเริ่มปั๊มหัวใจ ก่อนที่ในเวลาต่อมา รถกู้ชีพจากทางโรงพยาบาลตำรวจจะเดินทางมาถึง และช่วยเหลือนำส่งเคลื่อนย้ายออกไปที่โรงพยาบาลวิภาราม ซึ่งทราบว่าขณะนี้น้องที่ได้รับบาดเจ็บเสียชีวิตขณะถูกช่วยเหลือที่โรงพยาบาล

ขณะที่ในส่วนของเด็กที่ก่อเหตุ มีรายงานว่า เป็นเด็กที่มีพัฒนาการช้า แต่ไม่ได้เป็นคนที่มีความรุนแรงหรือใช้ความรุนแรงกับเพื่อนร่วมห้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ภายในโรงเรียนต่างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่คิดว่าเด็กคนดังกล่าวก่อเหตุรุนแรงได้ถึงขนาดนี้



ทีมข่าวได้สอบถาม น.ส.สวย (นามสมมุติ) รปภ. ของโรงเรียน เล่าว่า หลังจากนักเรียนเลิกแถวแล้วกำลังจะขึ้นห้องเรียน ตนก็อยู่ในป้อม แต่ระหว่างนั้นเด็กนักเรียนคนที่ถูกแทงก็วิ่งออกมาขอความช่วยเหลือ เอามือกุมบาดแผลบริเวณลำคอไว้ แล้วก็วิ่งมาล้มลงตรงกลางสนามกีฬา

ตนจึงรีบวิ่งออกไปช่วย เอาผ้าไปอุดบริเวณแผลไม่ให้เลือดไหลไปมากกว่านี้ โดยตอนนั้นน้องนิ่ง พูดไม่ได้ เพราะเลือดไหลเยอะมาก ตนก็พยายามบอกน้องว่า “อย่าหลับนะๆ” พยายามเรียกให้เขามีสติตลอด ส่วนคนก่อเหตุ ตนเห็นว่าวิ่งตามน้องที่ได้รับบาดเจ็บมา ไม่ยอมพูดจาอะไร แต่สายตาจ้องมายังน้องตลอด จนคุณครูต้องมารีบจับตัวและระงับเหตุเอาไว้

ตนไม่รู้เลยว่าเด็กนักเรียนทั้งสองคนมีปัญหาอะไรกัน รู้เพียงว่าคนก่อเหตุเป็นเด็กพิเศษที่มีพัฒนาการช้า แต่จากการสังเกตก็เห็นน้องมีกลุ่มเพื่อน ยิ้มแย้มแจ่มใสตามปกติ วันเกิดเหตุก็ไม่ได้เห็นว่ามีอาการเครียด และทั้งสองคนก็ไม่ได้สนิทสนมกัน จึงไม่ทราบเลยว่าสาเหตุที่ก่อเหตุแบบนี้เกิดจากอะไร ทั้งนี้ที่ผ่านมาโรงเรียนก็มีมาตรการในการตรวจอาวุธของนักเรียนอยู่แล้ว แต่ยอมรับว่าไม่ได้ตรวจทุกวัน

ขณะที่ต่อมา หลังเกิดเหตุผู้ปกครองต่างรีบได้เดินทางมาที่โรงเรียนเพื่อมาขอรับลูกหลานที่เป็นนักเรียนกลับบ้านด้วยความเป็นห่วง ซึ่งทางโรงเรียนได้จัดครูมาคอยอำนวยความสะดวกให้มารับเด็กออกไปทันที



ทีมข่าวได้สอบถามเพื่อนนักเรียนของผู้ตายคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ตนเองเห็นเพื่อนถูกผู้ก่อเหตุวิ่งไล่แทง ซึ่งผู้ตายได้บอกกับผู้ที่ไล่แทงว่า “พอแล้วกูขอโทษ” แต่ผู้ก่อเหตุก็ยังไม่หยุดยังวิ่งไล่แทงเพื่อนของตนเอง และก็เห็นเพื่อนล้มลงนอนดิ้นอยู่กลางสนาม มีเลือดพุ่งไหลออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งตนเองเห็นเพื่อนแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ได้แต่สงสาร

ส่วนผู้ก่อเหตุ ตนเองเคยเห็นพฤติกรรมเป็นคนกร่าง ๆ ชอบทำตัวเป็นนักเลงเก็บตัวเงียบ หากไม่พอใจใครก็จะมีอาการตัวสั่นโมโหคล้ายคนอารมณ์รุนแรงและเก็บกด ตนเองยังพบว่าผู้ก่อเหตุยังเคยเอาช้อนมาทำเป็นมีด และยังพกมีดมาโชว์ที่โรงเรียนด้วย ซึ่งที่ตนรู้มาว่าผู้ก่อเหตุไม่ใช่เป็นเด็กพิเศษแต่อุปนิสัยจะค่อนข้างล้น ๆ

ขณะที่ น.ส.แอน (นามสมมุติ) ผู้ปกครองที่มารับลูกจากโรงเรียนกลับบ้าน เปิดเผยว่า ตนเองได้รับข้อความจากไลน์ผู้ปกครอง ว่ามีการก่อเหตุดังกล่าวขึ้น จึงได้รีบเดินทางมารับลูกสาวเพราะเป็นห่วง ที่ผ่านมาโรงเรียนมีเรื่องทะเลาะวิวาทบ่อยครั้ง ส่วนมากจะเป็นด้านนอกของโรงเรียน ซึ่งเมื่อเกิดเหตุครั้งนี้ ทำให้ตนเองรู้สึกกลัวและเป็นห่วงลูก จึงคาดว่าหมดเทอมนี้จะย้ายลูกไปเรียนที่อื่น เพราะไม่มั่นใจมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยของโรงเรียน แล้วปล่อยให้เด็กพกอาวุธเข้าโรงเรียนไปแบบนี้ ตนรับไม่ได้ และทางโรงเรียนก็ดูแลเด็กไม่ทั่วถึง พร้อมกันนี้ยังจะอยากให้เปลี่ยนกฎหมายเด็กที่ก่อเหตุให้รับโทษที่มากขึ้น ไม่เช่นนั้นก็จะมีการก่อเหตุซ้ำอีกเพราะบทลงโทษไม่ได้รุนแรง

ขณะที่ในเวลาต่อมา น.ส.อรทัย (นามสมมุติ) แม่ของน้องเยาวชนอายุ 14 ปี ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ เดินทางมาโดยรถตู้ของทางกรุงเทพมหานคร เพื่อมาให้ข้อมูลกับทางตำรวจเพิ่มเติม โดยเปิดเผยกับสื่อมวลชนก่อนที่จะเดินทางเข้าห้องสอบสวนว่า จนถึงตอนนี้ตนยังคงรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ ส่วนเรื่องปัญหาของลูกกับเพื่อน ตนไม่เคยรับรู้เพราะลูกชายไม่เคยมาเล่าอะไรให้ฟัง แต่ตัวลูกไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใครรวมถึงตัวผู้ก่อเหตุ และตนก็ไม่เคยเห็นตัวน้องที่เป็นผู้ก่อเหตุในครั้งนี้เช่นกัน

ตนเองจะเดินทางมาส่งลูกที่โรงเรียนทุกเช้า ก็ได้สอบถามลูกในทุกวัน แต่ลูกชายก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังเลย จนเมื่อเช้าวันนี้หลังจากส่งลูกได้ไม่นาน ก็จะได้รับการติดต่อมาจากทางอาจารย์ที่โรงเรียนว่าลูกชายอยู่ในสภาพไม่ดี บาดเจ็บสาหัสจากการถูกทำร้าย พอเดินทางมาที่โรงเรียนก็ยังไม่ได้เห็นแม้กระทั่งตัวของลูกชาย เพราะถูกคุณครูพาเข้าห้องเพื่อพูดคุยว่าลูกถูกแทง



ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะมีพนักงานเจ้าหน้าที่คุ้มครองเด็กจากบ้านพักเด็กและครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พาตัวคุณแม่เยาวชนผู้เสียชีวิตรายนี้ เข้าพบพนักงานสอบสวนและดำเนินการตามขั้นตอน

จากนั้นเวลา 15.30 น. ตำรวจได้นำตัวผู้ก่อเหตุไปตรวจสุขภาพจิตและอาการทางประสาทกับแพทย์ โดยทีมข่าวพยามถามถึงสาเหตุที่ลงมือ แต่ผู้ก่อเหตุไม่ได้ตอบคำถามใด ๆ กับผู้สื่อข่าว ส่วนแม่ของผู้ก่อเหตุที่เดินทางมาด้วยนั้น ได้บอกกับสื่อเพียงว่า อยากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต แต่ขอให้เสร็จกระบวนการก่อน พร้อมยกมือไหว้



ภายหลังจากที่สอบปากคำเยาวชนอายุ 14 ปี ผู้ก่อเหตุ ทาง พ.ต.อ.วชิรากรณ์ วงศ์บุญ ผกก.สน.คลองตัน เปิดเผยว่า วันนี้ได้สอบปากคำเด็กและพยาน ทั้งคุณครูที่เห็นเหตุการณ์ และแม่ผู้เสียชีวิต สำหรับสาเหตุเกิดจากความคับแค้นใจ ที่ถูกผู้ตายมักจะมาบังคับขอเงินผู้ก่อเหตุในช่วงเที่ยง ครั้งละ 20 บาท โดยมักจะก่อเหตุบนอาคารเรียน อ้างว่าจะนำไปซื้อบุหรี่ และมีการชกที่ศีรษะและใบหน้า ซึ่งโดนแบบนี้ประมาณ 3-4 ครั้ง ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ด้วยความคับแค้นใจจึงไปซื้อมีดพกติดตัวมาโรงเรียนตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค. จนกระทั่งมาก่อเหตุในเช้าวันนี้ (29 ม.ค.) หลังจากนี้ทางตำรวจจะไปสอบปากคำพยานในโรงเรียนว่าพบเห็นพฤติกรรมแบบนี้จริงหรือไม่

ทั้งนี้ ผกก.สน.คลองตัน ยืนยันว่า จากการสอบปากคำพบว่าพฤติกรรมของเยาวชน 14 ปี มีสติสัมปชัญญะเต็ม 100% สามารถตอบคำถามได้ชัดเจน นักจิตวิทยาและบุคคลที่ร่วมสอบปากคำลงความเห็นว่าเด็กมีสภาพจิตที่ปกติ แต่ในทางคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งผู้ก่อเหตุไปตรวจสุขภาพจิตอีกครั้ง



ทั้งนี้ จากการตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติดในร่างกาย แต่เจ้าตัวยอมรับว่าเคยดูดกัญชา 1 ครั้งเมื่อเดือนกันยายน ที่ผ่านมา ทั้งนี้ยืนยันว่าผู้ก่อเหตุไม่ได้มีประวัติเข้าออกสถานีตำรวจเป็นประจำตามที่เป็นกระแสข่าว

นอกจากนี้ ภายหลังเกิดเหตุได้มีข้อความแชตที่เพจหนึ่งแชร์ในโซเชียล ระบุเป็นข้อความที่คนในโรงเรียนให้ข้อมูลมาทางแชตว่า เด็ก ม.2 ที่ก่อเหตุมีการเตรียมการมาก่อเหตุ โดยตั้งใจว่าจะก่อเหตุตั้งแต่วันศุกร์ แต่ไม่มีมีด

และยังมีการแชร์ภาพข้อความจากแชตที่บอกว่า ตัวเองเป็นครูในโรงเรียนเกิดเหตุ ขอให้ข้อมูลแต่ปิดบังตัวตน ครูไม่กล้าบอกข้อมูลกับนักข่าวเพราะกลัวโรงเรียนจะเอาเรื่อง เพราะทั้งครูและนักเรียนทุกคนถูกสั่งห้ามให้ข้อมูลกับสื่อโดยเด็ดขาด โดยประเด็นที่ต้องการให้โฟกัสคือ ครูในโรงเรียนรู้ดีว่าเด็กมีพฤติกรรมรุนแรงและยุ่งเกี่ยวยาเสพติด รวมถึงพกมีดมาโรงเรียนตลอด แม้แต่ครูยังไม่กล้าเข้าใกล้เพราะกลัว แต่โรงเรียนพยายามปิดข่าวเพราะกลัวโดนว่าปล่อยปละละเลย ไม่ทำอะไรเป็นการป้องกัน จนเกิดเหตุสลดครั้งนี้



ขณะเดียวกัน พี่ชายของผู้เสียชีวิตได้มาดูหน้าคนก่อเหตุ พร้อมเปิดใจกับสื่อมวลชนว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสภาพจิตใจครอบครัวย่ำแย่ทุกคน เหตุใดผู้ก่อเหตุต้องมาแทงน้องชายตน ซึ่งน้องชายตนเป็นเด็กที่ร่าเริง เป็นคนสร้างเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนในห้อง

ส่วนประเด็นที่ผู้ก่อเหตุให้การว่า ก่อนเกิดเหตุน้องชายตนและผู้ก่อเหตุมีการขัดแย้งทะเลาะกันภายในห้องนั้น ตนอยากจะถามกลับว่า ขัดแย้งในเรื่องอะไร และตนมองว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ทางโรงเรียนต้องการปิดข่าว ไม่ให้เด็กออกมาให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน หากตนมีโอกาสเจอคนก่อเหตุ ตนอยากจะถามว่า แทงน้องชายตนเรื่องอะไร ตนอยากรู้ต้นสายปลายเหตุว่ามันเกิดจากอะไร

จากการสอบถามเพื่อนของน้องชาย เล่าให้ตนฟังว่า ทั้งคู่ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะอะไรกันมาก่อน ทั้งคู่ก็ยังแหย่เล่นกันตามปกติ ในส่วนที่ผู้ก่อเหตุให้การว่าน้องตนได้มีการไถเงินเขานั้น ส่วนตัวไม่เชื่อเพราะน้องตนก็ได้เงินไปโรงเรียนวันละ 150 บาท จะไปไถเงินเพื่อนทำไม

ส่วนประเด็นที่มีการเผยแพร่แชตว่า ผู้ก่อเหตุมีการเตรียมแผนตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมานั้น ส่วนตัวตนไม่ทราบ แต่ดูจากแชตก็น่าจะเป็นความจริง จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนรู้สึกแค้นผู้ก่อเหตุเป็นอย่างมาก เพราะมาทำร้ายน้องชายตนจนเสียชีวิต

ทีมข่าวได้พูดคุยกับน้องเยาวชนอายุ 14 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกับผู้ก่อเหตุและผู้ได้รับบาดเจ็บ เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ส่วนตัวรู้จักกับทั้งสองเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนเดียวกัน ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นว่าตัวผู้ก่อเหตุจะสร้างความรุนแรงกับใคร แต่ตัวผู้ก่อเหตุมักจะนำมีดอันที่ใช้ในการก่อเหตุในวันนี้ออกมาโชว์อยู่เป็นประจำ ซึ่งส่วนตัวก็เห็นว่าอาวุธมีดเล่มนี้ผู้ก่อเหตุพกมาที่โรงเรียนทุกวัน

โดยขณะเกิดเหตุ เป็นช่วงที่เสร็จสิ้นจากการเคารพธงชาติ และปล่อยแถวนักเรียนขึ้นสู่ชั้นเรียน ขณะเดินขึ้นห้องก็เห็นว่า เพื่อนที่ถูกแทงเหมือนไปหยอกล้อเล่นกับผู้ก่อเหตุ จนผู้ก่อเหตุเกิดความไม่พอใจ และแทงเข้าที่ด้านหลัง ก่อนที่เพื่อนที่ถูกแทงจะวิ่งมาร้องขอความช่วยเหลือบริเวณกลางลานกีฬา และเด็กที่ก่อเหตุก็ตามมาแทงซ้ำจนล้มลง ขณะเดียวกันก็มีครูเข้ามาล็อกตัวเด็กที่ก่อเหตุ และเรียกขอความช่วยเหลือกับโรงพยาบาล

ตัวเด็กที่ก่อเหตุคนนี้มีอาการลักษณะเหมือนเด็กพิเศษ เป็นคนนิ่ง ๆ แต่เพื่อน ๆ ก็ไม่ได้มีการบูลลี่ หรือดูถูกความเป็นเด็กพิเศษแต่อย่างใด ยอมรับว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้รู้สึกหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก และไม่คิดว่าจะมีความรุนแรงแบบนี้กับเพื่อนของตนเอง ส่วนตัวยังเคยเห็นเด็กที่ก่อเหตุมักจะมีการเสพกัญชาและสูบบุหรี่ จึงไม่รู้ว่าเป็นสาเหตุของการก่อเหตุในครั้งนี้หรือไม่



ขณะที่ช่วงเย็นที่ผ่านมา แม่และพี่ชายพร้อมครอบครัวเด็กที่เสียชีวิต ได้เดินทางไปที่โรงเรียนดังกล่าว ในซอยพัฒนาการ 26 เพื่อเข้าไปคุยกับครูและผู้บริหารของโรงเรียน โดยเจ้าหน้าที่ได้ประคองแม่ของเด็กที่เสียชีวิตเข้าไปภายในอาคาร

ทั้งนี้มีการพูดคุยกับผู้บริหารของโรงเรียนนานกว่า 1 ชั่วโมง ก็แยกย้ายกันกลับโดยไม่ได้เปิดเผยอะไรกับผู้สื่อข่าว เจ้าหน้าที่ กทม. ช่วยประคองแม่ของเด็กผู้เสียชีวิตขึ้นรถกลับบ้านเพราะยังอยู่ในอาการโศกเศร้า และยังทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้

จากนั้น พี่ชายของเด็กที่เสียชีวิต เปิดเผยกับทีมข่าวว่า โรงเรียนน่าจะมีความปลอดภัยมากกว่านี้ ไม่น่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นกับน้องชายของตน พร้อมระบุว่า ตนเองไม่ได้เข้าไปพูดคุยกับผู้บริหารของโรงเรียน แต่แม่เป็นผู้เข้าไปพูดคุยจึงไม่ทราบรายละเอียด

ส่วนวันพรุ่งนี้จะเดินทางไปรับศพน้องชายที่นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ยังไม่สามารถระบุได้ว่ากี่โมง และจะนำร่างของน้องชายมาเชิญวิญญาณนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดทองใน ย่านอ่อนนุช ทั้งนี้ตนเองอยากเจอหน้าเด็กชาย ม.2 ที่ก่อเหตุ ว่าแทงน้องชายของตนทำไม

นอกจากนี้พี่ชายยังบอกอีกว่า ช่วงเช้าก่อนเกิดเหตุแม่ได้มาส่งน้องชายที่โรงเรียน ที่ผ่านมาตนไม่ค่อยได้คุยกับน้องชาย จะเจอและพูดคุยกันเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และก่อนเกิดเหตุไม่มีลางบอกเหตุอะไร ก่อนเกิดเหตุ 1 วัน น้องชายบอกกับตนว่าอยากได้รองเท้าคู่ใหม่ ตนบอกน้องชายว่าจะซื้อให้สิ้นเดือนนี้หลังเงินเดือนออก แต่น้องชายมาเสียชีวิตเสียก่อน ก่อนพี่ชายและญาติ ๆ จะแยกย้ายกลับบ้าน พี่ชายได้ตะโกนเรียกน้องชายว่า “กลับบ้านภูมิ รัฐภูมิกลับบ้าน เลิกเรียนแล้ว”



ขณะที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เดินทางมาให้กำลังใจครอบครัวของเด็กผู้เสียชีวิตและเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมเข้าประชุมร่วมกับผู้อำนวยการโรงเรียนที่เกิดเหตุ และผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาล และร่วมกันแถลงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นายชัชชาติ เปิดเผยว่า จากเหตุที่เกิดขึ้น เป็นห่วงในเรื่องของพฤติกรรมการเอาอย่าง จึงเร่งประสานทุกโรงเรียนนสังกัดกรุงเทพมหานคร เฝ้าระวังและว่างมาตรการการตรวจค้นอาวุธ แต่ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยนั้นอาจจะไม่เพียงพอ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการตรวจค้นอาวุธให้เข้มข้นรัดกุมมากขึ้น และจะเร่งฟื้นฟูเยียวยาจิตใจครอบครัวนักเรียนที่เสียชีวิต ซึ่งทราบว่าโรงเรียนมีประกันอยู่ เบื้องต้นให้ความช่วยเหลือครอบครัวนักเรียนผู้เสียชีวิตแล้ว แต่ยอมรับว่าจ่ายให้เท่าไรก็ไม่คุ้ม เพราะชีวิตลูกทั้งคน ส่วนเรื่องการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา งานศพต่าง ๆ ทางกรุงเทพมหานครก็จะช่วยเช่นกัน