นายกฯ สวมชุดลาหู่แดงร่วมงานงานปีใหม่ชาวลาหู่ ประกาศให้สัญชาติได้ หากพิสูจน์​ว่าเกิดที่ไทย เปิดโอกาสเข้าถึงสิทธิ​ขั้นพื้นฐาน

12 ม.ค. 67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​การคลัง​ ยังคงลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่อย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยเช้านี้สวมชุดลาหู่แดง มาร่วมงานสืบสาน อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีลาหุ่นานาชาติครั้งที่ 1 ปี 2567 หรือ งานปีใหม่ชาวลาหู่ ที่มหาวิทยาลัยพายัพ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีพี่น้องประชาชนชาติพันธุ์ลาหู่มาร่วมงานกว่า 5,000 คน โดยทันทีที่นายเศรษฐา เดินทางมาถึงได้ทักทายพี่น้องน้องชาวลาหู่ และได้ชมการแสดงจากชาวลาหู่ เพื่อเป็นการต้อนรับนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ นายเศรษฐา กล่าวว่า สวัสดีพี่น้องชาวลาหู่ทุกท่าน มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานในงานสืบสานอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีถาพู่นานาชาติครั้งที่ 1 ปี 2567 ในวันนี้ ตนขอชื่นชมในความรัก ความสามัคดี ของพี่น้องชาติพันธ์ลาหู่ที่เล็งเห็นความสำคัญและใช้การสืบสานอนุรักษ์ติลปวัฒนธรรมประเพณี เชื่อมสัมพันธภาพอันดีงาม ของพี่น้องชาติพันธ์ลาหู่ที่กระจายอยู่ทั่วโลก ให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

ซึ่งตนได้รู้ว่า เป็นครั้งแรกที่มีการรวมตัวกันของชาติพันธุ์ลาหู่จากหลายประเทศจัดงานสืบสานวัฒนธรรมลาหู่นานาชาติ ขึ้นมา ดังนั้น ตนจึงได้ให้การสนับสนุนงบประมาณ สำหรับโครงการสืบสานด้านศิลปวัฒนธรรมในทุกชาติพันธุ์ ของประเทศไทยเรา ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตกหรือภาคใต้ โดยเสมอภาคและเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ หวังว่าการสนับสนุนของตน จะสามารถทำให้ ชนเผ่าทุกๆชนเผ่า รักและหวนแหน ศิลปวัฒนธรรมประเพณี ของตนต่อไป

"ผมว่าอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งอยู่ในร่วมใจของพวกท่านทุกท่าน รวมทั้งเป็นเรื่องที่ตัวผมเองและรัฐบาลนี้ให้ความเป็นห่วงเป็นใยและให้โอกาสเสมอ คำว่าโอกาสถือว่าเป็นอนาคตของพวกเราทุกคนที่อยู่ในที่นี้ รัฐบาลนี้จะให้ความเป็นธรรม ถ้าพิสูจน์ได้ว่าท่านเกิดที่นี่ ลูกหลานท่านเกิดที่นี่ ท่านสามารถเข้ากระบวนการในการขอสัญชาติได้ โดยที่ท่านจะสามารถเข้าถึงสิทธิพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา เรื่องการสาธารณสุขและสิทธิต่างๆ ซึ่งผมยืนยันครับว่ารัฐบาลนี้จะให้โอกาสนี้กับพวกท่านทุกท่าน อันนี้ถือเป็นโอกาสดีแล้ว"

โดยทันทีที่นายกฯพูดจบ พี่น้องชาวลาหู่ ที่มาร่วมงานได้โหร้องด้วยความดีใจ

จากนั้นนายกฯได้ตีกลองถือเป็นการเปิดงานวัฒนธรรมประเพณีลาหุ่นานาชาติครั้งที่ 1 และได้ร่วมพิธีล้างมือ ซึ่งเป็นการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ของชาวลาหู่ เพื่อขอพรจากผู้ใหญ่ และได้รับมอบของที่ระลึกจากชาวลาหู่

ก่อนเดินทางกลับนายกรัฐมนตรี ได้ยกโทรศัพท์ขึ้นมาเซลฟีกับพี่น้องชาติพันธุ์​ละหู่ พร้อมเดินทักทายพี่น้องชาวลาหู่และร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกรอบงาน บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่นและแบ่งกันเอง