จากกรณีสภาพศพของนายปัณณวัฒน์ หรือ น้องโอ๊ค อายุ 31 ปี ที่ทางญาตินำมาให้กับทีมข่าวดูว่ามีบาดแผลถลอกบริเวณหลัง ก้น แผลฟกช้ำบริเวณแขนด้านขวา รอยถลอกบริเวณข้อศอกซ้าย และแผลฟกช้ำบริเวณเหงือก ซึ่งเป็นเหตุทำให้ครอบครัวของน้องโอ๊ค เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิต

โดยน้องโอ๊คถูกนำส่งไปบำบัดยาเสพติดที่สถานบำบัดแห่งหนึ่ง ที่เป็นพื้นที่เกาะของจังหวัดกระบี่ ผ่านไป 18 วัน ก่อนที่จะได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่าน้องโอ๊คเป็นสโตรคเสียชีวิต ในตอนแรกที่ญาติได้รับแจ้งก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไร ซึ่งเชื่อว่าน้องโอ๊คเป็นสะโตกเสียชีวิตจริง และการตรวจของแพทย์เบื้องต้น ที่จังหวัดกระบี่ ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่า “ไม่สามารถระบุสาเหตุการเสียชีวิตได้”



ทว่า พอทางศูนย์บำบัดส่งร่างของน้องโอ๊คมาเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา กลับพบร่องรอยดังกล่าวเป็นเหตุให้ญาติเกิดข้อสงสัย จนนำไปสู่การร้องขอให้ทำการชันสูตรพลิกศพใหม่

ล่าสุดทีมข่าวลงพื้นที่ไปยัง วัดมหาบุศย์ เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของน้องโอ๊ค ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความสุขเศร้า ในขณะที่ นางรัชนก แม่ของน้องโอ๊ค กำลังเคาะโลงศพเพื่อพูดคุยกับน้องโอ๊คพร้อมกับพูดสั้น ๆ บอกว่า “โอ๊คครับแม่มาแล้ว แม่จะสู้เพื่อลูกนะ แม่จะทวงความยุติธรรมให้ลูกนะ”

ทีมข่าวคุย นางรัชนก แม่ของน้องโอ๊ค บอกว่า ตอนแรกทางญาติก็ไม่ได้ติดใจกันเสียชีวิตเพราะทราบดีว่าน้องก็ไม่ได้เป็นคนสุขภาพแข็งแรงเหมือนคนปกติทั่วไป แต่พอได้รับศพน้องมาแล้วเห็นสภาพศพ จึงเกิดข้อสงสัยว่า น้องเสียชีวิตเพราะอะไรกันแน่ เพราะมีร่องรอยคล้ายกับการถูกทำร้ายร่างกาย



คุณแม่ บอกว่า ทางครอบครัวได้ลงความเห็นกันว่า ในระยะหลังน้องโอ๊คที่ป่วยเป็นจิตเวชโรคซึมเศร้าอยู่แล้วมีอาการรุนแรงขึ้น จากการเป็นผู้ป่วยเสพยาเสพติดประเภทกัญชาและกระท่อม จนบางครั้งทำให้น้องเกิดอาการอาละวาด ทำร้ายข้างของในบ้าน และเกรงว่าจะยิ่งเป็นผลเสียต่อสุขภาพ รวมถึงอาจจะเกิดอันตรายสำหรับคนใกล้ตัวที่อยู่ในครอบครัวด้วย ตัดสินใจกับญาติน้องคนหนึ่งบอกว่าจะพาน้องไปบำบัดรักษา ซึ่งเคยมีคนรู้จักของญาติไปบำบัดรักษาที่เกาะเกาะแห่งหนึ่งของจังหวัดกระบี่ จึงได้มีการเชื้อเชิญให้น้องไปเที่ยวทะเลที่จังหวัดกระบี่เพื่อหลอกล่อให้น้องเข้าสู่กระบวนการรักษาที่ศูนย์บำบัดดังกล่าว

โดยส่วนตัวแล้ว คุณแม่เชื่อว่าน้องอาจจะไม่ได้รับทราบโดยตรงว่าจะถูกไปศูนย์บำบัดยาเสพติด แต่พอจะรู้เรื่องราวบ้างแล้วว่าอาจจะต้องเข้าสู่กระบวนการบำบัด เนื่องจากก่อนหน้านี้น้องเองก็เคยปรึกษากับแม่ว่าอยากหายจากการติดยาเสพติด เนื่องจากบางครั้งไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ซึ่งการเดินทางไปกระบี่ครั้งนี้น้องก็เต็มใจเดินทางไปโดยดี



โดยน้องโอ๊คเดินทางจากกรุงเทพมานคร พร้อมกับเพื่อน ไปวันที่ 18 ธันวาคม ที่ผ่านมาถึง ท่าเทียบเรือที่จังกระบี่ เพื่อจะข้ามไปยังเกาะ ซึ่งเป็นศูนย์บำบัดช่วงเช้าของวันที่ 19 ธันวาคม หลังจากนั้นคุณแม่ก็ไม่สามารถติดต่อพูดคุยกับน้องได้อีกเลย เนื่องจากว่าเป็นกฎของศูนย์บำบัดที่ต้องยึดเครื่องมือสื่อสารและอุปกรณ์ส่วนตัวทั้งหมด

จะมาถึงวันที่ 27 ธันวาคม เจ้าหน้าที่ของศูนย์บำบัดโทรหาคุณแม่แจ้งว่า น้องมีอาการอาละวาด โวยวาย และพูดคนเดียว ซึ่งเจ้าหน้าที่ถามคุณแม่ว่าน้องมียาประจำกินเกี่ยวกับโรคจิตเวชหรือไม่ คุณแม่จึงแจ้งไปว่าปกติน้องมียาประจำที่ต้องทาน แต่ทางศูนย์บำบัดได้ส่งกลับให้กับคุณแม่หมดแล้วตั้งแต่วันแรกที่น้องเดินทางไปถึง แต่เมื่อน้องมีอาการคุณแม่จะจะส่งยากลับไปให้กับน้องใหม่อีกครั้งทางไปรษณีย์ หลังจากนั้น 2-3 วัน ก็มีการติดต่อจากศูนย์เพื่อขอยาชนิดดังกล่าวเพิ่ม และไม่ได้มีการติดต่อกับทางศูนย์บำบัดอีกเลย

จนมารับทราบข่าวจากศูนย์บำบัดเมื่อวันที่ 5 มกราคม ที่ผ่านมา ว่าน้องโอ๊คมีอาการสโตรคล้มลงกับพื้น ก่อนที่ 20 นาทีหลังจากนั้น ทางศูนย์โทร. กลับมาแจ้งว่าน้องโอ๊คเสียชีวิตแล้ว

ที่สำคัญคุณแม่เพิ่งได้รับทราบข่าวว่าเสียชีวิตของน้องโอ๊คที่จังหวัดกระบี่นั้น ไม่ได้มีการแจ้งให้กับตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบได้รับรับทราบเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย แต่กลับมีการส่งร่างของน้องโอ๊คขึ้นมาที่กรุงเทพมหานครทันที บวกกับบาดแผลที่ได้เห็นหลังจากได้รับศพจึงเกิดข้อสงสัยว่าการเสียชีวิตของน้องโอ๊คนั้นผิดปกติหรือไม่

แม่ของน้องโอ๊ดยังนำแชตสุดท้ายที่คุยกับน้องโอ๊ดก่อนที่จะถูกนำไปส่งไว้ที่ศูนย์บำบัดในจังหวัดกระบี่ โดยน้องโอ๊คส่งรูปมาให้กับแม่ดูบอกว่า “กำลังไปทะเลนะครับรับลมหน่อย” พร้อมกับส่งรูปภาพมาให้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่น้องโอ๊คกำลังเดินทางไปยังจังหวัดกระบี่ พร้อมกับเพื่อนคนหนึ่ง



หลังจากนั้นทั้งคู่ก็พูดคุยกันตามปกติ โดยก่อนที่น้องโอ๊คจะลงเรือข้ามไปยังเกาะและไม่สามารถติดต่อได้นั้นน้องโอ๊คได้บอกกับแม่ว่า “รักแม่เหมือนกันนะครับเดี๋ยวกลับไปขอขมา”

นอกจากนั้น หนึ่งวันก่อนที่จะออกเดินทางไปจังหวัดกระบี่น้องโอ๊คได้โพสต์รูปตัวเอง ใน อินสตาแกรมส่วนตัว พร้อมข้อความมีใจความว่า “เคยเสพยาเสพติดมาก่อน พร้อมทางนี้กูเคยเดิน” ซึ่งแม่ของน้องโอ๊คก็เข้ามาตอบบอกว่า แม่รอลูกคนดีของแม่อยู่นะครับ

ส่วนสองภาพนี้เป็นภาพสุดท้ายที่เพื่อนของน้องโอ๊ค คนที่ไปส่งน้องถ่ายมาให้ดูก่อนน้องจะลงเรือข้ามไปยังเกาะที่เป็นศูนย์บำบัด นอกจากนี้ยังมีคลิปก่อนที่น้องจะถูกส่งไปยังศูนย์บำบัดซึ่งน้องโอ๊คก็พยามหาเลี้ยงชีพตัวเองด้วยการขายเสื้อผ้ามือสอง หรือผ้าวินเทจรวมถึงผ้าพันคอ

ในวันนี้แม่ของน้องโอ๊คจึงนำเอาผ้าพันคอมาวางไว้บริเวณหน้างานศพ หากใครอยากจะร่วมทำบุญก็สามารถซื้อผ้าพันคอร่วมทำบุญให้กับน้องได้

ทั้งนี้ ระหว่างที่ทีมข่าวพูดคุยกับคุณแม่ มีตำรวจในพื้นที่จากจังหวัดกระบี่ โทร. มาประสานงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่าทางตำรวจไม่ได้รับแจ้งจากเจ้าของสถานที่ที่แจ้งว่าน้องเสียชีวิต ให้ไปดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย แม้ว่าจะเสียชีวิตด้วยเหตุผลใดก็ตาม



ซึ่งเบื้องต้นได้ประสานไปยังโรงพยาบาลที่เป็นคนรับศพน้องมา ก็ระบุว่าน้องน่าจะเสียชีวิตมาจากสถานที่ที่เป็นศูนย์บำบัดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ซึ่งทางโรงพยาบาลเองก็ไม่ได้แจ้งต่อไปยังสถานีตำรวจให้รับทราบเกี่ยวกับเหตุเสียชีวิตนี้ด้วย

ทีมข่าวโทรศัพท์ไปยังศูนย์บำบัดที่แม่ของน้องโอ๊คตั้งข้อสงสัย ว่าเหตุใดจึงเสียชีวิตภายในศูนย์บำบัดบำ ซึ่งผู้อำนวยการศูนย์บำบัดแห่งหนึ่ง ในจังหวัดกระบี่ ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวทางโทรศัพท์ ยืนยันว่าอาจจะเป็นความผิดพลาดในเรื่องของการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนออกไป ทำให้แม่เข้าใจผิดและเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับการเสียชีวิตของน้องโอ๊ค

ซึ่งทางศูนย์บำบัด ยืนยันว่า ไม่มีการทำร้ายร่างกายหรืออุบัติเหตุที่จะทำให้น้องโอ๊คเสียชีวิต แต่จากการตรวจสอบภายในศูนย์ พบว่ามีพยานหลักฐานยืนยันว่าในขณะก่อนที่น้องจะเสียชีวิตนั้น น้องอยู่บนเตียงนอนและกำลังจะลุกเข้าห้องน้ำ แต่จังหวะเดินนั้นน้องเกิดเป็นลมล้มลงกับพื้นซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นอาการของสโตรค (เส้นเลือดในสมองแตก) ส่วนสุขภาพของน้องตั้งแต่เดินทางมาถึงศูนย์ ค่อนข้างอ่อนเพลียไม่สมประกอบมีอาการจิตเวชร่วมมักจะบ่นพูดจาเพ้อถึงเรื่องเกมและสล็อต

หนุ่มบำบัดยาดับปริศนา น่วมทั่วร่าง งงศูนย์ไม่แจ้ง ตร.อ้างล้ม แค่ 18 วันนอนเมรุ