สส.วุฒิพงศ์ เตรียมแถลงอีกครั้งถึงปมคุกคามทางเพศวันนี้ ขณะที่ "หัวหน้าพรรคก้าวไกล" เตรียมใช้เวทีสัมมนา"สส.-กรรมการบริหารพรรค"​ โหวตขับ "ปูอัด" อีกครั้ง หลังพ้นเดดไลน์ และยังมีท่าทีไม่ยอมรับผิด

นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการดำเนินการของพรรคหลังจากที่ส่งหนังสือถึงนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ หรือ ปูอัด สส.กทม.พรรคก้าวไกล กรณี พรรคมีมติของผลการสอบข้อเท็จจริง ต่อการคุกคามทางเพศ ให้แถลงยอมรับผิด-ขอโทษ-เยียวยาเหยื่อ  ว่ามติของคณะกรรมการบริหารและส.ส.พรรคขีดเส้นตายให้นายไชยามพยาน แสดงท่าทีขอโทษต่อผู้เสียหาย และเยียวยา ภายในวันที่ 4 พ.ย. ซึ่งถือว่าขั้นตอนนี้จบไปแล้ว

พรรคจะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค โดยผ่านระบบออนไลน์เพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ ว่าการแถลงดังกล่าว เป็นไปตามมติของที่ประชุมสสและกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ หากไม่เป็น ไปตามมติและเห็นว่าขัดต่อวินัยร้ายแรงถึงขั้นจะต้องขับออกจากการเป็นสมาชกพรรคก้าวไกล ก็จะต้องเรียกประชุมสส. ร่วมกับกรรมการบริหาร ซึ่งในวันที่ 6-8 พ.ย.มีการสัมมนาและประชุมส.ส.พอดี จึงคิดว่าจะหยิบยกเรื่องนี้มาหารือ และ มีมติร่วมกับกรรมการบริหารพรรคได้เลย

นายชัยธวัชบอกว่า ส่วนตัวยังมองว่า สิ่งที่นายไชยามพวาม แถลงออกมา เป็นการไม่ยอมรับการกระทำความผิดของตัวเองด้วยซ้ำ แต่ตนต้องระมัดระวังในการแสดงความเห็นที่อาจจะกระทบกับข้อกฎหมาย ที่จะไปพูดก่อนมีข้อสรุปของกรรมการบริหารพรรคไม่ได้ หัวหน้าพรรคก้าวไกลบอกว่า เรื่องดังกล่าว จะต้องมีการทำความเข้าใจ กับสมาชิกและผู้สนับสนุนพรรค รวมทั้งสังคม พร้อมยอมรับว่า กรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรค อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 


ส่วนความเคลื่อนไหวของนายไชยามพวาน มีการโพสต์ลงเฟซบุ๊กตัวเอง เมื่อ 09.00 น. (วานนี้ 5 พ.ย. 66) เป็นภาพการลงพื้นที่ชุมชนบางมด พร้อมข้อความว่า “นำวัชพืชบริเวณคลองบัวหลังชุมชนบางมดออกเรียบร้อย คลองบัวหลังชุมชนบางมดไม่เคยได้มีการนำวัชพืชออกมานานนับหลายปี ส่งผลให้น้ำระบายออกช้าและส่งกลิ่นเหม็นต่อพี่น้องประชาชน ผมได้ประสานไปยังสำนักงานเขตจอมทอง ต้องขอขอบคุณสำนักงานเขตจอมทองที่เข้ามาช่วยเหลือแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างรวดเร็ว”

ทั้งนี้ เป็นที่น่าเป็นสังเกตว่านายไชยามพวานสวมเสื้อเชิ๊ตสีขาว ไม่มีโลโก้ พรรคก้าวไกล ซึ่งต่างจากการลงพื้นที่ก่อนหน้านี้ ที่จะสวมเสื้อแจ็คเก็ตสีส้ม ติดโลโก้พรรคก้าวไกลลงพื้นที่

นอกจากนี้ ยังพบการแสดงความคิดเห็น ของผู้ติดตามที่หลากหลาย โดยระบุข้อความ อาทิ ยังไม่ลาออกอีก, ขอบคุณที่เลิกใส่เสื้อพรรค, ทำไมไม่ออกสักที, ไม่ใช่ฟังความข้างเดียว ผู้หญิงไม่ใช้เด็กแล้วนะ และถ้าสมมติว่าไม่ลาออก คุณจะเป็นสาเหตุให้ก้าวไกลไม่ได้รัฐบาลในสมัยหน้า เพราะการคุกคามทางเพศของคนในพรรค จะกลายเป็นจุดอ่อนของพรรคก้าวไกล

 


ด้านนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี พรรคก้าวไกล ที่ถูกมติให้ขับออกจากพรรค ได้แจ้งต่อสื่อมวลชนว่า ขอแถลงเปิดใจอีกครั้ง พร้อมเปิดหลักฐานความขัดแย้งกับผู้ช่วย สส. ที่เป็นกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเชื่อว่าเป็นต้นเหตุให้พรรคมีมติขับออก และเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง โดยจะแถลงในเวลา 13.00 น. วันนี้ ที่รัฐสภา

นอกจากนี้ นายวุฒิพงศ์ ยังโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “ผมหยุดให้ข่าวใดๆ หลังจากที่แถลงไปในวันแรก แต่ ผช.สส. ของกรรมการพรรคบางท่าน ยังคงไล่ตีผมไม่หยุด หรือ ต้องให้ผมต้องพูดทั้งหมด ?”

นายวุฒิพงศ์ระบุ ว่า ตามข้อมูลหลักฐานที่เคยให้พรรคไป ผู้ช่วย สส.ของปราจีนบุรี จากโควตาของพรรคคนนี้ เกี่ยวพันกับการเอื้อรับผลประโยชน์จากโรงงานกำจัดขยะหลายล้านบาท ส่วนเรื่องจะทุจริตหรือไม่ทุจริตก็ไปว่ากันในพรรค ซึ่งตนเดินออกมาแล้ว คงไม่ขอก้าวล่วงกระบวนการ แต่หากพรรคยังปล่อยปละ ให้ช่วย ส.ส. ที่เป็นถึงผู้ช่วยของกรรมการบริหารพรรค ปล่อยข่าวมูลต่างๆ และสร้างความเสียหายกับตนเช่นนี้ ตนอาจจำเป็นต้องชี้แจงจากหลักฐานทั้งหมด ตนต้องการทำและสร้างการเมืองที่ไม่ทุจริต

 


ด้านนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กความว่า #มาเลยน้อง #เต้ พระราม7 #พรรคไทยศรีวิไลย์ #ได้คุยกับ ส.ส.แจ้ อดีตพรรคก้าวไกล เบื้องต้น ทราบว่า เกิดพิษณุโลก เหมือนกัน เรียนจบวิศวะพระนครเหนือที่เดียวกัน และ สส.แจ้ได้ชี้แจงข้อกล่าวหาคุกคามทางเพศให้ได้ทราบว่า เป็นอย่างไร ซึ่งไม่ถึงขั้นเป็นการคุกคามทางเพศ และเท่าที่ดูก็เป็นโทษที่เบากว่านายไชยยามพวาน และเห็นว่า นายวุฒิพงษ์ ควรมีโอกาสพิสูจน์ตัวเองอีก 3 ปี ในช่วงที่เป็น สส.อยู่ในสภา และหากพ้นสมาชิกภาพไป ก็จะต้องเสียเงินค่าเลือกตั้งใหม่ จึงได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ในพรรค และ เห็นตรงกันว่า พร้อมจะยอมรับนายวุฒิพงษ์ เข้ามาเป็น ส.ส.พรรคไทยศรีวิไลย์ เพราะดูแล้ว เรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้รุนแรงถึงขั้นทุจริตคอรัปชัน หรือกระทำความผิดอาญา

นายมงคลกิตต์ ระบุด้วยว่า กรณีของสมาชิกพรรคก้าวไกลน่าจะมีอีกหลายคน ซึ่งมีคนมาร้องเรียนที่ตนหลายเคส เป็นผู้สมัครจากพื้นที่อีสาน โดนข้อหาข่มขืน ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วหลุดคดี ตอนนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ ดังนั้น จึงเห็นว่า กรณีของ สส.แจ้ เบากว่าเยอะ และไม่กังวลว่า การที่รับเข้าพรรคฯ จะกระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรค จึงควรให้โอกาส แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ สส.แจ้ ด้วย