นายเชาวลิต ทองด้วง อายุ 37 ปี หรือ เสี่ยแป้ง นาโหนด เป็นนักโทษคดีดังหลายคดี โดยเฉพาะการปล้นตำรวจ สืบสวนภาค 8 ยิงต่อสู้และชิงตัวผู้ต้องหาโดยคดีนี้ศาลพัทลุงได้ตัดสินเป็นคดีแดงที่ อ.1861/2565 จำคุก 20 ปี 6 เดือน เริ่มจองจำตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2565 อยู่ที่เรือนจำความมั่นคงสูง เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช และได้ถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ คุมตัวมาทำการรักษาทันตกรรมตามการนัดของแพทย์ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2566 แต่หลังจากที่ส่งตัวมาถึงนั้น พบว่าแพทย์ได้ทำการเลื่อนนัด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงคุมตัวกลับแต่ปรากฏว่านายเชาวลิต เกิดอาการวูบหมดสติ แพทย์จึงให้เข้ารักษาตัวอยู่ที่ตึก 298/2 อายุรกรรม ชั้น 6 ที่ขาทั้งสองข้างมีตรวนเหล็กพันธนาการ และเมื่อรักษาตัวบนหอผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ยังมีโซ่ล่ามพันธนาการกับเตียงอีกชั้น โดยแพทย์จะให้ออกจาก รพ.ในวันนี้เวลา 08.30 แต่ปรากฏว่าหลังเที่ยงคืน นายเชาวลิต หรือแป้ง ได้หลบหนีจากเครื่องพันธนาการ

 

ส่วนประวัติทางคดีนอกจากคดีที่มีการตัดสินของศาลจังหวัดพัทลุงที่ถูกจำคุก 20 ปี 6 เดือน คดีนี้นายเชาวลิต หรือ เสี่ยแป้ง ร่วมกับพวกได้เข้าปล้นผู้ต้องหาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ขณะจับกุมคดียาเสพติด และยังมีคดีเกี่ยวกับความผิดต่อชีวิตชีวิตร่างกาย ความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม เป็นยิงเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ ตามคดีอาญาดำที่ อ.175/2565 อยู่ระหว่างพิจารณาคดี

 

นอกจากนั้นยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาอีกหลายคดี เช่น คดีสมคบค้ายาเสพติด คดีฟอกเงิน คดีร่วมกันฆ่า เช่นคดีการลอบฆ่านายอนันต์ คลังจันทร์ อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นอกจากนั้นยังพบข้อมูลอีกว่าเจ้าหน้าที่ ปปง.ได้เข้าอายัดทรัพย์สินของนายเชาวลิต ที่ จ.สงขลา ที่นำเอาไปฝากไว้กับพี่สาวมูลค่าสูงถึง 150 ล้านบาท หลังจากมีการเตรียมเงินไว้เป็นทุนที่นายเชาวลิต กำลังเคลื่อนไหวลงสมัคร ส.อบจ.พัทลุง โดยระหว่างเคลื่อนไหวหาเสียงนายเชาวลิต หรือแป้ง ใช้รถเบนซ์กันกระสุนเป็นพาหนะ แต่ต้องคดีร้ายแรงก่อนหลายคดี จึงต้องมาวิ่งเต้นคดีแทน ขณะเดียวกันแหล่งข่าวได้ให้ข้อมูลว่าการหลบหนี ของเสี่ยแป้ง ได้เตรียมการล่วงหน้าหลายวันแล้ว โดยคาดว่าน่าจะออกมาล้างแค้นผู้เกี่ยวข้องในคดีอย่างน้อย 2 คน ที่เชื่อว่าเป็นเหตุให้นายเชาวลิต หรือ เสี่ยแป้ง แพ้คดีจนต้องโทษจำคุก

 

สำหรับประวัติอาชญากรรม “เสี่ยแป้ง นาโหนด” นักโทษที่หลบหนีออกจากโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช มีประวัติการครอบครองปืน อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 5.7  ปืนพกสั้นขนาด 9 มม. ปืนยาวเดี่ยวไรเฟิล ขนาด 5.56 

วันที่  5 มกราคม 50 ฆ่าผู้อื่น (ตำรวจ) เหตุเกิด สภ.เมืองพัทลุง 

วันที่ 3 ธันวาคม 50 ครอบครองอาวุธปืนไม่มีทะเบียน

วันที่ 21 เมษายน 51 พยายามฆ่า เหตุเกิดพื้นที่ สภ.เมืองพัทลุง

วันที่ 1 พ.ค. 51  ข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น เหตุเกิดพื้นที่ สภ.เมืองพัทลุง วันที่ 18 ก.พ.52 มีอาวุธปืน กระสุนปืน วัตถุระเบิด ใช้เฉพาะสงคราม

วันที่ 12 มี.ค.52 คดีบุกรุกในเวลากลางคืน เหตุเกิดพื้นที่ สภ.เมืองพัทลุง

วันที่ 11 ตุลาคม 54 คดี พรบ.ราชทัณฑ์ เหตุเกิดพื้นที่ สถ.เมืองพัทลุง

วันที่ 3 ธ.ค.59  คดีฆ่าผู้อื่น เหตุเกิด สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช

วันที่ 27 พ.ค.60  คดีฆ่าผู้อื่น (นายอนันต์ คลังจันทร์) อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช เหตุเกิด สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช วันที่ 2 กันยายน 62 พยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภาค 8 เหตุเกิด สภ.นาขยาด จ.พัทลุง

วันที่ 9 กันยายน 62 พยายามฆ่าผู้อื่น พยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงพัทลุง เหตุเกิดสภ.เมืองพัทลุง

ทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านพักของนายจิรวุฒิ ที่พัทลุง ซึ่งนายบอย เป็นบุคคลที่อยู่ในภาพกล้องวงจรปิดพา นายเชาวลิต ทองด้วง หรือเสี่ยแป้ง หลบหนีออกจากโรงพยาบาล โดยที่บ้านของนายบอยพบเพียงพ่อตาของนายบอยอยู่เท่านั้น

 

โดยพ่อตานายบอยเผยว่า ตนเองกับนายบอยนั้นไม่สนิทกัน ไม่ค่อยได้คุยกันมากนัก เพราะนายบอบพึ่งมาเป็นเขยตนได้เพียง 2-3 เดือน ล่าสุดที่ตนเจอเขาน่าจะประมาณ 3-4 วันที่แล้ว เขาบอกเพียงว่าจะไปบ้านแม่เขา และก็หายไปเลย จนตอนนี้ก็ไม่ได้เจอ

 

ส่วนพฤติกรรมการเล่นยา ตนก็พอทราบบ้างว่าเขาเล่นยา ส่วนเรื่องของการทำงานตนไม่ทราบเลยว่าเขาทำงานอะไร เห็นแต่ขับรถเข้ามาแล้วขับออกไป และมักจะคุยโทรศัพท์บ่อยๆ มีโทรศัพท์หลายเครื่อง แต่ตนก็ไม่รู้เขาคุยกับใคร

 

ส่วนเสี่ยแป้งตนก็ไม่รู้จักมาก่อน แต่ลูกเขยตนรู้จักหรือไม่ตนก็ไม่แน่ใจ เพราะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับเขามาก

 

ตนเองได้เห็นข่าว และเห็นภาพจากกล้องวงจรปิด ดูจากเสื้อผ้าลักษณะแล้ว น่าจะใช่นายบอยจริง

 

ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปพูดคุยกับชาวบ้านรายที่ 1 ในหมู่บ้านของ นายบอย ชาวบ้านเผยว่า ปกติแล้วนายบอยไม่ใช่คนในหมู่บ้านนี้ แต่มาได้เมียอยู่ในหมู่บ้าน พึ่งเข้ามาอยู่ได้ไม่นาน

 

โดยนายบอยมีพฤติกรรมติดยาเสพติด รวมทั้งชอบขับรถก่อกวนคนในหมู่บ้าน อีกทั้งยังเคยเอาปืนมายิงมายิงขู่ชาวบ้านอีกด้วย แต่ก็ไม่เห็นตำรวจทำอะไร

 

ชาวบ้านอีกรายก็ได้เผยกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า นายบอยมาเป็นลูกเขยบ้านนี้ แต่ตนก็ไม่เคยคุยด้วย แต่รู่ว่ามีพฤติกรรมชอบเล่นยา ตนก็ไม่ทราบอะไรมากนักเพราะส่วนใหญ่อยู่แต่ในบ้าน ไม่ได้ออกไปสุงสิงพูดคุยกับใคร ก็ไม่รู้เขาอยู่ไม่อยู่บ้าน

 

ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังอีกจุดหนึ่งของจังหวัดพัทลุง ซึ่งเป็นบ้านของนายบิ๊ก จักกรี ผู้ที่พาเสี่ยแป้งหลบหนี โดยเมื่อไปถึงบ้านพบ พ่อแม่ และพี่สาวของนายบิ๊กอยู่ที่บ้าน กำลังเตรียมแพ็กมะม่วงเบาส่งให้ลูกค้า

 

โดยพี่สาวนายบิ๊กเผยว่า ไม่คิดว่านายบิ๊กจะเป็นทำ เพราะปกติก็นั่งทำมะม่วงด้วยกันอยู่ที่บ้าน ส่วนเรื่องรู้จักเสี่ยแป้งหรือไม่ ตนไม่รู้จัก แต่นายบิ๊กรู้จักหรือไม่ตนก็ไม่รู้ด้วย

 

โดยตนเจอล่าสุดก่อนที่จะมีข่าวออกมาเมื่อวานว่าเสี่ยแป้งหนี แต่ตนคิดว่าไม่ใช่น้องตนอย่างแน่นอน

 

แต่ที่ตอนนี้น้องตนหายไป คิดว่าคงไปตั้งหลักก่อน เพราะอยู่ๆมีข่าวออกมาว่าเขาทำ เขาคงตกใจ คิดว่าเดี๋ยวเขาตั้งหลักได้ก็คงกลับมา

 

ทั้งนี้ทีมข่าวยังได้ไทม์ไลน์สำคัญจากคดีที่เปิดเผยจากตำรวจ  โดยระบุ ก่อนที่ลูกน้องคนสนิทของนายเชาวลิตจะขับรถกระบะไปรับนายเชาวลิตที่โรงพยาบาลมหาราช  ปรากฎว่า  ได้มีการนัดคุยเพื่อประชุมวางแผนที่โรงแรมแห่งหนึ่งห่างจากโรงพยาบาลประมาณ 3 กิโลเมตร  โดยสองในนั้นที่ร่วมประชุมเตรียมการพานายเชาวลิตหลบหนีก็คือนายจักรีและนายจิรวุฒิ หลังจากรประชุมวางแผนเสร็จก็แบ่งหน้าที่กันเพื่อไปรับนายเชาวลิตและพาหลบหนีออกจากโรงพยาบาล  แต่ในส่วนมีใครที่ร่วมประชุมวางแผนทางตำรวจยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลส่วนนี้ได้  แต่หากพบมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการอย่างไม่มีข้อยกเว้น

 

ซึ่งทีมข่าวได้เดินทางไปที่โรงแรมดังกล่าวเพื่อสอบถามข้อมูลที่เกิดขึ้น แต่ปรากฏว่าผู้จัดการโรงแรมปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเนื่องจากเป็นคดีใหญ่และกลัวมีผลกระทบเรื่องความปลอดภัย

 

ด้าน พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สันนิษฐานว่าเสี่ยแป้งวางแผนแหกคุกไว้หลายวัน อาจจะเตรียมไปล้างแค้นพยานสองรายซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำให้เสี่ยแป้งแพ้คดี จนต้องโทษติดคุก 20 ปี

 

แผนการสั่งล่าเสี่ยแป้ง

  1. ตรวจสอบและเก็บข้อมูลกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมในเขต รพ. และโรงแรมบริเวณใกล้เคียง
  2. ตรวจสอบและเก็บข้อมูลกล้องวงจรปิดในเขตเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชและข้อมูลการเยี่ยมผู้ต้องขังว่าใครมาเยี่ยมเสี่ยแป้งบ้าง
  3. ตรวจสอบและเก็บข้อมูลกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมในเส้นทางที่ใช้หลบหนี
  4. สอบสวนปากคำพยานซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุเพิ่มเติม
  5. ให้แจ้งเจ้าน้าที่ตำรวจจาก สภ.ทุ่งสงมาร่วมปฏิบัติในการเก็บและตรวจสอบข้อมูลกล้องวงจรปิด

โดยเจ้าหน้าที่ได้ตั้งค่าหัวล่าเสี่ยแป้ง นาโหนด (นายเชาวลิต ทองด้วง) อายุ 37 ปี นักโทษอุกฉกรรจ์หนีจากโรงพยาบาล เป็นรางวัลนำจับ 100,000 บาท โดยหากพบ แจ้งเบาะแสได้ที่ เรือนจำกลาง นครศรีธรรมราช โทร. 075-803905 หรือ 096-641-1495

 

ขณะที่วันนี้มีนายเฉลิมพงษ์ ฤทธิรงค์ ผู้ถูกกล่าวหาในคดีเดินทางมาแสดงความบริสุทธิ์ที่สภ. เมืองนครศรีธรรมราชและได้เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า  ตนถูกกล่าวหาในคดีว่าเป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการที่ผ่านนายเชาลิตหลบหนีจากโรงพยาบาลมหาราช  ยืนยันว่าช่วงเวลาเกิดเหตุตนอยู่ที่บ้านพัก จ.พัทลุงตลอด  โดยมีพยานเป็นบุคคลในครอบครัว  จึงไม่ใช่ชายที่ปรากฏภาพในวงจรปิดขณะที่พานายเชาวลิตลงจากลิฟต์โรงพยาบาลแล้วหลบหนีออกมาแน่นอน

 

ทั้งนี้ตนก็ไม่ทราบว่าทำไมก่อนหน้านี้ทางตำรวจจึงตั้งตนเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดี  ซึ่งในช่วงเช้าก็มีชุดตำรวจไปบุกค้นบ้านพักของตนที่จังหวัดพัทลุงและก็ตกใจที่ตนไม่ได้หลบหนีออกจากพื้นที่  ส่วนที่ตนมาที่โรงพักวันนี้ก็เพื่อมาแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น

 

ส่วนตัวยอมรับว่ารู้จักกับนายเชาวลิตมาตั้งแต่เด็กเพราะโตมาด้วยกันที่จังหวัดพัทลุง  ซึ่งคนในจังหวัดพัทลุงก็จะรู้จักนายชวลิตกันทั้งนั้น  เนื่องจากว่านายเชาวลิตเป็นคนอัธยาศัยดี  มีน้ำใจ  และยังเคยเป็นนักการเมืองท้องถิ่น  ซึ่งช่วงสมัยที่นายชวลิตยังไม่ถูกดำเนินคดีต้นก็เคยไปเที่ยวและนั่งดื่มเหล้าด้วยกันบ่อยครั้ง  และบางครั้งนายเชาวลิตก็เคยให้ตนซ่อมรถให้เนื่องจากตนเปิดอู่ซ่อมรถ

 

ยืนยันระหว่างที่รู้จักนายเชาวลิตก็เห็นนายเชาวลิตเป็นคนมีพรรคพวกเยอะ แล้วก็มีลูกน้อง แต่ตนก็ไม่ทราบว่าใครเป็นลูกน้องคนสนิท  หรือคนที่อยู่ในกล้องวงจรปิดที่พาหลบหนีใช่ลูกน้องที่ตนเคยเห็นหน้าก่อนหน้านี้หรือไม่  ซึ่งระหว่างที่เจ้าตัวถูกดำเนินคดีหลายข้อหาตนก็ไม่ทราบข้อมูลในส่วนนี้  ทราบอีกทีตอนที่นายชวลิตเข้าไปอยู่ในเรือนจำกลางแล้ว  ยืนยันคนในพื้นที่ก็มีคนที่ชอบนายเชาวลิตและบางส่วนก็ไม่ชอบนายเชาลิตเช่นกัน แต่ส่วนที่ชอบนายเชาวลิตเนื่องจากเจ้าตัวเป็นคนมีน้ำใจชอบนำของไปแจกให้กับชาวบ้านที่ยากจนและช่วยเหลืออยู่เสมอ

 

 

 

ล่า "บอย-บิ๊ก" สมุนเสี่ยแป้งหวังแหกคุกฆ่า 2 พยาน ลากไส้แผนปิด รร.สุมหัวชิงตัว