แม่ช็อกฝากเลี้ยงลูก 4 เดือนกับสาวสอง อาการโคม่าหมดสติ

แม่อายุ 19 ปี ฝากลูกสาววัย 4 เดือนไว้กับพี่เลี้ยง สาวประเภท 2 แต่ไม่ถึง 24 ชั่วโมง พี่เลี้ยงอ้างเด็กสำลักนม ชักเกร็ง หมดสติ และหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ ล่าสุดอาการโคม่า

โดยนางสาวหนึ่งฤทัย (สงวนนามสกุล) แม่น้องน้ำเพชร อายุ 19 ปี เผยว่า ก่อนหน้านี้ตนรู้จักกับพี่เลี้ยงคนนี้ผ่าน Facebook ประกาศรับจ้างเลี้ยงเด็ก และ ณ ตอนนั้น ต้นได้บังเอิญไปเจอโพสต์ของนายแก้ม ซึ่งเป็นสาว ประเภทสองที่ประกาศรับเลี้ยงเด็ก โดยมีการจ้างเลี้ยงเป็นจำนวนเงิน 5,000 บาทต่อเดือน ตนจึงตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงคนดังกล่าว เนื่องจากตนต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดเป็นประจำ จึงไม่มีเวลาเลี้ยงดูลูก

หลังจากนั้น วันที่ 21 กันยายน 66 ตนได้มีการจ่ายเงินมัดจำให้กับนายแก้มเป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท และต่อมาวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา นายแก้มได้มีการทักแชทมาขอเบิกเงินล่วงหน้า จำนวนเงิน 500 บาท รวมทั้งค่าส่วนต่างเป็นเงินที่ซื้ออุปกรณ์เครื่องมือเลี้ยงดูเด็กอีก 400 บาท ซึ่งตนก็ได้ มีการโอนเงินจำนวน 900 บาทให้ พร้อมได้มีการส่งสลิปเงินไปในแชท

ต่อมาวันที่ 23 กันยายน 66 วันแรกตนได้นำรูปไปให้นายแก้มเลี้ยงเป็นวันแรก ก่อนที่ช่วงเย็นจะรับกลับมาอยู่ที่บ้าน จนกระทั่งวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา นายแก้มได้ติดต่อมาหาตน และบอกว่า ให้ตนกลับมารับลูกไปดูแลต่อ เนื่องจากแม่ของนายแก้มเข้าโรงพยาบาลจึงไม่สะดวกเลี้ยงดูเด็ก ณ ตอนนั้น ตนจึงเดินทางไปรับลูกสาวกลับบ้าน แต่ ที่เริ่มรู้สึกผิดสังเกต คือ หลังจากที่ตนรับลูกสาวกลับมา ลูกสาวมีอาการไข้ขึ้นติดต่อกันประมาณ 3 วัน ณ ตอนนั้น ตนเองจึงดูแลลูกจนกันดีขึ้น

จนกระทั่งวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา ตนได้นำลูกสาว กลับไปให้ในแก้มเลี้ยงดูอีกครั้ง โดยพาลูกไปเวลา 20:00 น. ตนยืนยันว่าตอนที่พาลูกไปส่งที่บ้านนายแก้ม ตอนนั้นลูกยังปกติดีทุกอย่างยังร่าเริง ไม่เป็นอะไรเลย

ต่อมาเช้าวันที่ 4 ต.ค. พี่สาวของตนได้รับแจ้งจากนายแก้ม ว่าเช้าวันนี้น้องมีไข้ และสำลักนม จนช่วงบ่ายลูกเริ่มหมดสติ ซึ่งตนได้รับการยืนยันว่าลูกหมดสติในเวลาบ่ายสอง ด้วยความตกใจตนจึงรีบโทรศัพท์หานายแก้มทันที เพื่อที่จะสอบถามอาการลูกสาวว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งในขณะนั้น นายแก้มได้บอกกับตนว่า “เขาปลุกน้องน้ำเพชรแล้ว แต่น้องไม่ยอมตื่น” ณ ตอนนั้น ตนเริ่มใจไม่ดี ตนจึงได้สอบถามกับนายแก้มอีกครั้งว่า “ ณ ตอนนี้น้องน้ำเพชรยังหายใจอยู่ไหม” ซึ่งทางนายแก้มก็ได้มีการเอาหูไปแนบบริเวณหน้าอกของลูกสาวตน ก่อนจะตอบกลับมาหาตนว่า “ตอนนี้น้องไม่หายใจแล้ว” หลังจากนั้น ตนจึงรีบบอกให้ในแก้มโทรศัพท์เรียกรถพยาบาล ก่อนที่ตนจะเดินทางไปที่บ้านนายแก้มที่ บริเวณอ่อนนุช ซอย 59 ทันที

ในระหว่างที่ตนกำลังเดินทางไปที่บ้านของนายแก้ม ตนได้โทรศัพท์พูดคุยกับนายแก้มอยู่ตลอดเวลา และพยายามบอกให้ในแก้มช่วยปั๊มหัวใจเบื้องต้นให้กับลูกสาวตนก่อน ในระหว่างที่รอรถ เจ้าหน้าที่พยาบาล

หลังจากนั้นตนได้ไปถึงบ้านของนายแก้มช่วงเวลาประมาณ 15:00 น. ก็พบว่า ขณะนั้นมีเจ้าที่พยาบาลกำลังปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับลูกสาวตน โดยพยายามช่วยกันปั๊มหัวใจ เนื่องจากขนาดนั้นลูกสาวตนมีอาการหัวใจหยุดเต้น จนทำให้ลูกสาวตนที่จะกลับมามีชีพจรอีกครั้ง ก่อนจะนำส่งโรงพยาบาลทันที


เปิดวงจรปิดนาทีช่วยน้องน้ำเพชรหมดสติ

นอกจากนี้ทีมข่าวได้ภาพกล้องวงจรปิด วันที่ 4 ตุลาคม 66 ช่วงเวลาประมาณ 14.36 น. จะเห็นได้ว่ามีเจ้าหน้าที่กู้ภัย และแพทย์ได้มีการเข็นรถนอน ผ่านเข้าไปที่บ้านเกิดเหตุ ก่อนที่จะเดินออกมา 14.45 น. พร้อมกับพยายามปั๊มหัวใจน้องน้ำเพชรที่กำลังนอนอยู่บนเตียงรถเข็น จากนั้นช่วงเวลาประมาณ 14.46 น. จะเห็นในแก้มสวมเสื้อสีขาวกางเกงขาสั้นเดินผ่านด้วยท่าทีสีหน้าเคร่งเครียดและดูท่าทางรีบ


ประธานกลุ่มเป็นหนึ่ง ได้เดินทางมาเยี่ยมเด็ก พร้อมพูดคุยรายละเอียดกับแม่เด็กถึงเหตุการณ์ดังกล่าว

ด้าน น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ ประธานกลุ่มเป็นหนึ่ง เผยว่า จากการตรวจสอบเรื่องราวดังกล่าว พบว่า นอกจากกรณีของหญิงสาวรายดังกล่าวนี้แล้ว พี่เลี้ยงคนนี้ยังมีประวัติเคยทำร้ายร่างกายเด็กเมื่อช่วงเดือนประมาณสิงหาคมที่ผ่านมาโดยตนได้รับข้อมูลจากผู้เสียหายซึ่งเป็นคุณแม่อีกรายว่า ก่อนหน้านี้เขาได้นำลูกวัย 4 เดือน มาจ้างให้นาย แก้มเลี้ยงดูแต่ผลปรากฏว่าลูกของเขาถูกนายแก้มทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ จนตาบวม ซึ่งทางนายแก้มอ้างว่าโทรศัพท์ตกใส่ แต่เขาไม่เชื่อ จึงรีบพาลูกไปส่งที่โรงพยาบาล แล้วปรากฏว่าลูกของหญิงสาวรายดังกล่าว มีอาการเลือดข้างในตา ที่บริเวณหูมีรอยกัด และบริเวณคอมีรอยบีบ ซึ่งหญิงสาวรายดังกล่าวจึงตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความกับพี่เลี้ยงทันที

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนตัวตนคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่น้องน้ำเพชรจะถูกทำร้าย เพราะพี่เลี้ยงคนดังกล่าวเคยมีประวัติทำร้ายร่างกายเด็กมาก่อน และทางเจ้าที่ตำรวจ เคยมีการออกหมายเรียกแล้วแต่ทางพี่เลี้ยงคนดังกล่าวก็ไม่ได้มีการมาเข้าพบกับทางเจ้าที่ตำรวจแต่อย่างใด จนขณะนี้ ต้นทราบข้อมูลจากทางเจ้าที่ตำรวจว่าได้มีการออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตนจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

 

คุมตัวนายแก้มสอบเครียด กรณีเด็กทารกบาดเจ็บสาหัส

ในขณะที่ทีมข่าวกำลังสัมภาษณ์นางสาวมิ้นอยู่ระหว่างนั้นทางเจ้าที่ตำรวจได้มีการเชิญตัว นายปิยพงษ์ หรือ นายแก้ม (พี่เลี้ยงเด็ก) มาพูดคุยถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเจ้าตัวมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด

ในส่วนด้านคดี เบื้องต้นได้มีการตั้งข้อกล่าวหาความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ในกรณีของน้องพอล เพราะผลแพทย์ได้มีการระบุชัดเจนว่า ถูกทำร้ายร่างกาย ในส่วนกรณีของน้องน้ำเพชรนั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างรอผลการแพทย์อยู่ ก่อนมีการตั้งข้อกล่าวหา


ผู้เสียหายอีกรายโผล่ฝากลูกไปเลี้ยงกับนายแก้ม

ขณะเดียวกันทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางมาที่ สน.ประเวศ เพื่อมาพบกับนางสาวมิ้น (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี ผู้เสียหายอีก 1 ราย เผยว่า ก่อนหน้านี้ตนมีความจำเป็นที่จะนำน้องพอล ซึ่งเป็นลูกชายวัย 4 เดือน ไปฝากพี่เลี้ยงเด็ก จึงเสิร์ชหาข้อมูล และเห็นว่านายแก้มมีการโพสต์รับเลี้ยงเด็ก ประกอบ กลับสถานที่เลี้ยงเด็กก็อยู่ใกล้บ้าน จึงตัดสินใจนำลูกชายไปฝากเลี้ยงกับนายแก้ม

หลังจากนำลูกชายไปฝากไว้กับนายแก้มได้เพียง 20 วัน ณ ตอนนั้น ตนเองป่วยและไม่สบายจึงไม่สามารถไปเยี่ยมลูกชายได้ จึงให้นายแก้มส่งคลิปและรูปของลูกชายส่งมาให้ดูทางไลน์ กลับปรากฏว่านายแกมีพิรุธและเงียบหายไปเมื่อส่งคลิปมาให้อีกทีนึงก็เห็นร่องรอยบาดแผลบริเวณใบหน้าและตามร่างกายของลูกชายจึงตัดสินใจเข้าไปหา

เมื่อไปถึงนางแก้มก็ทาแป้งให้กับลูกชายแต่เมื่อลองลบแป้งดูก็เห็นว่ามีบาดแผลและร่องรอยได้รับบาดเจ็บจริงโดยเฉพาะบริเวณแก้มทั้งซ้ายและขวาของใบหน้า บริเวณใบหูยังพบร่องรอยเหมือนถูกกัด ซึ่งเชื่อว่าน่าจะโดนนายแก้มกัด บริเวณลำคอยังพบร่องรอย คล้ายถูกบีบคออีกด้วย

เมื่อถามนายแก้ม ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายตัวเองนายแก้มอ้างว่า ทำโทรศัพท์ตกใส่ ส่วนแผลอีกจุดหนึ่งเกิดขึ้นเพราะ น้องมีอาการคันจึงเกาที่บริเวณใบหน้าเอง ในขณะที่นำน้องมาส่งให้นายแก้มยังมีพิรุธด้วยการห่อน้องมาอย่างมิดชิดเหมือนไม่อยากให้แม่เห็นร่องรอยบาดแผล

นายแก้มปฏิเสธยืนยันว่า ไม่ได้ทำร้ายร่างกายลูกของตัวเอง แต่ตัวเองไม่เชื่อจึงไปพบคุณหมอที่โรงพยาบาลและมาแจ้งความในวันรุ่งขึ้นเพื่อดำเนินคดีทันที