ปาฏิหาริย์มีจริง ย่าน้องเตยเด็กกตัญญูมองเห็นแล้ว หลังรพ.และอาจารย์เอกฝ่ามือพลังจิตช่วยรักษา

ความคืบหน้ากรณีเด็กหญิง 4 ขวบหัวใจแกร่งที่คุณครูอุ้ม ไปเจอนั่งล้างจานอยู่ที่บ้านและได้นำเรื่องราวชีวิตของน้องมาโพสต์ลงโซเชียล ว่าน้องเตย อาศัยกับคุณย่าตาบอด 2 คนย่าหลานชีวิตสุดลำบากจนต่อมาหน่วยงานต่างๆ รวมถึงคนไทยจำนวนมากแห่บริจาคช่วยเหลือเกือบ 6 ล้านบาทพลิกชีวิต 2 ย่าหลาน ล่าสุดทราบข่าวว่าคุณย่า ซึ่งได้รับการรักษาดวงตาที่บอดมองไม่เห็นมาตั้งแต่ ปี 2546 เริ่มกลับมามองเห็นอีกครั้ง

ล่าสุดผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านสองย่าหลานอีกครั้ง ก็พบนางเสา จินดาศรี อายุ 68 ปี ผู้เป็นย่านั่งอยู่ที่เตียงหน้าบ้าน ส่วนน้องเตยหลานวัย 4 ขวบ ก็วิ่งเล่นอยู่หน้าบ้าน จากการสอบถามคุณย่า ก็บอกว่า ตาข้างซ้ายที่บอดสนิทมาตั้งแต่ปี 2546 เริ่มกลับมามองเห็นอีกครั้ง ส่วนตาข้างขวาที่เพิ่งบอดสนิทเมื่อ 2 ปีก่อน ตอนนี้ก็ยังมองไม่เห็นเหมือนเดิม ซึ่งตาข้างซ้ายที่กลับมามองเห็นอีกครั้งเชื่อว่าน่าจะเป็นเพราะได้รับการรักษาทั้งแพทย์แผนปัจจุบันของทางรพ. รวมถึงอาจารย์เอกฝ่ามือพลังจิตที่เดินทางมาบำบัดรักษาด้วยวิธีการใช้ฝ่ามือพลังจิตถึง 2 ครั้งด้วย

ผู้สื่อข่าวจึงลองให้คุณย่าเสา ทดสอบดูด้วยการชูนิ้วให้คุณย่าทาย ซึ่งเมื่อคุณย่าใช้มือปิดตาข้างขวาไว้ แล้วมองข้างซ้ายข้างเดียวก็สามารถตอบถูกว่ายกกี่นิ้ว รวมถึงสามารถตอบได้ว่าใส่เสื้อสีอะไร แต่ยังเห็นหน้าคนได้ไม่ชัด นอกจากนี้ยังลองให้คุณย่าเสา เดินเข้า-ออกภายในบ้านโดยไม่ต้องใช้ไม้คลำทางเหมือนเมื่อก่อนคุณย่าก็สามารถเดินได้ แต่ก็ต้องเดินช้าๆ เพราะยังมองเห็นไม่ชัดมากประกอบกับอายุมากด้วย

คุณย่าเสา บอกว่า เห็นแค่นี้ก็ดีใจมากแล้วแต่ก็มีความหวังว่าหากได้รับการรักษาทางการแพทย์อย่างต่อเนื่องก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วนที่อาจารย์เอกฝ่ามือพลังจิตบอกให้ไปบำบัดรักษาที่กรุงเทพฯนั้น ก็คงจะไม่ได้ไปเพราะไม่สะดวกในการเดินทาง แต่ก็ขอบคุณทั้งแพทย์ พยาบาล หน่วยงานรัฐ และทุกคนที่มีส่วนช่วยตนเองและหลานสาวด้วย ส่วนน้องเตย คุณครูอุ้มก็ยังขับรถมารับ-ส่งทุกวัน

สำหรับยอดเงินบริจาค 5,900,000 บาท ซึ่งได้แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.เงินจำนวน 4 ล้านบาทให้น้องไว้ดำรงชีพเมื่อบรรจุนิติภาวะ 2.เงินจำนวน 1.9 ล้านบาทให้คุณย่าเพื่อดำรงชีพ โดยมีคณะกรรมการในชุมชนเป็นผู้ดูแลช่วยคุณย่าอีกทาง ในส่วนของที่อยู่อาศัย ทางภาครัฐก็จะเข้ามาดำเนินการให้

ซึ่งจากการสอบถามคุณย่าก็บอกว่าตอนนี้ยังไม่ได้เบิกเงินแม้แต่บาทเดียว เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะเริ่มดำเนินการซ่อมสร้างบ้านให้เดือนหน้า ซึ่งตนก็ตั้งใจว่าหากเงินที่ภาครัฐช่วยไม่เพียงพอซ่อมสร้าง ก็จะนำเงินที่ได้รับบริจาคมาเพิ่มเติมเพื่อให้มีบ้านอยู่อาศัยที่สะดวกและปลอดภัยต่อการดำเนินชีวิต