กรณีเท้าแชร์วูบดับริมท่าน้ำ แม่ไม่เชื่อเพื่อนที่ไปด้วยอ้างเหตุผลที่ไม่หยุดช่วย เพราะรีบไปงานทอดกฐิน สุดงงพาไปทำธุระ แต่กลับทิ้งทรัพย์สินคนตายลงถังขยะ

วันที่ 18 เม.ย. 2566 จากกรณีการเสียชีวิตของนางสาวศิริพร ขันวงษ์ หรือก้อย อายุ 32 ปี ชาวจังหวัดกาญจนบุรี ที่เป็นลมขณะกำลังปล่อยปลาริมท่าน้ำแม่น้ำแม่กลองในพื้นที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เมื่อ 14 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งยังคงเป็นปริศนา หลังญาติยังคงคาใจสาเหตุการตาย ถึงแม้ว่าเมื่อวานนี้ (17 เม.ย.) หญิงสาวที่เดินทางไปด้วยกันในกล้องวงจรปิด ได้ออกมายอมรับแล้วว่า คือ นางสาวแอม เพื่อนสนิทของผู้ตายเอง

พร้อมอ้างเหตุผลที่ไม่ยอมช่วยนางสาวก้อยผู้ตาย เพราะคิดว่า นางสาวก้อยแค่เป็นลมคงไม่ถึงขั้นตาย ประกอบกับต้องรีบไปร่วมงานทอดกฐินที่ จ.สุโขทัย ส่วนทรัพย์สินของผู้ตาย เธออ้างว่า ได้โยนทิ้งลงถังขยะหน้าบ้านตัวเองทั้งหมด เพราะกลัวจะเดือดร้อนที่ก่อนหน้าจะเกิดเรื่อง ผู้ตายมาขอร้องให้แอบพามาส่งเพื่อนัดเจอกับเสี่ยคนหนึ่งที่ผู้ตายมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง

ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางไปพบนางทองพิน อายุ 63 ปี แม่ของนางสาวก้อย บอกกับทีมข่าวทั้งน้ำตาว่า เธอยังมั่นใจการเสียชีวิตของลูกสาวนั้นเป็นการฆาตกรรมแน่ ลูกสาวอาจจะถูกวางยาให้ตาย ไม่เชื่อว่าเกิดจากอุบัติเหตุหรือโรคประจำตัว เนื่องจากที่ผ่านมาลูกสาวเป็นคนแข็งแรงดี ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้าต้องกินยาคลายเครียดบ้างบางครั้งก็ตาม

และทันทีที่ตนเองเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นหญิงสาวปริศนา ซึ่งตอนนั้นไม่รู้ว่าคนนั้น นางสาวแอม เพื่อนสนิทของลูกสาว ก็คิดอยู่แล้วว่า หญิงสาวคนนี้ดูมีพิรุธผิดปกติ เนื่องจากเดินทางมาด้วยกันแต่กลับไม่ลงไปช่วยเหลือลูกทั้งๆ ที่เห็นว่าเป็นลมหมดสติ แถมยังขึ้นรถขับหลบหนี เอาทรัพย์สินของลูกสาวทั้งโทรศัพท์มือถือ, เงินสดเกือบ 50,000 บาท, กระเป๋าแบรนด์เนมของลูกสาวนำไปทิ้งถังขยะทั้งหมดอีก ซึ่งเป็นพิรุธอย่างมาก

ยอมรับว่า หลังเกิดเหตุตนเองยังไม่ได้ติดต่อพูดคุยกับนางสาวแอมเลยสักครั้ง ไม่ได้รับคำขอโทษอะไรจากนางสาวแอมเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เวลามีเรื่องอะไรนางสาวแอมก็จะพูดคุยถามไถ่ตนเองตลอด เพราะตนเองก็รักนางสาวแอมเหมือนลูกคนหนึ่ง เนื่องจากนางสาวแอมรู้จักและสนิทสนมกับลูกสาวมากว่า 10 ปี โตมาด้วยกัน ขายของที่ตลาดนัดมาด้วยกัน

เช่นเดียวกับนางสาวนิภาวรรณ ขันวงษ์ พี่สาวของผู้เสียชีวิต ที่ไม่เชื่อคำกล่าวอ้างของนางสาวแอมที่บอกว่า น้องสาวของตนเองขอร้องให้นางสาวแอมขับรถพาไปส่งเพื่อไปเจอกับเสี่ยคนหนึ่ง เพราะที่ผ่านมาน้องสาวมีคนคุยอยู่แล้วและไม่เคยมีเสี่ยคนไหนคอยเลี้ยงดูน้องสาว และหากมีตนเองก็จะต้องรู้เพราะน้องสาวพูดคุยปรึกษากับตนเองทุกเรื่อง และถ้าน้องสาวไปหาผู้ชายคนอื่น ไม่อยากให้ครอบครัวรู้จริง ทำไมน้องต้องขอร้องให้นางสาวแอมไปด้วย สู้ไปคนเดียวไม่ง่ายกว่าหรือ

รวมถึงทรัพย์สินของน้องสาวที่อยู่บนรถเก๋งของนางสาวแอมทั้งหมด ซึ่งอ้างว่าได้โยนทิ้งถังขยะก็ฟังไม่ขึ้นเพราะทรัพย์สินมูลค่ามากมายขนาดนั้นจะนำไปทิ้งถังขยะเพื่ออะไร ทำไมถึงต้องทำลายหลักฐานขนาดนั้น และหากทิ้งไว้จริงทำไมทั้งตำรวจและนักข่าวไปหาก็ยังไม่เจอ

เช่นเดียวกับ นายรพี ชำนาญเรือ รุ่นพี่ของนางสาวก้อยที่เป็นคนออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมตั้งแต่วันแรก บอกถึงสิ่งที่ครอบครัวผู้ตายกังวล ทั้งหมด 3 ประเด็น คือ

1. คดีนี้นางสาวแอมผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ มีความสัมพันธ์เป็นถึงภรรยาของเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ พันตำรวจโท ดำรงตำแหน่งรองผู้กำกับการสอบสวน สภ.บ้านโป่ง ซึ่งเป็นเขตพื้นที่เดียวกับที่เกิดเหตุ เกรงว่า จะถูกแทรกแซงในการทำคดีหรือไม่

2.ผลชันสูตรชิ้นเนื้อและเลือดที่ตำรวจนำส่งจากโรงพยาบาลราชบุรีส่งไปยังโรงพยาบาลศิริราชเพื่อตรวจหาสารพิษในร่างกายนางสาวก้อย ต้องรออีกนานแค่ไหนอยากให้ตำรวจเร่งรัด เพราะหากออกช้า ทางครอบครัวก็ต้องเลื่อนเผาศพที่กำหนดเผาไว้วันพฤหัสที่ 20 เมษายน 2566 ออกไปก่อน

3.ปมข้อสงสัย และข้อพิรุธไม่ว่าจะเป็นหลักฐานเรื่องทรัพย์สินของนางสาวก้อยผู้เสียชีวิตได้ถูกนางสาวแอมนำไปทิ้ง ตอนนี้ก็ยังหาไม่เจอ ไม่รู้อยู่ไหน ทิ้งถังขยะจริงหรือเปล่า และนางสาวแอมทำเป็นไม่รู้เห็นในวันที่นางสาวก้อยเสียชีวิต บ่ายเบี่ยงมาตลอด อยากให้ตำรวจเค้นสอบนางสาวแอมให้ชัด

ทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านพักของนางสาวแอม ซึ่งเป็นแฟลตตำรวจในพื้นที่ ต.ปากแพรก อ.เมืองกาญจนบุรี พบว่า บ้านพักถูกปิดเงียบ ประตูบ้านถูกใส่กุญแจล็อกไว้ และไม่พบทรัพย์สินของผู้ตายที่นางสาวแอมอ้างอยู่ภายในถังขยะแล้ว

ความคืบหน้าทางคดีล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 โทรศัพท์สอบถามไปยังทางตำรวจเอกปิยะพงษ์ วงศ์เกตุใจ ผู้กำกับ สภ.บ้านโป่ง เปิดเผยว่าล่าสุดพนักงานสอบสวนได้ รวบรวมหลักฐาน แจ้งข้อหาลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ กับนางสาวแอม ผู้ต้องสงสัยในคดีไว้ก่อนแล้ว 1 ข้อหา หลังมีพยานหลักฐานเพียงพอขอศาลออกหมายจับ เนื่องจากนางสาวแอม ขับรถออกจากที่เกิดเหตุโดยรู้ว่ามีทรัพย์สินของผู้ตายหลายรายการอยู่ภายในรถด้วย ส่วนทรัพย์สินของผู้ตายทั้งหมดที่นางสาวแอมอ้างว่าได้โยนทิ้งถังขยะหน้าบ้าน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกำลังไล่ติดตามหาทรัพย์สินทั้งหมดอยู่แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่พบ

ส่วนรถโตโยต้าวีออสสีบลอนด์ ที่นางสาวแอมใช้พานางสาวก้อยไปวันเกิดเหตุ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เป็นรถที่หนีผ่อนมา และรถมีการสวมทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบว่า เป็นรถที่นางสาวแอมได้มาจากที่ใด และหากเข้าข่ายความผิดก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมอีกครั้ง