ชาวบ้านสุดงง จอดอยู่ดีๆ เกิดไฟปริศนาไหม้รถไถและรถพ่วงบรรทุกมันสำปะหลังที่เพิ่งซื้อมา 2 เดือน กลายเป็นซาก เผยเกิดเหตุเดือนนี้ 3 คันแล้ว ความเสียหายคันละ 1 ล้านบาท ตำรวจ สภ.สามชัย จ.กาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบแล้ว

วันที่ 25 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณไร่อ้อยและไร่มันสำปะหลัง บ้านห้วยยาง ต.หนองช้าง อ.สามชัย จ.กาฬสินธุ์ พ.ต.ท. กิตต์ธานี ทิพย์ศิริคำ พนักงานสอบสวน สภ.สามชัย จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และนายกอบโชคชีพ โพธิ์สอน รองประธาน สภา อบต.สำราญ อ.สามชัย เข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ไฟไหม้รถไถ และพ่วงบรรทุกมันสำปะหลัง โดยมีนายนรินทร์ อายุ 35 ปี คนขับ และชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ให้ข้อมูล

สอบถามนายนรินทร์ คนขับและคนเห็นเพลิงไหม้คนแรก กล่าวว่า ตนเป็นคนงานขับรถไถลากพ่วงบรรทุกหัวมันสำปะหลัง โดยมีนายบุญเลิศ เป็นนายจ้าง ซึ่งเหตุไฟลุกไหม้รถไถคันดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 12.00 น.ของวันที่ 22 ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา หลังจากที่ตนขับรถไถพ่วงบรรทุกหัวมันสำปะหลังเกือบเต็มพ่วงมาจอดพักและดับเครื่องยนต์ไว้ เพื่อรับประทานอาหารเที่ยงกับเพื่อนคนงานอีก 2 คน โดยอยู่ห่างจากจุดที่รถไถคันดังกล่าวจอดประมาณ 500 เมตร อยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงดังคล้ายเสียงระเบิด มาจากทิศทางที่รถไถและรถพ่วงบรรทุกหัวมันสำปะหลังจอดอยู่ ก่อนที่จะมองเห็นเปลวไฟลุกพรึ่บขึ้นที่ตัวรถไถ ประกอบกับช่วงนั้นอยู่กลางไร่อ้อยที่ตัดอ้อยออกไปขายหมดแล้ว จึงกลายเป็นลานกว้าง พร้อมกับมีลมหนาวกระโชกแรง จึงทำให้ไฟโหมไหม้ขึ้นอย่างรวดเร็ว

นายนรินทร์ กล่าวอีกว่า เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังนั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดไฟไหม้ ตนถึงกับช็อคไปชั่วขณะ ก่อนที่จะตั้งสติได้และชวนเพื่อนวิ่งมาที่จุดเกิดเหตุ เพื่อช่วยกันดับไฟ แต่ก็สุดความสามารถเนื่องจากสถานที่เกิดเหตุไม่มีอุปกรณ์ช่วยดับไฟเลย โดยเฉพาะอยู่กลางไร่อ้อย ห่างจากหมู่บ้าน 3 กม.และอยู่ห่างถนนใหญ่ 6 กม. จึงไม่สามารถดับไฟได้ ในขณะที่ไฟได้โหมไหม้รถไถหมดทั้งคัน และยังลามไปไหม้ถึงส่วนของพ่วงบรรทุกหัวมันสำปะหลัง ได้รับความเสียหายเกือบทั้งคัน ตนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนงง และตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าเกิดไฟไหม้รถไถได้อย่างไร เพราะมั่นใจว่าไม่มีใครแอบมาวางเพลิงแน่นอน และไม่มีใครสูบบุหรี่ ที่จะทิ้งก้นบุหรี่ให้เป็นต้นเหตุของการเกิดไฟไหม้ได้

ด้านนายกอบโชคชีพ โพธิ์สอน รองประธาน สภา อบต.สำราญ กล่าวว่า สำหรับเหตุไฟไหม้รถไถ และพ่วงบรรทุกอ้อยและหัวมันสำปะหลังดังกล่าว ในพื้นที่และภายในรอบเดือน ม.ค. นี้ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าเกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันแล้ว 3 ครั้ง รถไถได้รับความเสียหาย ถูกไฟเผาวอดเป็นเศษเหล็กทั้ง 3 คน ราคาคันละประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งคันนี้เป็นคันล่าสุด และทราบจากเจ้าของรถไถว่า เพิ่งซื้อมาใช้งานเพียง 2 เดือนเท่านั้นเอง แต่ก็มาเกิดเหตุไฟไหม้เสียหายหมด อย่างไรก็ตาม สำหรับสาเหตุของการเกิดไฟไหม้รถไถและพ่วงบรรทุกหัวมันสำปะหลังครั้งนี้ เจ้าหน้าที่สันนิษฐานสาเหตุเบื้องต้นเกิดจากระบบวงจรไฟในตัวรถขัดข้อง ซึ่งจะมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง