ไม่รอด! ศาลฎีกาพิพากษา "อนุรักษ์" ส.ส. เพื่อไทยมุกดาหาร ตบทรัพย์อธิบดีกรมน้ำบาดาล 5 ล้าน สั่งพ้น ส.ส. และห้ามลงสมัครตลอดชีวิต

วันที่ 6 ม.ค.66 ศาลฎีกานัดพิพากษาคดีระหว่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะผู้ร้องกับนายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย ผู้คัดค้าน กรณีสืบเนื่องจากนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวในที่ประชุมอนุกรรมาธิการแผนบูรณาการ 2 ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ว่ามีอนุกรรมาธิการบางคนโทรศัพท์เรียกเงิน 5 ล้านบาท แลกกับการผ่านงบประมาณ

โดยก่อนเข้าฟังคำพิพากษา นายอนุรักษ์มีสีหน้าที่มั่นใจ ว่าจะชนะคดี เนื่องจากมีนายวสันต์สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญเป็นหัวหน้าทีมทนายความให้ พร้อมยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรผิด

จากนั้นเวลา 10.30 น. ศาลฎีกาออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาคดี ว่านายอนุรักษ์ ฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยให้พ้นจาก ตำแหน่ง ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย นับตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2564 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกามีคำสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ ให้เพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งตลอดไป ไม่มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ และเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาทันที

ซึ่งศาลพิเคราะห์ตามพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า นายอนุรักษ์มีพฤติการณ์ ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 235 วรรคหนึ่งประกอบมาตรฐานทางจริยธรรมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ตรวจการแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 7-8-9 ประกอบข้อ 28 วรรคหนึ่ง จากกรณี เรียกรับผลประโยชน์และเงินจำนวน 5 ล้านบาทจริง

เนื่องจากไม่มีเหตุผลที่นายอนุรักษ์ในฐานะอนุกรรมการพิจารณาศึกษางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 จะต้องติดต่อกับนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และนายภาดล ถาวรกฤชรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ หน่วยงานผู้ขอรับงบประมาณโดยตรง เพราะสภาผู้แทนราษฎรได้มีข้อกำหนด ไว้ชัดเจนว่าหากอนุกรรมาธิการต้องการเอกสาร การขอรับงบประมาณเพิ่มเติม ให้ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมาธิการเป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานขอรับงบประมาณแทน โดยไม่จำเป็นต้องโทรศัพท์ติดตามเอกสารด้วยตนเอง อันจะเป็นเหตุให้เป็นช่องทางให้เกิดการสมรู้เพื่อให้มีการผ่านการพิจารณางบประมาณได้

ส่วนที่ต่อสู้ว่านายศักดิ์ดามีสาเหตุโกรธเคืองมาก่อนนั้น แม้จะมีพยานบุคคลมาเบิกความตรงกับที่ผู้คัดค้านให้การไว้ในชั้นไต่สวนของ ป.ป.ช. แต่ผู้คัดค้านไม่ได้ยกเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นทันทีที่มีโอกาส กลับปล่อยให้เวลาเนิ่นนานไป

หลังจากนี้ศาลฎีกา จะส่งคำพิพากษาไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งนายอนุรักษ์ ถือเป็น นักการเมือง คนที่ 2 ที่ต้องพ้นจากความเป็น ส.ส. จากคดี ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง คนแรก คือ นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ จากคดีบุกรุกพื้นที่ป่าราชบุรี