กลุ่มวัยรุ่น10 คนรุมทำร้ายเด็ก อายุ 15 ปี หวิดเบ้าตาแตก โชคดีโดนขอบตา อีกนิดเดียวเข้าเบ้าตา ญาติขอเอาเรื่องถึงที่สุด เพราะเหตุเกินในรั้วของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ระยอง


ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "วัยรุ่น ระยอง" โพสต์ข้อความลงในกลุ่ม "ชาวตะพง รักตะพง"ข้อมูลระบุว่าขออนุญาต แอดมินค่ะเมื่อวานวันพฤหัสบดีเมื่อเวลาช่วง 4 โมงครึ่ง ได้มีเหตุทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายบริเวณในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจ.ระยอง โดยผู้บาดเจ็บเป็นน้องชายของผู้โพสต์ มีบาดแผลที่เบ้าตา

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับผู้โพสต์ ชื่อ น.ส.วรรธิดา ศรีโชติ อายุ 24 ปี เมื่อไปถึง น.ส.วรรธิดา ได้ชี้บาดแผลที่ด.ช. ต่อวัย 15 ปี น้องชายที่ตกเป็นเหยื่อโดนรุมทำร้าย ตรงเบ้าตามีบาดแผลบวมแดง

น.ส.วรรธิดา ยังได้โชว์ใบตรวจร่างกายและใบลงบันทึกประจำวันให้ดูด้วย โดยเธอเล่าให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ที่ผ่านมา ช่วงเวลา 16.30 น.น้องชายได้ไปหาซื้อของกินและเลยไปนั่งเล่นอยู่ริมสนามฟุตบอลของโรงเรียนแห่งหนึ่ง อ.เมือง จ.ระยอง โดยระหว่างนั่งเล่นอยู่นั้นได้มีกลุ่มวัยรุ่นนับ 10 คนเข้ามาหาและเรียกน้องชายเข้าไปหาและกล่าวหาว่า น้องชายตนไปเบิ้ลเครื่องรถจักรยานยนต์ใส่ แต่ยังไม่ทันได้ถามจนได้คำตอบ ก็มี 3 คนในกลุ่มวัยรุ่นได้รุมชกต่อยด.ช.ต่อ ทันทีจนได้รับบาดเจ็บที่เบ้าตา หากเลยไปอีกนิดเดียวตงโดนตาแตก

หลังจากเกิดเรื่องกลุ่มวัยรุ่นจึงพากันหนีไป ระหว่างนั้นมีชาวบ้านเห็นเหตุการณ์และจำได้ด้วยว่า กลุ่มวัยรุ่นที่ทำร้ายด.ช.คนดังกล่าว คือวัยรุ่นในตะพง ต่อมาครอบครัวได้พาเด็กไปตรวจร่างกายและแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองระยอง เพื่อจะให้ตำรวจติดตามผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป

พี่สาวของผู้บาดเจ็บระบว่า การกระทำของกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว มันรุนแรงเกินไป หากเด็กผิดจริง ก็แค่ว่ากล่าวตักเตือนก็พอหากทำรุนแรงแล้วเบ้าตาแตก ตาบอดขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นจะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุดไม่ยอมความใดๆทั้งสิ้น เพราะไม่เคยมีเรื่องหมางใจกันมาก่อน

สำหรับ ด.ช.ต่อ ปัจจุบันพักการเรียนอยู่เนื่องจากมีปัญหาสุขภาพเลยขาดเรียนบ่อยจึงทำให้ต้องพักการเรียนไว้ก่อน

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นจุดเกิดเหตุอยู่ภายในเขตโรงเรียน แต่กลุ่มวัยรุ่นยังกล้าที่จะก่อเหตุโดยไม่ได้สนใจหรือมีความเคารพครูบาอาจารย์และยังกล้าก่อเหตุในเขตโรงเรียน

เบื้องต้นทาง ผอ.โรงเรียนที่เกิดเหตุทราบเรื่องแล้ว รอรวบรวมหลักฐานและจะเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.เมืองระยองต่อไป