ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศของสหประชาชาติ (ICJ) มีมติ 13 ต่อ 2 เสียง สั่งให้รัสเซียยุติการรุกรานยูเครนโดยทันที ด้าน 'เซเลนสกี' ระบุ หากรัสเซียเพิกเฉย รัสเซียจะถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวมากขึ้น

 

(17 มี.ค. 65) สืบเนื่องจากวันที่ 16 มีนาคม 2565 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศของสหประชาชาติ (ICJ) ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้มีมติสั่งให้รัสเซียยุติการรุกรานยูเครนในทันที โดยกล่าวว่า ศาลไม่พบหลักฐานใด ๆ ที่สนับสนุนการอ้างเหตุผลของรัสเซียในการทำสงครามที่ว่า ยูเครนได้กระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวรัสเซียในภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออกของยูเครน

โดยศาลปกครองมีมติดังกล่าว ด้วยคะแนนเสียง 13 ต่อ 2 เสียง สำหรับคำสั่งชั่วคราวที่ว่า “สหพันธรัฐรัสเซียจะระงับการปฏิบัติการทางทหารในดินแดนยูเครนในทันที” มีเพียงผู้พิพากษาชาวรัสเซีย และชาวจีนในศาลที่โหวตไม่เห็นด้วยกับคำสั่งนี้

 

 

ประธานศาลฯ โจน โดโนฮิว ผู้พิพากษาสหรัฐฯ กล่าวว่า “ศาลฯ ไม่มีหลักฐานยืนยันข้อกล่าวหาของรัสเซียเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในดินแดนยูเครน ไม่ว่าในกรณีใด นี่เป็นเรื่องมิชอบ เนื่องจากอนุสัญญาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไม่ได้มอบอำนาจใด ๆ สำหรับการใช้กำลังในอาณาเขตของรัฐอื่น” ด้วยเหตุนี้ เธอจึงกล่าวว่า “ศาลเห็นว่ายูเครนมีสิทธิ์ที่จะไม่ต้องอยู่ภายใต้การปฏิบัติการทางทหารของสหพันธรัฐรัสเซีย”

 

 

คำตัดสินของศาลฯ มีผลผูกพันภายใต้กฎบัตรของสหประชาชาติ และคำสั่งศาลระบุว่า "สร้างภาระผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศสำหรับฝ่ายใดก็ตามที่ได้รับการจัดการตามมาตรการชั่วคราว" แต่ทั้งนี้ ไม่มีวิธีการบังคับใช้ ซึ่งไม่น่าจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของปูติน แต่กลายเป็นข้อพิสูจน์ถึงข้ออ้างที่เขาใช้ เป็นตัวจุดชนวนของสงครามอยู่บ่อยครั้ง

ยูเครนได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์ในคดีกับรัสเซียที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน กล่าวในทวิตเตอร์ “ICJ สั่งให้หยุดการบุกรุกทันที คำสั่งมีผลผูกพันตามกฎหมายระหว่างประเทศ รัสเซียต้องปฏิบัติตามทันที การเพิกเฉยต่อคำสั่งดังกล่าวจะทำให้รัสเซียต้องโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้น” 

 

 

คำสั่งดังกล่าวเป็นการตอบสนองต่อการอุทธรณ์ของยูเครนต่อศาล เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยขอให้มีการพิจารณาคดีอย่างเร่งด่วนเกี่ยวกับการเรียกร้องที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียว่า กองกำลังยูเครนทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในเขตปกครองโดเนตสค์ และลูฮันสค์

ทั้งนี้ รัสเซียไม่ได้เข้าร่วมการพิจารณาคดีเบื้องต้นในวันที่ 4 มีนาคม และทนายความของรัสเซียก็ไม่มาฟังคำตัดสินดังกล่าวเมื่อวานนี้เช่นกัน แต่พวกเขาส่งจดหมายไปยังศาลฯ โดยอ้างว่า ICJ ไม่มีอำนาจในคดีนี้ 

ด้าน มาร์โค มิลาโนวิช ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายมหาชนระหว่างประเทศแห่งมหาวิทยาลัยนอตติงแฮม กล่าวว่า “ศาลยอมรับข้อโต้แย้งทั้งหมดของยูเครน”

เขาบอกว่า “ความล้มเหลวของรัสเซียในการปฏิบัติตามคำสั่งนี้จะมีผลเช่นเดียวกับการไม่ปรากฏตัว คือ เป็นการแสดงการไม่เคารพกฎหมายและสถาบันระหว่างประเทศ ทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง และกลายเป็นช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้ยูเครนเป็นรัฐที่ใช้วิธีการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีทางกฎหมาย