วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ที่วังปู่ปาริจิต นาลุงพล-ป้าแต๋น อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร กลุ่มผู้สนับสนุนและยูทูปเบอร์สายลุงพล ได้จัดพิธีบายศรีสู่ขวัญ เพื่อเรียกขวัญลุงพล-ป้าแต๋นให้กลับมาอยู่กับตัว โดยมีการจัดเตรียมด้ายสายสิญจน์สำหรับผูกข้อมือ ไข่ต้ม อาหารทั้งคาวหวาน ตามประเพณีชาวอีสาน เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจ หลังมีคำสั่งเลื่อนอ่านคำพิพากษาในคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่



นอกจากนี้ ยังมีบรรดาแฟนคลับ ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดและต่างประเทศ นำเงินสด ทั้งแบงค์พัน แบงค์ห้าร้อย แบงค์ร้อย มาผูกกับสายสิญจน์ ก่อนจะผูกข้อไม้ข้อมือให้กับลุงพลป้าแต๋นด้วย โดยบางท่านได้นำพวงมาลัยเงิน มาคล้องคอให้กับลุงพล ป้าแต๋นด้วย ซึ่งระหว่างนั้น ลุงพลถึงกับน้ำตาไหล ให้ความตื้นตันที่เห็นแฟนคลับจำนวนมากเดินทางมาให้กำลังใจอย่างอบอุ่น

ลุงพลหลั่งน้ำตา ตื้นตัน FC ให้กำลังใจ

หลังเสร็จสิ้นพิธีผูกข้อมือ ลุงพล กล่าวว่า สำหรับพิธีบายศรีสู่ขวัญ แฟนคลับของเรา ได้จัดเตรียมไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ว่าเราไปฟังคำพิพากษาจะออกมาเป็นอย่างไร งานในวันนี้ก็ยังจะเกิดขึ้นอยู่ดี ซึ่งประเพณีบายศรีสู่ขวัญเป็นประเพณีของคนอีสานที่จะที่จะรับขวัญที่ญาติผู้ใหญ่ให้ความรักเรามาซึ่งเป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์พิธีหนึ่ง



โดยในช่วงหนึ่งที่ตนน้ำตาคลอเพราะมันเป็นความตื้นตันใจ ที่เห็นชาวบ้านและคนในชุมชนหลั่งไหลเข้ามาให้กำลังใจเรามากมาย ซึ่งก็ทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้นเพราะที่ผ่านมาครอบครัวของเราก็โดนกระทำมาเยอะ



ทั้งนี้ลุงพล ยังกล่าวว่า เมื่อวานนี้ (31 ตุลาคม 2566) ได้พาทีมทนายไปที่บ้านกกกอก แต่ไม่ได้พาไปขึ้นเขา เพียงแต่ไปดูบ้านที่ตนเคยพักอาศัยอยู่เท่านั้น เพราะเป็นทางผ่าน ที่จะต้องมา จ.สกลนคร สำหรับแผนการก่อนถึงวันฟังคำพิพากษา 20 ธันวาคม 2566 ตนก็จะพัฒนาพื้นที่ วังปู่ปาริจิตนาคราช ต่อ และเดือนนี้ก็จะเดินสายทำบุญกฐิน 9 วัด

ลุงพล แปลงโฉมแต่งชุดแขกเต้นระบำอินเดีย

ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีบายศรี-สู่ขวัญ ลุงพลและป้าแต๋น ปรากฏว่า บรรดายูทูบเบอร์สายลุงพลและนางรำอีกกว่า 50 คนได้ร่วมกันรำบวงสรวงองค์ปู่ปาริจิตนาคราช และรำขอพรให้ลุงพล-ป้าแต๋น ผ่านพ้นวิกฤตชีวิต พลิกจากร้ายกลายเป็นดี

ช่วงหนึ่ง ป้าแต๋น ได้มารำขอพรร่วมกับบรรดานางรำในหมู่บ้าน เรียกเสียงฮือฮาให้กับผู้ที่มาร่วมงานเป็นอย่างยิ่ง เพราะระหว่างที่ป้าแต๋นกำลังร่ายรำอยู่นั้น จู่ ๆ ก็เกิดไฟดับ เพลงเงียบกลางคัน แต่ป้าแต๋นและนางรำก็ยังสามารถรำต่อไปได้จนจบ โดยที่ไม่ต้องมีเพลงประกอบ



ขณะที่ลุงพลก็ไม่น้อยหน้า สวมหมวกและชุดอินเดีย ซักซ้อมการโยกคอ-ส่ายหัว ก่อนที่จะร้องลิปซิ้ง-เต้นรีวิวประกอบเพลง ฮ่มมะลุลี ที่ดัดแปลงมาจากเพลง ใต้ร่มมะลุลี เพลงดังประกอบหนังเรื่องจุฬาตรีคูณ เมื่อประมาณ 70 กว่าปีที่แล้ว โดยมีคุณจินตนา มงคล แม่ยกของลุงพลเป็นผู้ขับร้อง และมีลุงพบกับเหล่ายูทูบเบอร์ ร่วมกันเต้นรีวิวประกอบเพลงจำนวน 2 เพลง คือเพลงรักจริงหรือเปล่า กับเพลง ฮ่มมะลุลี เพื่อเป็นการขอบคุณแฟนคลับที่มาร่วมให้กำลังใจลุงพลในครั้งนี้



หลังจบการแสดง ลุงพล กล่าวว่า นี่เป็นการแสดงที่ไม่ได้ถูกกำหนดในงานนี้เลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะมาแต่งชุดอินเดีย แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการแสดงเพื่อขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนและมอบความสุขให้ผู้ที่มาร่วมงาน จึงไม่อยากชาวเน็ตนำเรื่องนี้ไปดราม่ากันในโลกโซเชียล

สำหรับเพลง ฮ่มมะลุลี เวอร์ชั่นแม่ยกลุงพล มีเนื้อหาเปรียบตัวลุงพล เหมือนกับร่มไม้ที่ให้ร่มเงากับเหล่ายูทูบเบอร์ ได้มีกินมีใช้ทุกเดือน และยังมีเนื้อหาเตือนใจให้ทุกคนมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยใจที่เป็นธรรม



ขณะที่ช่วงหนึ่ง ป้าแต๋น ได้มารำขอพรร่วมกับบรรดานางรำในหมู่บ้าน เรียกเสียงฮือฮาให้กับผู้ที่มาร่วมงานเป็นอย่างยิ่ง เพราะระหว่างที่ป้าแต๋นกำลังร่ายรำอยู่นั้น จู่ ๆ ก็เกิดไฟดับ เพลงเงียบกลางคัน แต่ป้าแต๋นและนางรำ ก็ยังสามารถรำต่อไปได้จนจบ โดยที่ไม่ต้องมีเพลงประกอบ

ลุงพล-ป้าแต๋น แจงดราม่าแถลงข่าวระหว่างแม่น้องชมพู่กับลุงบรรยากาศแตกต่างกัน

ทั้งนี้ ลุงพล กล่าวถึงกรณีประเด็นดราม่าในโลกโซเชียลที่การแถลงข่าวระหว่างแม่น้องชมพู่กับลุงบรรยากาศแตกต่างกันนั้น ลุงมองว่า ไม่ว่าภาพที่ออกมาจะเป็นฝั่งไหนก็ตามความรู้สึกทั้งลุงและป้า เราสู้กันมาอย่าง จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม และเราได้รับคำตอบที่มีการเลื่อนออกไป เราก็น้อมรับ แต่จะให้เรามาทำหน้าเศร้าเหมือนคนที่เป็นทุกข์ก็คงจะไม่ได้ บางครั้งเราก็ต้องปลดปล่อยมันออกมาบ้าง



ด้าน ป้าแต๋น ก็กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เรามีกำลังใจจากแฟน ยูทูบเบอร์เป็นหลักอยู่แล้วส่วนอีกฝ่ายก็มีกำลังใจเหมือนกันจะนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ เพราะทุกคนต่างมีแฟนคลับของกันและกัน แต่เมื่อวานที่ผ่านมา มีแฟนคลับเข้ามาให้กำลังใจและเราเห็นว่าผู้สื่อข่าวมาเยอะ เราไม่อยากสัมภาษณ์มหาศาล เนื่องจากไม่อยากรบกวนถนนหรือบริเวณนั้น จึงได้มาแถลงข่าวที่ห้องจัดงานเท่านั้นไม่ได้มีอะไรที่มันแตกต่างกัน เพราะจะสัมภาษณ์ที่ไหนก็ตาม มันอยู่ที่ว่าความเป็นจริงที่เราต่อสู้กันทั้งสองคนและอยู่ที่คำแถลงของทนายแต่ละฝ่ายมากกว่า

พร้อมระบุว่า “อยากตะโกนดัง ๆ ว่าเขาสูญเสีย แต่เราก็ไม่ได้เป็นผู้กระทำ เขาต้องเข้าใจ ว่า เราไม่ใช่คนทำ เราเข้าใจว่าความเสียใจมันมี แต่ความสูญเสียของเขาไม่ใช่จะมาโยนให้เรา ทั้งที่เราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง”



ส่วนประเด็นที่แม่ของน้องชมพู่บอกว่า ฝ่ายลุงพลกับป้าแต๋นมีโอกาสได้ชี้แจง ตนคิดว่าด้วยบุญที่เราสะสมมา คิดดี ทำดี มันก็ทำให้มีคนให้โอกาสและสนับสนุนให้เราได้ต่อสู้เงยตา อ้าปาก ต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ยุติธรรมกับเรา โดยแฟนคลับของตนก็มีทั้งเป็นผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียง เป็นคนที่มีความรู้ สามารถคิดวิเคราะห์ได้ เขามองด้วยตาของเขาเอง เราไม่ได้ไปขอให้ใครมารัก มาสนับสนุน แต่เขามาด้วยใจ

สำหรับดราม่าดังกล่าวเกิดจากโลกออนไลน์มีการเผยแพร่คลิปป้าแต๋นจับไมค์ร้องเพลงที่โรงแรมแห่งหนึ่ง หลังศาลเลื่อนฟังคำตัดสินไป ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ลุงพลกับป้าแต๋น นั่นเอง

 

ลุงพลหลั่งน้ำตาแล้วลุกเต้น ซึ้งใจ FC ไม่ทิ้งแต๋นเดือดถูกจี้เศร้าเป็นไหม ลั่นฉันไม่ผิด