ห้องเช่าหลอน คนตายเขียนจดหมายทิ้งท้าย "ผีเต็มห้องทุกคืน" ก่อนเสียชีวิตเป็นรายที่ 3 ด้านกู้ภัยยังขนลุก

6 มิ.ย. 66 เมื่อเวลา 02.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง ระยอง ได้รับแจ้งพบศพผู้เสียชีวิตภายในห้องเช่าแห่งหนึ่งจึงประสานแพทย์เวร รพ.ระยอง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างพรกุศล เดินทางไปตรวจสอบ

เมื่อเข้าไปถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นห้องแถวเช่าชั้นเดียว จึงเข้าไปตรวจสอบพบกลิ่นเหม็นเน่าโชยคละคลุ้ง ภายในห้องพบศพผู้ชายนอนตายขึ้นอืดจนน้ำหนองไหลนองเต็มพื้น ตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 วัน ก่อนจะนำศพส่งชันสูตร ที่รพ.ระยอง

จากการตรวจสอบภายในห้องทราบว่าผู้เสียชีวิตชื่อ นายยาม โยศรี อายุ 77 ปี อดีตดีเจไชยาเสียงหล่อ ผู้จัดรายการชื่อดังของระยองในอดีต แต่หายไปจากวงการนานแล้ว และยังพบไดอารี่ของผู้เสียชีวิตที่บันทึกไว้ว่า ผีเต็มห้องทุกคืน ที่ผมอยู่เป็นที่วัดเก่า เจ้าที่เขาแรง ไม่รู้ทำบุญให้เขาบ้างหรือเปล่า เขามาเล่นงานผม กรรมของผมจริงๆ พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ หาว่าผมเพี้ยน ผมไม่รู้จะทำอย่างไร ทรมานเหลือเกิน อยู่เต็มห้องไปหมด ทั้งกลางวันและกลางคืน เล่นงานผมทุกอย่าง ผมจะประสาทตาย"

นอกจากนี้ภายในห้องมีการเขียนตัวหนังสือไว้บนผนังห้องว่า "รักกันไว้เถิด ใครมาอยู่ห้องนี้ขอให้ร่มเย็นเป็นสุข ไม่เหมือนพี่ก็เหมือนพี่ ไม่ใช่น้องก็เหมือนน้อง อย่าสร้างเวร สร้างกรรม กันเลย ผมไม่โกรธใครหรอก อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด" และ ยังมีการเขียนบันทึกอาการเจ็บป่วยที่สุดแสนทรมานไว้อีกด้วย

จากการสอบถามเพื่อนบ้านต่างก็บอกว่า ผู้เสียชีวิตเป็นคนพูดจาไพเราะ โดยไม่มีใครทราบว่าลุงเสียชีวิต เพราะห้องอยู่ห่างกันและปกติผู้เสียชีวิตมักจะอยู่แต่ในห้อง จะออกมาก็ตอนที่ไปซื้ออาหารและไปพบแพทย์ ส่วนเรื่องวิญญาณทุกคนต่างก็พอทราบมาบ้านว่าห้องดังกล่าวเคยมีคนเสียชีวิตมาก่อน

ด้านนายจุมพล พูนนิน หัวหน้ากู้ภัยสว่างพรกุศล จุดเนินพระ จ.ระยอง ได้เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่าห้องที่พบผู้เสียชีวิต เคยมีผู้เสียชีวิตในห้องมาแล้วรวมศพนี้เป็น 3 ราย ทั้งผูกคอ และป่วยโรคประจำตัว ด้านเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เข้าไปเก็บศพในครั้งนี้ ต่างก็มีอาการขนหัวลุกแปลกๆ และ ยิ่งพบกับบันทึกคนตายว่ามีผีเต็มห้อง ก็ยิ่งสร้างความหลอนเป็นอย่างมาก จึงรีบทำงานอย่างรวดเร็วเพื่อให้ออกจากห้องเร็วที่สุด ส่วนเรื่องวิญญาณจะมีจริงหรือไม่มีจริง ก็อยู่กับความเชื่อของแต่ละบุคคล

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานการเสียชีวิต คงเกิดจากโรคประจำตัว แต่จะสรุปอีกครั้งตามผลชันสูตรของแพทย์ เตรียมแจ้งญาติให้ทราบเรื่องเพื่อให้ตืดต่อรับศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป