รวบสาวแสบอ้างเป็นทหารยศพันตรีหลอกเอารถยนต์แฟนหนุ่มไปจำนำ แถมขโมยเงินและทองว่าที่แม่ย่ากว่าแสน

วันที่ 3 มิ.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ได้จับกุม น.ส.หน่อย อายุ 31 ปี ชาวอำเภอนางรอง ฐานแจ้งความเท็จ และลักทรัพย์ หลังจาก นางสมศรี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี ชาวตำบลประโคนชัย อ.ประโคนชัย ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ว่า น.ส.หน่อย ซึ่งเป็นแฟนสาวของลูกชายซึ่งปัจจุบันเป็นทหารยศ จ.ส.ท. อยู่สังกัดค่ายแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ มีพฤติกรรมแอบอ้างว่าเป็นทหารหญิงยศพันตรี สังกัดค่ายแห่งหนึ่ง มาตีสนิทคบหากับลูกชายได้ประมาณ 5 – 6 เดือนพอลูกชายหลงรักและตายใจ ก็สร้างเรื่องโกหกสารพัด ทั้งหลอกเอารถยนต์ของลูกชายที่เพิ่งถอยป้ายแดงมาราคากว่า 700,000 บาท จะไปขนส่งช่วยน้องชายแต่สุดท้ายพบว่าเอาไปจำนำ ทั้งยังมีพฤติกรรมขโมยเงินสด และสร้อยทองของแม่แฟน หรือว่าที่แม่ย่า เสียหายรวมกว่า 100,000 บาท เอาลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลที่ 5 ไปขึ้นเงินแล้วหลอกว่าโอนเข้าบัญชีให้แม่ของแฟนหนุ่มแล้ว ด้วยความเชื่อใจจึงไม่ได้ไปเช็คดู กระทั่งโป๊ะแตกหลังจากแม่แฟนหนุ่มเอาบัตรเอทีเอ็มไปกดแต่ข้อความเด้งบัตรถูกระงับ จึงเอาสมุดไปปรับที่ธนาคารพบเหลือเงินแค่ 39 บาท จนสุทด้ายมารู้ความจริงว่าแฟนสาวของลูกชายเป็นคนขโมยเงินและทองไป แต่สร้างเรื่องโกหก

จากการสอบถาม น.ส.หน่อย เล่าว่า เมื่อสองเดือนก่อน ได้มาแจ้งความที่ สภ.ประโคนชัย ว่าสร้อยทองของตนเองหาย ส่วนที่อ้างว่าเป็นทหารยศพันตรีหญิงนั้นเพราะอยากให้ตำรวจเร่งทำคดีให้เร็วๆ ส่วนที่ถูกแม่แฟนหนุ่มแจ้งความดำเนินคดีว่าลักทรัพย์เงินและทองนั้น ก็ยอมรับว่าขโมยจริง และได้เอารถยนต์ของแฟนหนึ่งไปจำนำจริง แต่อ้างว่าก็เงินที่ได้มาก็ไปซื้อของใช้เข้าบ้านและพาครอบครัวแฟนไปเที่ยว ส่วนที่หลอกว่าเป็นทหารยศพันตรีนั้น ก็ยอมรับว่าหลอกจริงเพราะตนเองชอบและอยากจะเป็นทหารจริงๆ เพราะเคยเข้าไปในค่ายทหารของแฟนหลายครั้ง แต่จริงๆ แล้วตัวเองเป็นพนักงานขายเครื่องใช้ไฟฟ้าของบริษัทหนึ่ง อ้างว่าไม่ได้เจตนาจะหลอกแต่เมื่อทำไปแล้วก็ต้องปล่อยเลยตามเลย

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของแฟนหนุ่มที่ถูกหลอก ซึ่งอยู่ใน ต.ประโคนชัย อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ก็พบนางสมศรี (ขอสงวนนามสกุล) แม่ของแฟนหนุ่ม และ จ.ส.ท. หรือจ่าตาม อายุ 31 ปี แฟนหนุ่มซึ่งปัจจุบันเป็นข้าราชการทหารสังกัดค่ายแห่งหนึ่งในจ.บุรีรัมย์ อยู่ที่บ้านในอาการเครียดและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

โดยจ่าตาม เล่าให้ฟังว่า ได้รู้จักกับ น.ส.หน่อย ผ่านทางโซเชียลช่วงปลายปี 65 ก็คุยติดต่อกันทางเฟสมาเรื่อย จากนั้นนัดเจอกันครั้งแรกที่ อ.ประโคนชัย ก็เริ่มพาเข้าบ้านไปแนะนำกับแม่ช่วงเดือน ม.ค.66 ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นทหาร จนมาเจอเขาใส่ชุด และมีภาพที่แต่งเครื่องแบบทหารในมือถือ แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าอยู่สังกัดอะไร ก็คบหาเป็นแฟนกันมาเรื่อย แรกๆ ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ กระทั่งเงินและทองของแม่เริ่มหายจนตำรวจสืบทราบและสงสัยว่าคนก่อเหตุเป็นคนในบ้าน กระทั่งตำรวจบอกว่ามีหลักฐานและแฟนสาวก็ยอมรับว่าขโมยเงินและทองแม่จริง และไม่ได้เป็นทหารจริงๆ ตนก็เสียใจและเสียความรู้สึกมากไม่คิดว่าเขาจะทำกับตนเองและแม่ได้ขนาดนี้ ซึ่งรถที่เขาหลอกว่าจะเอาไปให้น้องชายขนของแต่เอาไปจำนำนั้น ก็ยังผ่อนไม่หมดยังเหลืออีกกว่า 3 ปี ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะได้รถคืนหรือไม่ แต่ยืนยันว่าจะไม่กลับไปเป็นแฟนกับอีกเพราะรับไม่ได้ และให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้านนางสมศรี ผู้เป็นแม่ บอกว่า ลูกชายมา น.ส.หน่อย เข้ามาที่บ้านช่วงเดือน ม.ค.66 ก็มาแนะนำว่าคบหาเป็นแฟนกัน ตนก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะคิดว่าลูกชายรักใครตนก็รักด้วย จากนั้นลูกชายก็พา น.ส.เข้ามาที่บ้านบ่อยขึ้น เขาบอกว่าเขาเป็นทหารยศพันตรีหญิงที่ค่ายแห่งหนึ่ง ทำตัวไฮโซเหมือนกับว่าเขาเป็นพันตรีหญิงจริงๆ จนตนหลงเชื่อและไว้ใจ แต่เมื่อช่วงเดือน มี.ค.66 ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 5 ได้เงินรางวัล 2 หมื่นบาท น.ส.หน่อยก็อาสาเอาไปขึ้นเงินให้ แต่ น.ส.หน่อยเอาเงินสดมาให้ตนเพียง 7 พันบาท ส่วนอีก 12,000 บาทอ้างว่าโอนเข้าบัญชีให้แล้ว ต่อมาวันที่ 3 เม.ย. ประมาณ 5 ทุ่ม พบว่าเงินสดกว่า 8 หมื่นและสร้อยคอทองคำหนัก 1 สลึง ที่เก็บไว้ในตู้ในห้องนอนหายไป ด้วยความตกใจก็ไปบอกลูกชายว่าเงินกับทองหาย น.ส.หน่อย แฟนลูกชายก็บอกว่าแม่ไม่ต้องตกใจ เดี๋ยวเขาจะไปแจ้งความให้ที่ อ้างว่ามีเพื่อนเป็นตำรวจที่โคราช จากนั้นก็บอกให้ตนเอาเงินที่เหลืออีก 8,000 บาทไปให้เพื่อจะเอาไปตรวจลายนิ้วมือก็หลงเชื่อให้ไป ต่อมาก็บอกว่าตำรวจรู้ตัวคนร้ายแล้วเป็นคนข้างบ้าน เขายอมคืนเงินให้แล้วได้โอนเข้าบัญชีให้แม่ไปแล้ว ต่อมา น.ส.หน่อยก็บอกให้เอาสร้อยทองที่เหลือ 1 บาท กับ 50 สตางค์มาให้โดยหลอกว่าจะเอาสร้อยดังกล่าวไปสลักชื่อทำสัญลักษณ์ไว้ ถ้าถูกขโมยอีกจะได้หาเจอก็หลงเชื่อให้ไปอีก แต่ผ่านไปจนถึงปัจจุบันไม่เห็นเอาทองมาคืนสักที จึงถามว่าเมื่อไหล่จะเอาทองที่ไปสลักมาคืน น.ส.หน่อยก็บ่ายเบี่ยงไปเรื่อย กระทั่งวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา เอาบัตรเอทีเอ็ม ไปกดเงินที่ตู้แต่ข้อความเด้งขึ้นว่าบัตรถูกระงับ จึงเอาสมุดบัญชีไปปรับพบมียอดเงินเหลือในบัญชี 39 บาท ก็ตกใจเพราะที่ผ่านมาว่าที่ลูกสะใภ้ อ้างว่าโอนเงินที่คนร้ายขโมยไป เงินถูกลอตเตอรี่เข้ามาในบัญชีให้ที่แท้หลอกมาตลอด และที่ช้ำใจมากที่สุดคือมาหลอกเอารถลูกชายไปจำนำ ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยเอารถคืนให้ด้วย เพราะยังต้องผ่อนต่ออีก 3 ปี ก็อยากให้ดำเนินคดีกับ น.ส.ตามกฎหมายจนถึงที่สุด

เบื้องต้น น.ส.หน่อย ถูกแจ้งข้อหา “แจ้งความเท็จ และลักทรัพย์” ส่วนเรื่องที่แอบอ้างว่าเป็นทหารยศพันตรีเพื่อหลอกแฟนหนุ่ม และแม่แฟนหนุ่มนั้น ก็ต้องดูพยานหลักฐานอีกครั้งว่าเข้าข่ายจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมหรือไม่อย่างไร