เจ้าอาวาสวัดหัวฝาย จ.เชียงใหม่ สำรวจพระธาตุเจดีย์เก่าแก่กว่า 400 ปี พบมีรอยร้าวเพิ่มขึ้นหลังเกิดแผ่นดินไหว ห้ามทุกคนเข้าใกล้

วันที่ 20 ต.ค. 2565 พระอธิการบรรจง ภัทรเมธี เจ้าอาวาสวัดหัวฝาย ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เดินสำรวจพระธาตุเจดีย์อายุเก่าแก่กว่า 400 ปี หลังเกิดแผ่นดินไหวช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา แรงสั่นสะเทือนวัดได้ 4.1 แมกนิจูด ศูนย์กลางอยู่ที่ตำบลแม่คือ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ โดยแผ่นดินไหวครั้งนี้อยู่ลึกลงไปใต้ดิน 2 กิโลเมตร ทำให้ประชาชนหลายพื้นที่รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน รวมทั้งพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่

แรงสั่นสะเทือนครั้งนี้ทำให้เจ้าอาวาสและพระเณรในวัดถึงกับสะดุ้งตื่น โดยเจ้าอาวาสได้รีบออกไปดูพระธาตุเจดีย์ที่ตั้งอยู่หลังวิหาร เพราะเกรงว่าพระธาตุเจดีย์ที่มีรอยร้าวอยู่แล้วจะพังถล่มลงมา ซ้ำรอยเจดีย์วัดศรีสุพรรณ

จากนั้นในช่วงสาย พระอธิการบรรจง ภัทรเมธี ได้ออกมาสำรวจพระธาตุเจดีย์อย่างละเอียดอีกครั้ง พบว่ารอยแยกที่ใช้สลึงยึดไว้มากถึง 4 เส้น ขยายออกจนกว้างมากขึ้น มองเห็นได้ชัดเจนจนลวดสลิงที่ยึดไว้เส้นบนสุดดึงตัว โดยเฉพาะเรือนธาตุทางด้านทิศใต้ รอยแยกน่าจะกว้างเกิน 5 เซนติเมตร เชื่อว่าหากไม่มีสลิงยึดไว้ น่าจะพังถล่มลงมาแล้ว เนื่องจากรอยแยกยาวลงมาถึงด้านล่างทั้ง 2 ด้าน

ตอนนี้จึงทำได้เพียงแจ้งเตือนและห้ามไม่ให้ประชาชนหรือพระภิกษุสามเณร เข้าไปใกล้บริเวณฐานพระธาตุเจดีย์ พร้อมวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาสำรวจพระธาตุเจดีย์อีกครั้ง เพื่อประเมินความเสี่ยง เพราะเกวงว่าอาจจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นมาอีก จนสร้างความเสียหายให้พระธาตุเจดีย์เพิ่มขึ้น

สำหรับพระธาตุเจดีย์ของวัดหัวฝายองค์ปัจจุบัน มีการสร้างครอบของเดิมไว้ และปิดด้วยกระจกสีทั้งองค์ ก่อนหน้านี้มีวัชพืชขึ้นปกคลุม ขาดการดูแลรักษา ผนังเจดีย์ชั้นเรือนธาตุเกิดรอยแตกร้าวลึกเป็นแนวดิ่งยาว ลักษณะความเสียหายคล้ายๆ เจดีย์วัดศรีสุพรรณที่มีรอยแตกร้าวก่อนพังถล่มลงมา โดยสำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ได้แนะนำให้ทางวัดดำเนินการรัดสลิงเพิ่มขึ้นอีกชุดบริเวณฐานเรือนธาตุ กำจัดวัชพืชออก และปิดรอยแตกร้าวไม่ให้น้ำฝนไหลซึมเข้าสู่ภายในอีก เพื่อป้องกันไม่ให้องค์เจดีย์เสียหายเพิ่มจากน้ำฝนที่ไหลซึมลงไป