"เสี่ยบี" เจ้าของผับเมาน์เทนบี ควงภรรยาเปิดใจ ยอมรับหลังเกิดเหตุ เครียดถึงขั้นอยากฆ่าตัวตาย

 

ที่หน้าผับ MOUNTAINB อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จุดเกิดเหตุโศกนาฏกรรมไฟไหม้ 15 ศพ และบาดเจ็บ 38 ราย เมื่อวันที่ 5 ส.ค. "เสี่ยบี" หรือ นายพงศ์ศิริ ปั้นประสงค์ อายุ 27 ปี เจ้าของผับ พร้อมด้วย นางอนงค์นารถ ปั้นประสงค์ อายุ 31 ปี ภรรยา เปิดใจถึงความรู้สึกในขณะนี้ และพร้อมตอบข้อซักถามที่สังคมสงสัย

ซึ่งเสี่ยบี และภรรยา พนมมือไหว้ กล่าวขอโทษ และเสียใจ ต่อทุกฝ่ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นจากใจจริง ก่อนเผยย้อนเหตุการณ์วันเกิดเหตุ ขณะที่กำลังอยู่ด้วยกันในครัว ห่างหน้าผับราม 20 เมตร กระทั่งช่วงใกล้ตี 1 ได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากผับ ก่อนภาพที่ปรากฏเพลิงได้โหมลุกไหม้อย่างรุนแรง และควันกลุ่มใหญ่ พวยพุ่งออกมาจากร้าน ผู้คนต่างวิ่งพากันหนีตาย ยอมรับว่า ในเวลานั้นตกใจอย่างมาก แต่ก็ได้พยายามช่วยเหลือชีวิตทุกคนออกมาให้มากที่สุด พร้อมแจ้งหน่วยงานเข้าช่วยเหลือเร่งด่วน เมื่อรู้ว่า หลังเกิดเหตุมีผู้เสียชีวิตมากถึง 13 ราย และบาดเจ็บเกือบ 40 ราย ในจำนวนนั้นต้องสูญเสียพนักงานที่ทำงานรร่วมกันมาถึง 3 คน คือ กัปตันร้าน แคชเชียร์ และช่างซาวด์ และการ์ดได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 คน

"ยอมรับจากใจ ในเวลานั้น อยากจะชวนกันไปฆ่าตัวตาย ไม่อยากอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่า ในชีวิตจะต้องมาพบกับเหตุการณ์เช่นนี้ ซึ่งต้องขอโทษทางญาติผู้เสียชีวิต ญาติผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงผู้เคราะห์ร้ายทั้งหมด ได้โปรดอโหสิกรรมอย่าได้อาฆาตพยาบาท เพราะเชื่อว่า ไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ต้องขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง" นางอนงค์นารถ กล่าว

ส่วนการเปิดผับนั้น สืบเนื่องมาจากว่า ก่อนหน้านี้ร้าน MOUNTAIN ที่เปิดเป็นโล่งร้านอาหาร และมีดนตรีสด ได้ถูกชาวบ้านร้องเรียนว่า ส่งเสียงดังสร้างความรำคาญ จึงได้ตัดสินใจนำเงินเก็บที่ได้จากการเปิดธุรกิจร้านแห่งนี้ รวมถึงร้านหมูกระทะ และเขียงหมู มาลงทุนเปิดเป็นผับเมาน์เทนบี เพียงแค่คิดว่า ต้องการร้านที่มีความเก็บเสียง ไม่สร้างปัญหาให้กับชาวบ้านอีก ซึ่งยอมรับว่า ผิดจริงที่ได้ดัดแปลงร้านเป็นผับ โดยไม่มีการขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมายเสียก่อน

และขอยืนยันชัดเจนว่า ร้านที่ก่อตั้งขึ้นนั้น ไม่มีนอมินี นายทุนใหญ่ หรือผู้มีอิทธิพล หนุนหลังเปิดร้านแห่งนี้ขึ้นแน่นอน เงินที่สร้างขึ้นมานั้น เกิดขึ้นจากน้ำพักน้ำแรง ที่ได้ร่วมกันเก็บเงินมาในตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา

ส่วนเรื่องเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตนั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างให้ทนาย และครอบครัว กำลังหาเงินมาช่วยเหลือเยียวยาให้มากที่สุด เบื้องต้น ผู้เสียชีวิตจ่ายรายละ 50,000 บาท ส่วนผู้บาดเจ็บจ่ายรายละ 10,000 บาท ส่วนจะจ่ายสินไหมให้รายละเท่าไหร่นั้น ยังไม่ตั้งธงไว้ในใจ เพราะเนื่องจากว่า แต่ละครอบครัวก็มีความคิดต่างกัน นั่นคือ เรื่องของอนาคต แต่ไม่ทอดทิ้งชดใช้อย่างแน่นอน

สำหรับ หลังจากนี้ จะยังคงเปิดร้านเมาน์เทน ซึ่งเป็นร้านอาหารมีดนตรีสด และร้านหมูกระทะ ที่อยู่ติดกัน เพราะสงสารพนักงานที่มีอยู่จำนวนมาก หากไม่ดำเนินธุรกิจต่อ ทุกคนคงต้องตกงาน และได้รับความเดือดร้อน ท้ายที่สุด อยากขอความเห็นใจจากทุกคนในสังคม ให้โอกาสได้ทำหน้าที่ เพื่อหาหนทางช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับความเดือดร้อน ให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างดีที่สุด

ขณะเดียวกันเสี่ยบี ระบุว่า หลังจากจบเรื่องและเคลียร์ทุกอย่างจบ ตั้งใจจะบวชอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิต

หลังชี้แจงกับสื่อมวลชนเสร็จ ทั้งสองคนบอกว่าจะเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สภ.พลูตาหลวง ต่อ และจะไปร่วมงานศพและเยี่ยมคนเจ็บให้ครบทุกราย เพื่อแสดงความจริงใจว่า ตนเองยินดีรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น