"โรม" ประณาม ตำรวจสลายการชุมนุม 18 ก.ค.เกินกว่าเหตุ วอน " ประยุทธ์" ตบหน้าตัวเอง มองผลกรรมของตัวเองและรัฐบาล บริหารโควิดเลวร้าย เตือนคิดผิดใช้ความรุนแรงสยบ ปชช. ลั่นความอดทนมีจุดสิ้นสุด รอฟางเส้นสุดท้าย อาจลุกลามบานปลายไม่หวนกลับ

 

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงผ่านเฟซบุ๊ก กรณีการสลายการชุมนุม #ม็อบ18กรกฎา ในฐานะผู้สังเกตการณ์ ว่า ในการชุมนุมเมื่อวานนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และยังมีผู้ถูกควบคุมไปที่ ตชด.1 จำนวน 14 คน จึงอยากย้อนให้เห็นข้อเรียกร้องที่กลุ่มผู้ชุมนุมออกมาเมื่อวานนี้ คือเรียกร้องให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกโดยไม่มีเงื่อนไข, ปรับลดงบประมาณสถาบันฯ และงบกองทัพ เพื่อนำออกมาช่วยแก้ไขปัญหาโควิด-19 พร้อมขอให้หยุด ซื้อวัคซีนด้อยคุณภาพเอื้อนายทุนและจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพให้กับประชาชนแทน เพราะเป็นสิ่งที่เห็นแล้วว่าวิกฤตโควิดภายใต้การบริหารงานของพลเอกประยุทธ์ล้มเหลวในทุกเรื่อง ทั้งการเยียวยาประชาชน การจัดสรรวัคซีน การจัดสรรงบประมาณให้เหมาะสม และล้มเหลวแม้กระทั่งการมองมนุษย์ให้เป็นมนุษย์ที่ไม่ใช่แค่เพียงตัวเลข

นายรังสิมันต์ ระบุอีกว่า สิ่งที่รัฐบาลนี้ทำได้ดีมีแค่การปิดปากประชาชนไม่ให้พูดความจริง กล่าวโทษและโยนความผิดให้ประชาชนซ้ำแล้วซ้ำเล่า สิ่งเหล่านี้มากพอที่จะทำให้ประชาชนออกมาชุมนุม เพราะหากรัฐบาลไม่เลวร้ายประชาชนคงไม่ออกมา และในการชุมนุมก็ไม่ได้ยืดเยื้อ รวมถึงกลุ่มผู้ชุมนุมได้เตรียมอุปกรณ์ป้องกันการแพร่ระบาดและประชาสัมพันธ์กันมาเป็นอย่างดี แต่สิ่งที่ตัวเองได้สังเกตการณ์ตั้งแต่เริ่มการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมายังสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ผู้ชุมนุมพยายามต่อรองใช้เส้นทางถนนราชณดำเนินนอกและยังไม่ได้กระชั้นชิดเจ้าหน้าที่ แต่ตำรวจก็ใช้น้ำยิงสกัดเร็วกว่าระยะเวลาที่แจ้งเตือน อีกทั้งยังยกระดับใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางอย่างรวดเร็ว แม้สื่อมวลชนจะใส่ปลอกแขนระบุตัวตนชัดเจน ก็ได้รับบาดเจ็บจนทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมเปลี่ยนไปใช้เส้นทางนครสวรรค์

จากการสังเกตพบว่า แก๊สน้ำตาที่ใช้ในครั้งนี้รุนแรงกว่าทุกครั้ง แม้กลุ่มผู้ชุมนุมจะถอยออกมาตั้งหลัก ก็ยังมีการใช้อย่างต่อเนื่องและระยะยิงก็ส่งผลถึงผู้ชุมนุม แม้จะมีการประกาศยุติแล้วเจ้าหน้าที่ก็ยังใช้กับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ยังตกค้างอยู่เพียงน้อยนิด ส่วนตัวมองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้ทำอะไรที่กระทบต่อเจ้าหน้าที่ และยังมีผู้ชุมนุมโดนกระสุนยางยิงที่ตา ซึ่งการกระทำของเจ้าหน้าที่ คือ เล็งไปที่ส่วนหัวและใบหน้า นอกจากนี้ยังมีการจับกุมกลุ่มผู้ชุมนุมโดยมิชอบ จึงเรียกร้องให้หน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชน และองค์กรตรวจสอบเกี่ยวกับการกระทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาตรวจสอบเรื่องการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 18 ก.ค. และการชุมนุมทุกครั้งที่ผ่านมา

"ขอฝากถึงพลเอกประยุทธ์ให้ช่วยตบหน้าตัวเอง เรียกสติกลับมา แล้วแหกตามองให้ชัดเสียทีว่า ประชาชนที่ออกมาชุมนุมประท้วงเหล่านี้ส่วนหนึ่งเป็นผลกรรมมาจากการปกครองของท่านและการใช้อำนาจที่วิปริตผิดเพี้ยนของรัฐบาลทั้งนั้น ขนาดเรื่องขั้นต่ำที่สุดที่ประชาชนร้องขอให้ช่วยดูแลคือชีวิตของพวกเขา รัฐบาลนี้ยังทำกับประชาชนราวกับเป็นของเล่น แม้กระทั่งเมื่อวานนี้ ประชาชนเพียงออกมาเรียกร้องวัคซีนที่ดี เรียกร้องการจัดการงบที่สมเหตุสมผล เรียกร้องผู้นำที่จริงใจและใส่ใจ แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นการประทุษร้ายจากผู้ปกครองที่ขาดความอดทนอดกลั้น คิดว่าการใช้ความรุนแรงสยบประชาชนประชาชนได้เสมอ คือทางออก” นายรังสิมันต์ ระบุ

ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล บอกอีกว่า หากคิดเช่นนั้นแล้ว ต้องบอกว่ากำลังคิดผิดเพราะไม่มีใครสามารถ อดทนยอมถูกอีกฝ่ายใช้ความรุนแรงอยู่เพียงข้างเดียวได้ตลอดไป ความอดทนที่ประชาชนมีอยู่ในวันนี้ วันนึงข้างหน้าเชื่อว่าจะถึงจุดสิ้นสุด แม้ไม่มีใครต้องการให้เป็นเช่นนั้น และหากวันใดเกิดฟางเส้นสุดท้ายหรือน้ำผึ้งเพียงหยดเดียวขึ้นมา สถานการณ์อาจลุกลามบานปลายอย่างไม่หวนกลับคืน รัฐบาลจะโทษใครไม่ได้อีกแล้วนอกจากโทษตัวเอง