ครม. ไฟเขียวร่าง พ.ร.บ.กิจการอวกาศฯ พร้อมผลักดันความร่วมมือ สร้างความเชื่อมั่น หวังเพิ่มขีดความสามารถการลงทุนด้านกิจการอวกาศของประเทศ

ศ (พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ชี้แจงว่า พระราชบัญญัติกิจการอวกาศฉบับนี้ เป็นกฎหมายที่มีความทันต่อสถานการณ์ และรองรับอนาคตของประเทศไทย ในปัจจุบันเทคโนโลยีอวกาศมีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้มีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับอวกาศเกิดขึ้นมากมายที่ดำเนินงานโดยหน่วยงานจากภาครัฐและภาคเอกชน มหาวิทยาลัยหรือแม้แต่ระดับโรงเรียน มีความร่วมมือจากภายในประเทศและต่างประเทศ กิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้จะส่งผลให้เกิดประโยชน์กับประเทศในวงกว้าง ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม

กฎหมายอวกาศหรือพระราชบัญญัติกิจการอวกาศ พ.ศ. .... จัดทำขึ้นเพื่อเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือด้านเทคโนโลยีอวกาศ การดำเนินกิจกรรมอวกาศระหว่างประเทศไทยกับนานาชาติ ให้สามารถดำเนินการได้อย่างสอดคล้องกับกฎกติกา สามารถสร้างความเชื่อมั่นของประเทศในระดับสากลได้ และสิ่งสำคัญที่ตามมาคือ ทำให้เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้เทคโนโลยีระดับสูงมาสู่บุคลากรภายในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญสร้างความแข็งแกร่ง ส่งผลต่อการเพิ่มขีดความสามารถการลงทุนด้านกิจการอวกาศของประเทศ

 

ด้าน ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ GISTDA กล่าวเสริมว่า กฎหมายฉบับนี้ จะช่วยให้ประเทศไทยมีความพร้อมและรองรับการสร้างเศรษฐกิจอวกาศ หรือ New Space Economy ที่เน้นบทบาทร่วมจากภาครัฐและภาคเอกชน เป็นกฎหมายที่ให้การดูแลกิจการนิติบุคคลของไทย ส่งเสริมอำนวยความสะดวกในการดำเนินกิจกรรมอวกาศของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน สร้างมาตรฐานของกิจการอวกาศประเทศไทย ตลอดจนดูเเลการประสานงานกับหน่วยงานอวกาศของต่างประเทศ ทำให้พัฒนาเทคโนโลยีอวกาศที่สอดคล้องกับบริบทของประเทศไทย เกิดการลงทุน สร้างรายได้ และการจ้างงานในอุตสาหกรรมที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงภายในประเทศ

 

ขณะที่ นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ว่า เนื่องจากภารกิจด้านกิจการอวกาศ มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งข้อมูลจาก GISTDA รายงานว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอวกาศและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกว่า 35,600 กิจการ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศได้ประมาณ 56,122 ล้านบาทต่อปี แต่ที่ผ่านมานโยบายการบริหารกิจการอวกาศของประเทศไทย ยังมีข้อจำกัดทางกฎหมายที่ไม่ครอบคลุมปัญหาและผลกระทบที่เกิดจากการดำเนินกิจกรรมอวกาศในหลายส่วนที่สำคัญ จึงจำเป็นต้องกำหนดผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับการกำกับและดำเนินการ จดทะเบียนวัตถุอวกาศ รวมทั้งพันธกรณีระหว่างประเทศด้านอวกาศที่ประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นภาคี ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการด้านกิจการอวกาศเป็นไปด้วยความเหมาะสม สอดคล้องกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และภาครัฐสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศได้เพิ่มมากขึ้น ครม. จึงอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติกิจการอวกาศ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ เพื่อกำหนดให้มีองค์กรทำหน้าที่จัดทำนโยบายและแผนกิจการอวกาศ รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์และให้บริการรับคำขอ และชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการอนุญาตต่าง ๆ ด้านอวกาศ ซึ่งร่างพระราชบัญญัติมีสาระสำคัญดังนี้

1.กำหนดให้มีนโยบายและแผนกิจการอวกาศ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการพัฒนากิจการอวกาศ ก่อให้เกิดเศรษฐกิจอวกาศ (New Space Economy)

2.กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ทำหน้าที่กำหนดนโยบายกิจการอวกาศ ตามขอบเขตของพระราชบัญญัติ

3.กำหนดให้มีสำนักงานกำกับกิจการอวกาศแห่งชาติ ทำหน้าที่เป็นหน่วยงาน ด้านเลขานุการให้กับคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ และดำเนินภารกิจเพื่อกำกับดูแลส่งเสริมกิจการอวกาศ รวมทั้งเป็นหน่วยรับแจ้งเหตุในกรณีเกิดอุบัติเหตุ หรืออุบัติการณ์จากการดำเนินกิจการอวกาศก่อนประสานกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อการแก้ไขเหตุการณ์ดังกล่าว

4.กำหนดให้ผู้อำนวยการสำนักงานกำกับกิจการอวกาศแห่งชาติ มีอำนาจในการแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อดำเนินภารกิจกำกับดูแลส่งเสริมกิจการอวกาศ

5.กำหนดลักษณะและประเภทการอนุญาต รวมถึงมาตรการเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมผู้ดำเนินกิจการอวกาศ เพื่อก่อให้เกิดเศรษฐกิจอวกาศ (New Space Economy)

6.กำหนดโทษสำหรับผู้ดำเนินกิจการอวกาศ โดยไม่ได้แจ้งหรือไม่มีใบอนุญาตดำเนินกิจการอวกาศ

7.กำหนดให้ ครม. จัดสรรทุนประเดิมให้แก่สำนักงานกำกับกิจการอวกาศแห่งชาติระยะเริ่มแรกตามความจำเป็น และให้นายกรัฐมนตรี เสนอต่อ ครม. เพื่อพิจารณาให้ข้าราชการ พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานอื่นใดในหน่วยงานของรัฐ มาปฏิบัติงานเป็นพนักงานของสำนักงานฯ เป็นการชั่วคราวภายในระยะเวลาที่ ครม. กำหนด

8.กำหนดให้รายได้ของสำนักงานกำกับกิจการอวกาศแห่งชาติ ตกเป็นของหน่วยงาน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินงานต่าง ๆ ที่เหมาะสม โดยไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน

 

นางสาวรัชดา กล่าวเพิ่มเติมว่า เศรษฐกิจอวกาศ (New Space Economy) เป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ โดยใช้ทรัพยากร เทคโนโลยี และองค์ความรู้จากการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ ซึ่งขับเคลื่อนผ่านธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจให้บริการนำส่งดาวเทียม ธุรกิจให้บริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม ธุรกิจสำรวจอวกาศ ธุรกิจวิเคราะห์ข้อมูลจากดาวเทียมสำรวจทรัพยากร ธุรกิจการวิจัยและทดลองในอวกาศ ธุรกิจออกแบบและพัฒนาจรวดหรืออวกาศยาน ธุรกิจการท่องเที่ยวในอวกาศ เป็นต้น

 

หลังจากนี้ ร่าง พ.ร.บ.กิจการอวกาศ จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา และการพิจารณาของรัฐสภาก่อนที่จะประกาศบังคับใช้ เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการใช้ประโยชน์จากอวกาศ เพื่อพัฒนาประเทศไทยของเรา