เปิดใจหนุ่มบุกเอาขี้หมา ขยี้หัวอดีตเมีย ผลักล้มกระแทกพื้นจมูกเบี้ยว ลั่นแค้นทุ่มเงินเปย์ให้ศัลยกรรมจนสวย สุดท้ายถูกเทนอกใจคบคนใหม่
คลิปที่หนุ่มคนหนึ่ง เอาขันใส่ขี้หมา เทลงบนหัวของอดีตภรรยา ก่อนใช้มือขยี้ขี้หมาซ้ำ และผลักฝ่ายหญิงล้มกระแทกพื้นจมูกเบี้ยว จากนั้นก็ด่าฝ่ายหญิง บอกว่า "ทุ่มเงินทองให้ทำศัลยกรรมจนสวย แต่กลับนอกใจไปคบชายคนใหม่ แถมหลอกให้แม่กู้ซื้อรถให้อีก" โดยฝ่ายหญิงไม่ตอบโต้ รีบเดินหนีไปจากที่เกอชิดเหตุ ลานจอดรถด้านหลังสถานบันเทิงใน จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 27 มี.ค.
ทีมข่าวไปพบ นายณพรรษ วงษ์หาญ อายุ 34 ปี หรือ นายแซม หนุ่มที่ก่อเหตุ เปิดใจว่า แต่งงานกับอดีตภรรยาคนนี้ ตั้งแต่ปี 2561 ตอนนั้นหมดเงินกับการจัดงานแต่งเกือบ 5 แสนบาท ที่ผ่านมาเป็นสายเปย์ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้หมด อยากทำธุรกิจก็ลงทุนให้ แม้กระทั่งค่าสักลาย ค่าทำศัลยกรรมทั้งตัวก็จ่ายให้
กระทั่งติดคุกคดียาเสพติดปี 2562 นาน 8 เดือน อดีตภรรยากลับนอกใจไปมีคนใหม่ แล้วยังหลอกให้แม่เซ็นต์กู้ผ่อนรถให้ 2 คัน ยังผ่อนไม่ทันหมด ก็จะให้แม่กู้คันที่ 3 ให้อีก แต่โชคดีที่แม่มาเล่าให้ฟังก่อน จึงห้ามแม่ไว้ทัน
กระทั่งพอพ้นโทษออกมาปี 2563 ก็เจอว่า อดีตภรรยายังเอาทองรูปพรรณ พร้อมพระเลี่ยมทองน้ำหนัก 30 บาท ไปขายจนเกลี้ยง เหลือเงินติดบัญชีแค่ 15,000 บาท จึงคิดแก้แค้นให้สาสม แต่จะไปทำร้าย ก็กลัวติดคุก เลยตัดสินใจเอาขี้หมาใส่ขัน เอาไปขยี้หัวตามคลิป ส่วนที่อดีตภรรยา ไปแจ้งความว่า ตนผลักเขาล้มจมูกเบี้ยว ยืนยันว่า ไม่ได้ทำ เขาอาจเมาจนล้มไปเอง
ขณะที่นางสาวจอย อายุ 32 ปี อดีตภรรยา เข้าให้ปากคำกับตำรวจภูธรบางใหญ่ เล่าว่า ช่วงที่อดีตสามีอยู่ในเรือนจำ ไปเยี่ยมตลอด ซึ่งตอนนั้นออกจากบ้านสามีมาเปิดร้านขายขนมที่บ้านของตัวเอง จนอดีตสามีพ้นโทษออกมา ก็ยังอยู่กินกันเหมือนเดิม เพียงแต่ไม่ได้กลับไปอยู่ด้วย เพราะมีเพื่อนหลายคนเตือนให้ระวังตัว เนื่องจากสามีทั้งเล่นยา การติดพนัน
ยืนยันว่า เรื่องเงินศัลยกรรมที่อ้างว่า ให้เงินทำมานั้น ยืนยันว่า เงินที่เอาไปทำศัลยกรรมเป็นเงินที่ได้จากน้ำพักน้ำแรง และธุรกิจที่ขายของ คนที่ติดตามเวลาไลฟ์สดจะรู้ดีว่า ขายของเพื่อหาเงินไปทำศัลยกรรมด้วยตนเอง ไม่ได้ขอเงินใคร พร้อมจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่นัด ไม่คุย ไม่ไกล่เกลี่ยใดๆ ทั้งสิ้นกับคนนี้ ต่อให้จดทะเบียนก็ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้
หลังสอบปากคำเสร็จสิ้น ตำรวจพานางสาวจอย ไปชี้จุดเกิดเหตุที่สถานบันเทิงดังกล่าว ก่อนจะส่งไปตรวจร่างกาย รอผลชันสูตรบาดแผล จากนั้นจึงจะเรียกผู้ก่อเหตุมารับทราบข้อหาต่อไป