"อนุทิน" ขอ 3 วัน ประเมินสถานการณ์พื้นที่โควิดระบาด ยืนยัน โรงพยาบาลสนามมีความปลอดภัย

(24 ธ.ค. 2563) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการเตรียมพร้อมด้านสาธารณสุขเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่า ระบบสาธารณสุขไม่ได้จำกัดแค่การรักษาพยาบาล หรือการตรวจพบผู้ติดเชื้อ แต่หมายถึงความพร้อมทั้งชุดป้องกัน เวชภัณฑ์ บุคลากรทางการแพทย์ ไปจนถึงประสบการณ์ทางการแพทย์ การรักษาที่มีประสิทธิภาพมากพอรักษาผู้ป่วย ความพร้อมเคลื่อนที่ของหน่วยบริการต่าง ๆ ที่เตรียมความพร้อมสำหรับการระบาด ซึ่งถือว่าระบบสาธารณสุขของไทยมีความพร้อมและเข้มแข็งในการรับมือ

ส่วนการแบ่งพื้นที่ควบคุมเป็น 4 ระดับ ในช่วงที่มีการระบาดนั้นเป็นการจัดตามความเสี่ยง เพื่อในกรณีที่พบการระบาดก็จะเข้าไปดูแลตามหลักการไม่ให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อน ทั้งนี้ในการเฝ้าระวังสถานการณ์ 2-3 วันต่อไปนี้ หากพื้นที่ไข่แดง หรือพื้นที่ศูนย์กลางการระบาดใน จ.สมุทรสาคร พบจำนวนผู้ป่วยลดลง แสดงว่ามีการตรวจที่ครบแล้ว หลังจากนั้นจะเข้าไปตรวจในชุมชนใกล้เคียงว่ามีความเชื่อมโยงกับพื้นที่ระบาดหรือไม่ หากไม่พบการติดเชื้ออย่างมีนัยยะสำคัญ ก็แสดงว่าสามารถควบคุมโรคได้แล้ว แต่ขอให้ประชาชนยังคงสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และล้างมือเป็นประจำ

ส่วนระยะเวบาในการในการจำกัดพื้นที่แต่ละจุดนั้น จะต้องประเมินความปลอดภัยตามมาตรฐานควบคุมโรค จะกี่วันก็ตามความเหมาะสมของสถานการณ์ในพื้นที่ และขอให้ประชาชนติดตามการแถลงข่าวจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 (ศบค.) และ กระทรวงสาธารณสุข ทุกวัน เพราะมีความน่าเชื่อถือกว่าการรับข้อมูลจากช่องทางอื่น

สำหรับกรณีมีการต่อต้านการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ต่าง ๆ นายอนุทิน กล่าวว่า การจัดตั้งหน่วยบริการของสาธารณสุขจะคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก หากไม่ปลอดภัยผู้ทำงานหรือบุคลากรทางการแพทย์ก็คงไม่กล้าเข้าไปทำ กระทรวงสาธารณสุขขอยืนยันว่า ผู้ที่ไปรับการรักษา การตรวจหาเชื้อในสถานพยาบาลชั่วคราว หรือโรงพยาบาลสนาม จะได้รับการคุ้มครองป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นอย่างแน่นอน เพราะมีการดำเนินการตามหลักเกณฑ์การควบคุมโรค

ด้านนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการจำกัดพื้นที่ว่า จะมีการประเมินรายสัปดาห์ ทั้งนี้จุดประสงค์คือ การควบคุมโรคให้ได้ ลดการทำกิจกรรมร่วมกัน และจำกัดการเดินทางให้น้อยลง ไปจนถึงทำให้คนสวมหน้ากากอนามัยกันมากขึ้น