นายกรัฐมนตรี ระบุ ตราบใดที่ประเทศชาติไม่เรียบร้อย คนเป็นนายกรัฐมนตรี-รองนายกรัฐมนตรี คงไม่มีความสุข วอนคนไทยรับผิดชอบอยู่ในกรอบกฎหมาย ไม่อย่างนั้นประเทศก็ตีกันตาย


พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการเป็นประธานในพิธีลงนามในสัญญาการจัดหาวัคซีน โควิด -19 ว่า เป็นการลงนามร่วมกันระหว่างไทยกับประเทศผู้ผลิตและค้นคว้าวิจัย โควิด -19 กับทางมหาวมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด ซึ่งเป็นสัญญาการจองซื้อ ซึ่งบริษัท AstraZeneca และบริษัทคู่สัญญา ถือว่า มีความก้าวหน้าในระดับที่สูง และมีแนวโน้มว่าจะสามารถผลิตวัคซีนได้ภายในต้นปีหน้า สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องเตรียมความพร้อมภายในประเทศ ทั้งการนำเข้าสู่บรรจุภัณฑ์ การขนย้ายวัคซีน การเก็บรักษา

ในส่วนของบริษัทสยามไบโอไซน์ของไทย ซึ่งเป็นบริษัทในพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกิดขึ้นจากพระราโชบายว่า ที่จะต้องมีบริษัทที่ผลิตยา แล้ววัคซีนให้กับคนไทย เพื่อให้เกิดความทั่วถึง ภายในประเทศ ถือเป็นสายพระเนตรอันยาวไกลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 ที่ได้ทรงสืบสานรักษาและต่อยอด พร้อมกับพระราชทานพระราชานุญาต ให้บริษัทสยามไบโอไซน์ เป็นบริษัทที่ทำการผลิตและ ถ่ายทอดเทคโนโลยี

โดยนายกรัฐมนตรียังระบุอีกว่า ในวันข้างหน้า ตนไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก ถือได้ว่าการลงนามในวันนี้เป็นความพร้อมของประเทศไทย ตนขอให้คนไทยทุกคนได้ช่วยกัน ทำให้ทุกอย่างนั้นสำเร็จไปได้ด้วยดี

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เมื่อเช้าที่ผ่านมาตนได้ไปเยี่ยมประชาชน บริเวณเลียบคลองผดุงกรุงเกษม ซึ่งทุกคนก็มีความสุขตามอัตภาพพอสมควร คนที่เดือดร้อนรัฐบาลก็จะดูแลตามขั้นตอนไป พร้อมกับยังกล่าวอีกว่าขอให้ทำสิ่งดีๆ วันไหนได้ทำอะไรในสิ่งที่ไม่มีปัญหา ตนก็มีความสุข ตราบใดที่ประเทศชาติ ยังไม่เรียบร้อย คนเป็นนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรี คงไม่มีความสุข อยากเห็นคนไทยมีความสุข แต่ความสุขต้องอยู่ในกรอบ ที่ควรจะเป็น หน้าที่สิทธิเสรีภาพความรับผิดชอบตามกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมทุกอย่างมีหมด ไม่อย่างนั้นประเทศก็ตีกันตาย

ส่วนแนวโน้มการขยายโครงการคนละครึ่งเข้าไปในระดับนักเรียนชั้นมัธยมนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขณะนี้กำลังหารือกันอยู่ ว่าควรจะให้อะไรใครอย่างไร ความจริงก็อยากจะให้ทุกคน แจกให้ 70 ล้านกว่าคนคงไม่ไหว แต่เดี๋ยวต้องไปดูก่อน โครงการนี้เป็นโครงการให้สำหรับคนที่มีรายได้น้อย ซึ่งอย่างน้อยก็ยังได้มีอาหารการกินที่ราคาถูกลง หรือซื้อของได้ถูกลง เป็น 2 เท่า และรัฐบาลจะดำเนินต่อไปในเดือนมกราคมนี้ และจะขยายมาตรการดังกล่าวออกไปอีก 3 เดือน ทุกอย่างจะต้องเดินหน้า การใช้จ่ายงบประมาณทีละ 3 เดือน และใช้งบประมาณให้เพียงพอ