ปศุสัตว์สั่งห้ามเคลื่อนย้ายสัตว์ เข้า-ออก นอกพื้นที่ หลังพบควาย 2 ตัว ตายเพราะโรคคอบวม พร้อมเตรียมระดมฉีดยาฆ่าเชื้อโรค

วานนี้ (19 มิ.ย.) สัตวแพทย์ กลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดอุบลราชธานี เข้าตรวจสอบซากควายเพศเมีย ที่เจ้าของนำมาฝังไว้ บริเวณสระน้ำ พื้นที่ หมู่ 1 ตำบลสำโรง อำเภอสำโรง จังหวัดอุบลราชธานี หลังควายตัวดังกล่าวได้ตายลง เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา

จากการผ่าชำแหละชิ้นเนื้อและอวัยวะภายใน เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ สันนิษฐานว่า เกิดจากการติดเชื้อ โรคเฮโมรายิกเซฟติซีเมีย หรือโรคคอบวม อย่างไรก็ตาม ต้องนำชิ้นเนื้อที่เก็บจากซากควาย ส่งให้ห้องปฏิบัติการ เพื่อยืนยันการวิเคราะห์ชนิดของโรค ซึ่งจะทราบผลภายใน 3-7 วัน

เบื้องต้น วันนี้ (20 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ จะนำยาฆ่าเชื้อ เข้าฉีดพ่นซ้ำ รอบบริเวณที่พบควายตาย และจุดที่นำไปฝัง เพื่อป้องกันการระบาดของโรค

 

สอบถามเจ้าของควาย เล่าว่า ช่วงเช้าวันที่ 18 มิถุนายน ลูกควายอายุประมาณ 2 ปี ในคอกของตน ได้ตายลงโดยไม่ทราบสาเหตุ และตนได้ชำแหละเนื้อ นำไปแจกจ่ายให้กับเพื่อนบ้าน

แต่เพื่อนบ้าน ยังไม่ทันนำเนื้อลูกควายไปบริโภคเป็นอาหาร ก็ทราบว่า แม่ควาย มาตายลง ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน เพื่อนบ้านจึงได้นำเนื้อของลูกควาย ไปฝังกลบ

สำหรับวัวและควายในหมู่บ้านที่ยังมีชีวิต เจ้าหน้าที่ได้ให้กำนันและผู้ใหญ่บ้าน ประกาศแจ้งลูกบ้าน ให้นำวัวควายทุกตัว มารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรค พร้อมทั้งห้ามไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายสัตว์ ทั้งเข้าและออกพื้นที่ ในรัศมี 5 กิโลเมตร เพื่อกักกันโรค ไม่ให้เชื้อแพร่ระบาดไปยังพื้นที่อื่นๆ ด้วย

สัตวแพทย์สั่งกักกันพื้นที่ หลังพบควายตาย 2 ตัว คาดป่วยเป็นโรคคอบวม