หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าวังโป่ง-ชนแดน อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ ตรวจสอบนกยูงขนาดใหญ่ 3 ตัว ที่ชาวบ้านพบขณะมาแย่งกินอาหารไก่ และที่กลางไร่มันสำปะหลัง พบว่าเป็นนกยูงสายพันธุ์อินเดีย จึงไม่เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง แต่เป็นสัตว์ป่าสวยงามที่สามารถครอบครองได้

จากกรณีที่ชาวบ้านหมู่ 1 บ้านลาดแค และชาวบ้านหมู่ 9 บ้านลาดแคเหนือ ต.ลาดแค อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ พบนกยูงขนาดใหญ่น้ำหนักราว 9-10 กิโลกรัม จำนวน 3 ตัว โดยนกยูงที่ชาวบ้านพบตัวแรก ได้บินมาแย่งกินอาหารไก่ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ในเล้า ส่วนนกยูงตัวที่สองและตัวที่สาม ชาวบ้านพบบินลงมาจิกกินแมลงและใบหญ้า ที่ในไร่มันสำปะหลังของชาวบ้าน

โดยนกยูงทั้ง 3 ตัว มีขนาดใหญ่และสวยงามมาก โดยตัวแรกบริเวณขนคอ หน้าอกและส่วนอื่นๆจะมีสีเขียว และสีเหลืองเหลือบทองดูเป็นมันวาว ขนปกคลุมปลายปีกสีน้ำตาล ที่หัวมีขนหงอนชี้ตรงเป็นกระจุกสีเขียว นกยูงตัวที่สองบริเวณขนคอ หน้าอกเป็นสีเขียว และสีเหลืองเหลือบทองดูเป็นมันวาว ขนปกคลุมปลายปีกสีน้ำตาลสลับขาว ที่หัวมีขนหงอนชี้ตรงเป็นกระจุกสีเขียว ส่วนนกยูงตัวที่สามมีลักษณะ หน้าขาว ขนคอ และขนหน้าอกจะมีสีคราม ส่วนหัวมีสีคราม แกล้มหน้าออกสีขาว ขนปกคลุมปลายปีกสีน้ำตาลปนขาว ที่หัวมีขนหงอนชี้ตรงเป็นกระจุกสีดำปนคราม โดยนกยูงทั้ง 3 ตัว ผู้ใหญ่บ้านทั้ง 2 หมู่บ้าน ได้แจ้งให้หน่วยกู้ภัยมูลนิธิชนแดนสงเคราะห์ ร่วมกับชาวบ้านช่วยกันจับไว้ แล้วแจ้งให้เขตห้ามล่าสัตว์ป่าวังโป่ง-ชนแดน นำไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ เนื่องจากชาวบ้านหวั่นเกรงว่านกยูงเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ถ้าใครเลี้ยงไว้ หรือ มีไว้ในครอบครองก็จะมีความผิด ตามพระราชบัญญัติสัตว์ป่าคุ้มครอง

ล่าสุด นายธนิต นุ่นลอย หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าวังโป่ง-ชนแดน อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ ได้ให้เจ้าหน้าที่ทำการสร้างกรงขนาดใหญ่ขึ้นมา พร้อมทั้งส่งเจ้าหน้าที่มานำนกยูงทั้ง 3 ตัว ที่ชาวบ้านจับได้ดังกล่าว มาเลี้ยงไว้ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าวังโป่ง-ชนแดน โดยหัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าวังโป่ง-ชนแดน กล่าวว่า จากการตรวจสอบนกยูงทั้ง 3 ตัวดังกล่าว พบว่าเป็นนกยูงต่างประเทศสายพันธุ์อินเดีย จึงไม่เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 แต่เป็นสัตว์ป่าสวยงาม ส่วนผู้ที่มีไว้ในครอบครองส่วนใหญ่ จะเลี้ยงไว้ในวัด สถานที่ราชการ โรงแรม และ รีสอร์ทต่างๆ

โดยนกยูงดังกล่าว ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม ตัวผู้จะมีพฤติกรรมดุร้ายมีเดือยยาวเป็นอาวุธ ส่วนอาหารที่ชอบกิน คือ ข้าวเปลือก ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ถั่ว และ เมล็ดหญ้า ซึ่งถ้าปล่อยไว้อาจจะไปกระทบกับเกษตรกรที่ปลูกพืชไร่ได้ และที่สำคัญ ไม่ควรปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ เพราะอาจจะไปผสมพันธุ์กับนกยูงไทย จะทำให้ แปลกเปื้อนเปลี่ยนปนสายพันธุ์ได้ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าวังโป่ง-ชนแดน จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ทำกรงหรือคอกขึ้นมาเพื่อนำมาเลี้ยงไว้ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าฯ ต่อไป และถ้าใครพบเห็นนกยูงดังกล่าวอีก โปรดแจ้งมาที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าวังโป่ง-ชนแดน

 

cr.เอมอร ตันติมาลา//เพชรบูรณ์