ปศุสัตว์จังหวัดสระแก้ว วางมาตรการเชิงรุก เร่งฉีดวัคซีน ป้องกันโรคระบาด ในโค-กระบือเกือบ 1 แสนตัว ป้องกัน โรคคอบวม ที่มักระบาดตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ในช่วงก่อนเข้าหน้าหนาว พร้อมเตือนเกษตรกหมั่นสังเกตและเฝ้าระวัง

นายธเนศ โพธิ์ทอง หัวหน้าสำนักงานปศุสัตว์ จังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า ในช่วงปลายฝนต้นหนาวที่กำลังจะถึงนี้ เจ้าหน้าที่เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังโรคระบาด โดยเฉพาะโรคคอบวม โดยพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ยังคงเป็นพื้นที่ประกาศ เขตภัยโรคระบาดในสัตว์เลี้ยง หลังเกิดการแพร่ระบาด ของโรคคอบวม ในพื้นที่อำเภอตาพระยา จนทำให้มีโค-กระบือ ตายไปเกือบ 100 ตัว เมื่อช่วงกลางเดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 หรือ 2 ปีที่แล้ว

ทั้งนี้ จังหวัดสระแก้ว มีพรมแดน ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นระยะทาง 165 กิโลเมตร และ จะมีวงรอบการฉีดยาป้องกันโรคระบาด ช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี

โดยปีนี้ ได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว กว่า 1 แสนตัว ทั่วทั้งจังหวัด พร้อมกันนี้ ยังเพิ่มมาตรการเฝ้าระวัง โดยมอบหมายให้ ปศุสัตว์อำเภอ อาสาปศุสัตว์จังหวัด และด่านกักกันสัตว์ ร่วมกันเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด

ส่วนเกษตรกร เจ้าหน้าที่ ขอความร่วมมือ หากพบสัตว์เลี้ยง เริ่มมีอาการผิดปกติ ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที โดยจะนำสัตว์ต้องสงสัยไปเข้าห้องปฎิบัติการพิเศษ และฉีดพ่นยา-วัคซีน ในรัศมี 5 กิโลเมตร

สำหรับ โรคคอบวม (โรคเฮโมรายิก เซฟติซีเมีย) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ส่วนใหญ่มักพบในโค-กระบือ การติดเชื้อ เกิดจากการแพร่ระบาด จากสารคัดหลั่ง น้ำลาย น้ำมูก อุจจาระ หรือแม้แต่การกินน้ำ และ อาหารที่มีการปนเปื้อน

หากสัตว์ที่ได้รับเชื้อแล้ว จะแสดงอาการน้ำมูกน้ำลายไหล หายใจลำบาก มีการพองบวมน้ำใต้ผิวหนัง บริเวณขากรรไกร คอหอย ลามไปยังช่วงล่างคอ และอก บางกรณีจะพบขาหน้าบวม ระบบทางเดินหายใจถูกกดทับ ท้องเสีย ล้มลงนอน และ ตายในที่สุด ซึ่งอาการลักษณะนี้จะแสดงภายใน 24 ชั่วโมง

ปศุสัตว์สระแก้วเตือนเกษตรกรระวัง "โรคคอบวม" ระบาดในโคกระบือตามแนวชายแดน