อาจารย์ภาควิชาเคมี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เผย "น้ำข้าวหมาก" กับ "สาโท" มีดีกรีแอลกอฮอล์ต่างกัน หากหมัก "น้ำข้าวหมาก" ไว้นานเกิน 3 วัน น้ำข้าวหมาก จะมีแอลกอฮอล์สูงขึ้น กลายเป็น สาโท ขณะที่รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุ น้ำข้าวหมาก ไม่จัดอยู่ในประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่มีกฎหมายควบคุม ส่วนสาโท คือเหล้าเถื่อน เหล้าต้ม ผิดกฎหมาย พร้อมเตือน สังคมระวังซ้ำรอย"ตายายเก็บเห็ด"

จากกรณีนางเสน่ห์ ป่วงรัมย์ อายุ 60 ปี แม่ค้าขายข้าวหมาก ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ร้องเรียนว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังถูกเจ้าหน้าที่สรรพสามิตในพื้นที่ เข้าจับกุม ขณะนั่งขายข้าวหมากห่อใบตอง ในข้อหา จำหน่ายเหล้าสาโท โดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมเรียกค่าปรับสูงถึง 5 หมื่นบาท ก่อนมีการต่อรองลดเหลือ 1 หมื่นบาทนั้นจากนั้นเจ้าหน้าที่สรรพสามิต ได้ออกมาชี้แจง พร้อมโชว์หลักฐานเป็นเหล้าแช่สาโท บรรจุถุงพลาสติก 11 ถุง ซึ่งเป็นของกลางที่ตรวจยึดมาได้ ยืนยันว่าไม่ได้จับขาย ข้าวหมาก แต่เป็นการจับผู้ครอบครองสุราที่ผลิตขึ้นเอง

ล่าสุด นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึง ความแตกต่างระหว่างน้ำข้าวหมาก กับ น้ำสาโท ในข้อกฎหมาย ว่า น้ำข้าวหมาก มีขายทั่วไปตามร้านสะดวกซื้อ ไม่จัดอยู่ในประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ทำให้เกิดความมึนเมา ไม่มีกฎหมายควบคุม ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยไว้ชัดเจนว่าแป้งข้าวหมาก ไม่ใช่หมายถึงเชื้อสุรา ตาม พ.ร.บ.สุรา พ.ศ.2493

ส่วนสาโท คือเหล้าเถื่อน เหล้าต้มเอง จึงเป็นความผิดตาม มาตรา 153 วรรคหนึ่ง มีไว้ในครอบครองซึ่งสุราที่ผลิตขึ้นโดยฝ่าฝืน อันเป็นความผิดตามกฎหมาย

จึงอยากให้ประชาชน และสื่อมวลชน ดูข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน จะได้ไม่ไปซ้ำรอยคดีตายายเก็บเห็ด ซึ่งภายหลังทุกคนก็ทราบกันจากคำพิพากษาศาลฎีกาแล้วว่าไม่ใช่ตายายไปเก็บเห็ดถึงถูกจับ แต่เป็นเพราะกระทำอย่างอื่น

ขณะที่ รองศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ภาควิชาเคมีคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หรือ อ.อ๊อด ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ปกติการทำข้าวหมากจะหมักกับยีส (ลูกแป้ง) ไว้ประมาณ 3 วัน เปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์ จะไม่เกิน 0.5 เปอร์เซ็นต์เป็นการเปลี่ยนแป้งให้กลายเป็นน้ำตาล และ เป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว (กลูโคส) ที่ร่างกายสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้ มีความหวานหอม และมีแอลกอฮอล์ในปริมาณที่น้อย เป็นการหมักเริ่มต้นที่ทำให้แป้งกลายเป็นน้ำตาล และจากน้ำตาลเป็นแอลกอฮอล์เล็กน้อย

แต่ถ้าหมักนานกว่านั้นเกิน 3 วัน แอลกอฮอล์จะเพิ่มสูงขึ้น หากเอาไปกรองออกมา ก็จะได้น้ำสีขุ่นๆ ที่เรียกว่าสาโท เปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์ไม่ต่ำกว่า 7-15 เปอร์เซ็นต์ และหากนำเอาน้ำเมาสาโทไปกลั่น ก็จะได้เหล้าขาว ที่มีเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์มากกว่า 55 เปอร์เซ็นต์ บางสูตรได้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ที่สามารถจุดไฟติดได้

อัยการชี้ความแตกต่าง"แป้งข้าวหมาก-น้ำสาโท" เตือนสังคมระวังซ้ำรอย"ตายายเก็บเห็ด