พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ นำคณะนักกีฬาที่จะร่วมแข่งขันเอเชียนเกมส์เข้าพบนายกรัฐมนตรี โดยนายกฯอวยพรขอให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ต้องรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย พร้อมแสดงอาการหงุดหงิด หลังสื่อถามกรณีสื่ออินโดฯวิจารณ์ไทยที่ยังเป็นรัฐบาลรัฐประหารไม่เหมาะนั่งประธานอาเซียนปีหน้า

วานนี้ (6ส.ค.) เวลา 13.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำคณะเจ้าหน้าที่และนักกีฬาไทยที่จะเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 ระหว่างวันที่ 18 สิงหาคม - 2 กันยายนนี้ ที่ประเทศอินโดนีเซีย เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีพร้อมรับโอวาท 

ซึ่งการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ครั้งนี้ มีนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ในนามทีมชาติไทย ร่วมเดินทางมาในการแข่งขันทั้งหมด 1,220 คน ใน 38 ชนิดกีฬา

โดยนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวให้โอวาทว่า การแข่งขันครั้งนี้ ขอให้ทุกคนเก็บเกี่ยวประสบการณ์กลับมา ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ทุกประสบการณ์มีความสำคัญ สามารถนำมาเป็นบทเรียนและปรับใช้ได้เสมอ 

ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนทำหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุด แต่การแข่งขันกีฬาไม่ได้มีเป้าหมายอยู่ที่การแพ้ ชนะเพียงอย่างเดียว เพราะหากชนะโดยไร้มิตรภาพ ก็ไม่มีความสำคัญ ทุกคนต้องมีน้ำใจ เป็นนักกีฬาต้องรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย และนำบทเรียนในระหว่างการแข่งขันกลับมาพัฒนาตนเองให้ก้าวต่อไปในวันข้างหน้าที่ดีกว่า 

ช่วงหนึ่ง พลเอก ประยุทธ์ ยังกล่าวว่า ในปีหน้านี้ ถึงคิวที่ประเทศไทยจะเป็นประธานอาเซียน แต่ยังไม่ทราบว่าใครจะเป็นรัฐบาลเหมือนกัน เพราะการประชุมอาเซียนจะเกิดขึ้นภายหลังเลือกตั้ง ดังนั้น จึงอย่ากังวลว่า ตนจะเป็นรัฐบาลหรือไม่ ไม่ต้องมาต่อต้านตนในวันนี้ และต้องเข้าใจว่า คนที่ต่อต้านก็เขียนกันไปเรื่อย 

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการบริหารการกีฬา รวมทั้งนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ 

สำหรับตำแหน่งประธานอาเซียนจะหมุนเวียนกันดำรงตำแหน่งประเทศละ 1 ปี ตามลำดับตัวอักษรในประเทศสมาชิก ซึ่งปี 2019 หรือ ปีหน้า ถึงคิวประเทศไทยเป็นประธานอาเซียน 

จากนั้น พลเอก ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์กรณที่ีสื่ออินโดนีเซียวิจารณ์ว่า ไทยมีรัฐบาลรัฐประหาร ไม่เหมาะกับตำแหน่งประธานอาเซียนในปีหน้า โดยนายกฯกล่าวด้วยอารมณ์หงุดหงิดว่า จะชี้แจงทำไม และจะชี้แจงอะไร เพราะคนที่ออกมาวิจารณ์เป็นแค่สื่อ ไม่เกี่ยวกับตน 

เรื่องของสื่อบางสื่อ ต้องไปดูเจตนาว่า เขาเขียนเพื่ออะไร แล้วเราจะไปเป็นเครื่องมือให้เขาทำไม และที่ตั้งคำถามนี้ขึ้นมา มันจะได้อะไร 

นายกฯ ยังกล่าวถึงกรณีที่ตำรวจสันติบาล 1 จัดทำใบลงทะเบียนสำหรับช่างภาพสื่อมวลชน มีข้อกำหนดเกี่ยวกับมารยาทในการถ่ายภาพว่า ต้องดค้งคำนับนายกฯ ทั้งก่อนและหลังถ่ายภาพว่า เรื่องคำนับหรือไม่คำนับ เป็นเรื่องของสื่อ ตนไม่ได้ดีใจหรือเสียใจ กับการคำนับของทุกคน เพราะเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน

จากนั้น พลเอกประยุทธ์ กล่าวขอบคุณ ก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที โดยหันมาบอกผู้สื่อข่าวว่า “จะเป็นอะไร ก็เป็นของฉัน” 

ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่สื่ออินโดนีเซีย เผยแพร่บทความว่า ไทยมีรัฐบาลรัฐประหาร ไม่เหมาะกับตำแหน่งประธานอาเซียนในปีหน้าว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจผิด เพราะเป็นการเขียนแบบนั่งเทียนเขียนข่าวโจมตีอย่างเดียว โดยที่ไม่มีข้อมูล รวมทั้งไม่ได้ดูเงื่อนไขที่เป็นจริง ว่า การทำหน้าที่เป็นประธานอาเซียน ไม่ได้เป็นเรื่องของคนใดคนหนึ่ง หรือ รัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของประเทศ 

หากอนาคตมีการเลือกตั้ง และมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามา จะมีข้าราชการในกระทรวงที่เกี่ยวข้องพร้อมสนับสนุนและทำงาน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำหน้าที่ประธานอาเซียนของไทยต่อไป

นายกฯหงุดหงิดสื่อต่างชาติค้านนั่งประธานอาเซียน