ตำรวจกองปราบฯ นำกำลังเข้าจับกุม "นายปิญช์ มาลากุล ณ อยุธยา" ภายในวัดป่าห้วยบง จ.พะเยา หลังหลบหนีหมายคดีฉ้อโกงมาบวชเป็นพระ โดยใช้นามสกุลดัง หลอกหลวงเหยื่อลงทุน อ้างสนิทกับรัฐบาล คสช. เสียหายหลายล้านบาท
ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม นำกำลังจับกุม นายปิญช์ มาลากุล ณ อยุธยา อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีร่วมกันฉ้อโกง ลงเมื่อวันที่ 5มิถุนายน 2560 โดยจับได้ที่วัดป่าห้วยบง ต.ทุ่งรวงทอง อ.จุน จ.พะเยา
คดีนี้สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่า ถูกนายปิญช์ ซึ่งอ้างว่า ได้รับสิทธิพิเศษจากรัฐบาลไทย ให้เข้าไปลงทุนโครงการก่อสร้างในประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะให้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนจำนวนมหาศาล
ผู้เสียหายหลงเชื่อ เนื่องจากผู้ต้องหามีนามสกุลดัง แถมยังอ้างว่า สนิทสนมกับผู้ใหญ่ในรัฐบาล คสช.จึงได้ร่วมลงทุนกับนายปิญช์ เป็นเงิน 5 ล้านบาท ต่อมาผู้เสียหายได้ทวงถามส่วนแบ่งผลกำไรจากการลงทุน แต่นายปิญช์ บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด จนกระทั่งไม่สามารถติดต่อได้ จึงมั่นใจว่าถูกโกง จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.โพธิ์แก้ว จ.นครปฐม กระทั่งศาลออกหมายจับ
ต่อมาตำรวจสืบทราบว่า นายปิญช์ ได้หลบหนีมาบวชพระอยู่ที่วัดป่าห้วยบง ต.ทุ่งรวงทอง อ.จุน จ.พะเยา จึงเข้าจับกุมดังกล่าว
สอบสวน นายปิญช์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์แก้ว ดำเนินคดีต่อไป
สำหรับ นายปิญช์ นั้น เคยเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคประชากรไทย โดยเมื่อวันที่ 10 ก.พ.2553 เคยถูกจับกุมดำเนินคดีพร้อมกับ นางสาวจุฬาลักษณ์ ฟอสเตอร์ หรือ "หม่อมอุ๋มอิ๋ม" หลังอ้างตัวเป็นราชนิกุล เข้าไปขอเคลียร์ไม่ให้ตำรวจ สน.บางเขน จับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์
แต่เมื่อตำรวจตรวจสอบเอกสาร ที่มีตราประทับประจำราชสกุลที่ผู้ต้องหาแอบอ้าง ปรากฏว่า เป็นเอกสารปลอม
นอกจากนี้ ยังตรวจสอบพบว่า มีผู้เสียหายที่ถูกนายปิญช์ หลอกลวง ว่า สามารถวิ่งเต้นติดต่อผู้ใหญ่ในรัฐบาลปัจจุบันให้ได้รับเหมา ส่งอาหารให้กับเรือนจำทั่วประเทศได้ แต่มีค่าใช้จ่ายในการวิ่งเต้น ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อสูญเงิน 3 ล้านบาท และ ยังมีผู้เสียหายอีกรายหลายที่ถูกนายปิญช์หลอกลวงในลักษณะดังกล่าวกำลังทยอยเข้าแจ้งความดำเนินคดี